หญิงสาวหน้าซีดเผือดเมื่อนึกถึงความใกล้ชิดนี้ ให้ตายหล่อนก็พูดออกมาไม่ได้ว่าหล่อนกำลังหวั่นไหวกับสัมผัสของเขา สิ่งที่ทำได้ใน
ตอนนี้จึงมีเพียงตีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกรู้สาเท่านั้น
“ขอบคุณค่ะ”
“อย่าเพิ่งขอบคุณฉันเลย ฉันจะยังไม่ให้คำตอบเธอเดี๋ยวนี้หรอกนะว่าฉันตกลงกับสิ่งที่พวกพีระนันท์ทำหรือเปล่า แต่ในตอนนี้เธอทำให้ฉันไม่พอใจ”
คีธตอบหล่อน คราวนี้น้ำเสียงของเขามีเค้าขบขันที่ทำให้หล่อนเสียววาบในใจ เพราะมันราวกับเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเขาคิดหาวิธีแก้เกมนี้ของหล่อนได้แล้ว
“คะ?”
“เธอ...” เขาลากเสียงยาว ฝ่ามือหนาที่รัดหล่อนแนบแน่นเปลี่ยน
เป็นไล้แผ่นหลังเรียบเนียนที่นึกอยากสัมผัสตั้งแต่แรกเห็นแล้วว่ามันจะละมุนมือเพียงใด ชายหนุ่มส่งยิ้มให้หญิงสาวที่เงยหน้ามองเขาอย่าง
ตื่นตะลึง ไม่ใช่เพราะสัมผัสของเขาอย่างเดียวเท่านั้น แต่บางสิ่งบางอย่างของเขากำลังดุนดันหน้าขาของหล่อนจนรู้สึกได้ สัญชาตญาณหลบหลีกภัยสั่งให้หญิงสาวถอยห่าง แต่หล่อนทำไม่ได้เพราะฝ่ามือหนาที่ลูบไล้แผ่นหลังหล่อนอย่างย่ามใจ บัดนี้กลับกกกอดร่างหล่อนแนบแน่นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ส่งผลให้รอยยิ้มของคีธในคราวนี้เพิ่มมากขึ้น แต่คนมองกลับใจหายวาบกับแววตาและยิ้มราวกับปีศาจนั่น
“...จงจำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่าริจะมาต่อกรกับฉันเธอต้องไปฝึกให้มากกว่านี้ แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่เธอต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ฉันแล้ว”
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยชิดริมใบหูบอบบาง ริมฝีปากหยักร้อนนั้นและเล็มพรมจูบข้างขมับของหล่อน ไล่เลยมายังพวงแก้วหอมกรุ่น และสิ้นคำพูดสุดท้าย ริมฝีปากหยักคู่นั้นก็ทาบทับกลีบปากนุ่มของหล่อนทันที
“อะ...อื้อ”
การะบุหนิงพยายามดิ้นรน แต่ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งรัดหล่อนแนบแน่น และร่างกายของหล่อนก็ยิ่งเสียดสีกับเรืองร่างของเขามากยิ่งขึ้น ขณะที่ริมฝีปากของหล่อนถูกครอบครองอย่างดุดัน สัมผัสของเขาไม่ได้ให้ความ
รู้สึกที่ดีกับหล่อนสักนิดเดียว สิ่งที่หล่อนรู้สึกในยามนี้มีเพียงตกใจ และทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเมื่อร่างกายสัมผัสได้ถึงบางสิ่งในร่างกายของเขาที่กำลังตื่นตัวขึ้นมาเพราะแรงดิ้นรนของหล่อน การะบุหนิงก็ยิ่งตื่นตระหนก ตอนนี้หญิงสาวไม่เหลือมาดใจเย็นอีกต่อไป หล่อนกลับกลายไปเป็นสาวน้อยขี้ตื่นตกใจคนเดิมเสียแล้ว
กว่าคีธจะละจากริมฝีปากของหล่อนก็เนิ่นนานหลายนาทีจนหญิงสาวแทบขาดใจ ชายหนุ่มกอดหล่อนแนบกายอย่างไม่รู้ตัว ให้ตายเถอะ! เขาแค่อยากสั่งสอนหล่อนเท่านั้น ทว่าจูบของหล่อนกลับทำให้เขาตื่นตัวและเพลิดเพลินไปกับการต่อต้านกึ่งตอบสนองโดยไม่รู้ตัวของหล่อน ท่าทีตระหนกและเงอะงะราวกับคนไม่เคยจูบมาก่อนของหล่อนทำให้เขาไม่อยากหยุดเลยจริงๆ
ชายหนุ่มกอดหล่อนแน่นอยู่เกือบนาที ก่อนจะก้มลงพูดใกล้ๆ หูให้หล่อน การะบุหนิงได้ยินเสียงหอบหายใจของเขาชัดเจน พลันหัวใจก็สั่นไหวยิ่งกว่าเดิมก่อนจะดำดิ่งลงอย่างรวดเร็วเพราะคำพูดบาดหูของเขา
“นี่แค่ลงโทษในความปากดีของเธอ และที่เธอทำให้ฉันเสียเวลาเปล่าในคืนนี้ กลับไปบอกพวกพีระนันท์ว่าพรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปเจรจาตกลงด้วย และถ้าพวกเธอกล้าเล่นแง่กับฉันจริงๆ แล้วละก็...”
“ฉัน...”
หล่อนพูดไม่ออก คีธจึงได้แต่ผลักไสร่างหล่อนให้ถอยห่างอีกครั้ง แล้วจึงพูดด้วยน้ำเสียงอันดังแกมเฉียบขาดอยู่ในที
“ฉันจะทำให้เธอได้รู้ว่า...อย่าคิดจะล้อเล่นกับคนอย่างคีธ
แมคไกวร์!”
พูดจบชายหนุ่มก็เดินปึงปังจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนปากกล้าที่ยืนต่อปากต่อคำกับเขาอย่างเยือกเย็นมานานยกมือขึ้นถูกลีบปากที่ถูกจูบหนักหน่วงรุนแรงนั้นแรงๆ ราวกับจะลบสัมผัสหยาบกระด้างนั้นออกไป ทว่าไม่ว่าอย่างไรหล่อนก็ยังจดจำมันได้อยู่เสมอ ดวงตาคู่สวยปริ่มไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาไม่ขาดสาย เจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจที่ไม่ว่าใครก็
ดูถูกและเหยียบย่ำซ้ำเติมหล่อน
‘เอาเถอะดอกแก้ว...ตอนนี้หล่อนทำดีที่สุดแล้ว หากเขาไม่รับข้อเสนอของคุณหญิงการะเกดก็ไม่ใช่ความผิดของหล่อน’ ในวูบหนึ่งของความรู้สึก...หล่อนอยากให้คีธ แมคไกวร์ปฏิเสธจริงๆ !
“เป็นยังไงบ้าง ดอกแก้ว”
ทันทีที่เห็นหล่อนเดินกลับมา คุณหญิงการะเกดที่ดักรออยู่บริเวณหน้างานซึ่งเงียบสงบเพราะคนส่วนใหญ่อยู่ภายในงานเลี้ยงนั้นก็ปรี่เข้ามาหาการะบุหนิงทันที ไม่สนใจดวงหน้าซีดเซียวและดวงตาตื่นตระหนกของลูกเลี้ยงสาวเลยสักนิดเดียว
การะบุหนิงถอนใจยาว รู้ดีว่าหล่อนทำสิ่งที่คุณหญิงคาดหวังไว้ไม่สำเร็จ แต่จะให้หล่อนทำอย่างไร มิสเตอร์แมคไกวร์ไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครบิดพลิ้วข้อตกลงกับเขาได้ง่ายๆ ไม่รู้คุณหญิงคิดอย่างไรจึงทำเช่นนี้