“งั้นแสดงว่าหนูคงจะไม่ถอนหมั้นกับลูกชายของฉัน...เพราะหนูไม่ได้รังเกียจเขา ส่วนเรื่องความเหมาะสม ฉันไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ไม่เหมาะสมกัน ฉันมั่นใจว่าหนูดีพอที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ของฉันนะจ๊ะ”
ชิดหทัยรวบรวมความกล้า ไม่หลบสายตาของท่านก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างชัดเจนว่า “หนูพูดตามตรงนะคะคุณท่าน หนูอยากถอนหมั้นค่ะ”
คิ้วของท่านขมวดเข้าหากัน ในดวงตามีแววตาของความไม่ชอบใจที่เธอเอ่ยเช่นนั้น “พิงกี้”
ชิดหทัยเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจยาว เธอรู้ว่าถ้าเธอแข็งกว่านี้อีกหน่อย เธอคงจะปฏิเสธได้อย่างเด็ดขาดกว่านี้ ทว่าเธอทำอย่างนั้นกับท่านไม่ได้ หญิงสาวจึงได้แต่หลุบเปลือกตาลง มองเพียงมือของตัวเองที่กำแน่นบนต้นขาของคุณท่านด้วย และเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเกือบกึ่งจะเป็นอ้อนวอน
“แต่หนูทำอย่างนั้นไม่ได้...หนูรู้ค่ะ แต่หนูก็อยากจะขอโอกาสด้วยค่ะ”
เธอไม่อยากถูกจับหมั้นแล้วแต่งในทันที อย่างน้อยเธอก็อยากจะได้ ‘เวลา’ ที่จะทำให้ทุกอย่างคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
“โอกาส?”
เมื่อท่านถามเธอด้วยน้ำเสียงสูงเช่นนั้น หญิงสาวก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยออกไปว่า
“หนูเพิ่งรู้จักเขาได้ไม่นาน อันที่จริงเราเพียงแต่เห็นหน้ากันไม่กี่ครั้งต่อปี หนูกับเขายังไม่เคยพูดกันเกินสามประโยคด้วยซ้ำในตอนที่เจอกันวันนี้ หนูไม่รู้ว่่าเขาเป็นคนยังไง และเขาก็ยังไม่รู้ว่าหนูเป็นคนยังไง เขาไม่เหมือนคุณท่านที่จะให้อภัยและเอ็นดูถ้าหนูจะดื้อหรือซนไปบ้าง หนูอยากจะขอว่าให้งานแต่งงานที่อาจจะเกิดขึ้น...เป็นการตัดสินใจของหนูเองน่ะค่ะ จะได้ไหมคะคุณท่าน?”
น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนเป็นอ้อนวอนในตอนท้าย ชิดหทัยได้แต่ก้มหน้าลงไม่กล้าเงยหน้ามองสบตากับคนที่เธอกำลังวอนขอโอกาส และท่านก็ทำให้เธอต้องใจสั่นด้วยความหวาดหวั่นเพราะท่านเงียบไปนาน...กว่าจะยอมตอบเธอกลับมา
“ฉันยอมให้เลื่อนงานออกไปก่อนสักระยะเพื่อให้หนูกับไทเลอร์ได้เรียนรู้กันได้ไหม เพราะยังไงฉันก็มั่นใจในตัวหนู และคิดว่าไทเลอร์จะรักหนูอย่างแน่นอนนะพิงกี้ หนูน่ารักและแสนดีขนาดนี้ ไทเลอร์ไม่มีทางไม่หลงรักหนูเด็ดขาด ฉันรู้จักลูกชายของตัวเองดี”
แม้น้ำเสียงของท่านจะเต็มไปด้วยความมั่นใจในสิ่งที่ตนเองพูด แต่คนฟังอย่างเธอกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นแม้แต่น้อย
“ไม่มีอะไรแน่นอนสำหรับอนาคตหรอกนะคะ หนูรู้ตั้งแต่อายุแปดขวบแล้วล่ะค่ะ”
เธอสูญเสียครอบครัวของเธอไปจนหมดสิ้นเพราะอุบัติเหตุครั้งนั้น หลังจากนั้นจากเด็กที่เคยมีพ่อ แม่และครอบครัวที่แสนอบอุ่น เธอก็ไม่มีสิ่งเหล่านั้นอีกต่อไป ตั้งแต่นั้นมาสำหรับเธออนาคตคือสิ่งที่เธอไม่กล้าจะคาดหวัง เธอคิดถึงแต่ปัจจุบันและทำปัจจุบันของเธอให้มีความสุขมากที่สุด...เท่านั้นก็พอแล้ว
“พิงกี้...”
หญิงชราเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสาร เพราะท่านรู้ถึงอดีตของเธอดีทุกอย่าง และรู้ดีว่าเธอมีปมอะไรในใจตัวเองบ้าง ชิดหทัยหน้าซีดเผือดเมื่อนึกถึงอดีตเหล่านั้น มันยังเป็นบาดแผลที่ทำให้เธอปวดหนึบในหัวใจได้ทุกครั้งเมื่อหวนนึกถึงความสูญเสียเหล่านั้น หญิงสาวซบหน้าลงกับตักของท่านด้วยท่าทีอ่อนล้า ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าไม่แพ้กัน
“หนูรักคุณนะคะ และเพื่อคุณ...หนูถึงยอมฝืนใจตัวเองแบบนี้”
เทเรน่ามือสั่น ก่อนจะค่อยๆ วางลงบนศีรษะของเด็กสาวที่นางรักและเอ็นดูเหมือนลูกแท้ๆ ของตัวเอง แล้วอดที่จะถามคนตรงหน้าไม่ได้ว่า
“หนูรังเกียจไทเลอร์ใช่ไหมจ๊ะ?”
นางกลั้นใจถามออกไป วูบหนึ่งได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้เป็นเช่นนั้น เพราะไทเลอร์คงจะ...เทเรน่าลอบกลืนน้ำลาย ไม่อยากจะคิดอะไรต่อจึงได้แต่จ้องเด็กสาวที่นางรักเหมือนลูกแท้ๆ ซึ่งซบหน้ากับตักของนางนิ่ง
คนที่ถูกถามถึงกับสะดุ้งโหยงอีกครั้ง ชิดหทัยเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของผู้มีพระคุณแล้วส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็วและแข็งขันทันที
“ไม่ค่ะ! ไม่ใช่! หนูไม่ได้รังเกียจเขา! หนูแค่ไม่รู้จักเขาดีพอเท่านั้นเอง”
คำตอบนั้นทำให้คนฟังโล่งใจ และถือโอกาสนี้ที่ชิดหทัยยังไม่ทันตั้งตัว เอ่ยถึงแผนการที่นางมีก่อนหน้านั้นอยู่แล้วออกมาในทันที ด้วยเห็นว่านี่เป็นจังหวะที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
“ถ้าอย่างนั้น...เพื่อให้หนูกับเขาได้รู้จักกันมากขึ้นฉันคงจะต้องให้หนูย้ายไปอยู่กับไทเลอร์ที่ลอนดอนแล้วล่ะ”
ดวงตาของชิดหทัยเบิกโพลงด้วยความตกใจ “คะ?! คุณท่านจะให้หนูไปไหนนะคะ”
“หนูจะต้องย้ายไปอยู่กับไทเลอร์จ้ะ” เทเรน่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล หากก็ฟังชัดว่านี่คือคำสั่งที่ไม่อาจขัดขืนได้ “เพื่อที่หนูกับเขาจะได้เรียนรู้กันและกันก่อนจะแต่งงานกันไงจ๊ะ”
ชิดหทัยถึงกับสะอึก ด้วยไม่คิดว่าโอกาสที่เธอร้องขอจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองเช่นนี้!
“หนูไม่ไปได้ไหมคะ” หญิงสาวปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ถ้าหนูไปใครจะดูแลคุณท่านคะ ตอนนี้มูนนี่ก็ไม่อยู่ที่นี่แล้วด้วย หนูห่วงคุณท่าน”
เธออยากหลีกเลี่ยงเขาแทบตาย! แต่ท่านจะส่งเธอให้ไปอยู่ข้างกายเขา! บ้าไปแล้ว! เธอทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก!
เทเรน่าคิดไว้อยู่แล้วว่าหากพูดออกไปแล้วชิดหทัยจะต้องใช้เรื่องของตนเองเป็นข้ออ้างแน่ๆ หญิงชราจึงส่ายหน้าปฏิเสธอีกฝ่ายอย่างเด็ดขาดในขณะที่เอ่ยว่า
“ไม่มีอะไรน่าห่วงเลย ก่อนหนูจะมาฉันก็อยู่ได้และมาร์ธาก็เคยดูแลฉันมาตั้งนานหลายปี ฉันถามมาร์ธาแล้ว เธอยินดีที่จะกลับมาดูแลฉันอีกครั้ง ส่วนหนูก็ตามไปอยู่กับไทเลอร์ ไปเรียนรู้ซึ่งกันและกันก่อนจะแต่งงานไงจ๊ะ”
ชิดหทัยหน้างอ แววตาดื้อดึงฉายชัดในดวงตาคู่สวยของเธอ
“หนูไม่อยากไป”
เธอเคยดื้อกับท่านหลายครั้ง และทุกครั้งท่านมักจะตามใจเธอเสมอ ทว่ากลับไม่ใช่ครั้งนี้เพราะผู้สูงวัยกว่าปิดหนทางเอาชนะและคำอ้อนวอนของเธอด้วยประโยคคำสั่งสั้นๆ เพียงประโยคเดียว
“แต่หนูต้องไปจ้ะ”
“…”
“ถือว่าเป็นคำขอร้องของคนแก่อย่างฉันจะได้ไหมจ๊ะ”
“หนูคงจะปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหมคะ?”
หญิงสาวย้อนถาม ทั้งๆ ที่รู้ว่าสุดท้ายไอ้ที่เธอเคยคิดว่าจะได้ระยะเวลาในการทำให้เรื่องนี้ยุติ กลับกลายเป็นทำให้เธอถูกผูกมัดจนดิ้นไม่หลุดเพราะคำพูดของตัวเธอเองต่างหาก!
“ไม่จ้ะ”
คำตอบสั้นๆ แต่หนักแน่นทำให้เธอได้แต่หลับตาแน่นด้วยความรู้สึกอ่อนล้า
“คุณท่านคะ” หญิงสาวเรียกคนแก่กว่าด้วยความเหนื่อยใจ ในสมองอดคิดถึงสิ่งที่ไทเลอร์บอกเธอเมื่อตอนบ่ายวันนี้ไม่ได้
เธอไม่เคยเข้าใจเลย...ผู้หญิงคนอื่นที่ดีพร้อมมีมากมาย...แต่ทำไมท่านถึงเลือกเธอกันนะ...
“…”
“หนูถามอะไรสักคำได้ไหมคะ”
“ได้สิจ๊ะ”
คำอนุญาตนั้นทำให้เธอโพล่งถามออกไปตามตรงในสิ่งที่เธออยากรู้ทันที
“ทำไมถึงเป็นหนูคะ?”
“…”
“วันนี้มิสเตอร์แฮมิลตันเขาบอกหนูว่าที่เขายอมหมั้นกับหนูเพราะหนูคือคนที่คุณท่านเลือกให้กับเขา”
“…”
“ทำไมถึงเป็นหนูคะ?”
คุณท่านเงียบไปนานจนเธอคิดว่าท่านคงจะไม่ตอบคำถามของเธอเสียแต่ แต่สุดท้ายท่านก็ตอบคำถามของเธอด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความปรานีและ...ความรัก
“เพราะฉันรักหนู...”
“…”
“ก่อนฉันจะตาย ฉันอยากเห็นคนที่ฉันรักสองคนได้อยู่ด้วยกัน หนูทำเพื่อฉันได้ใช่ไหมจ๊ะพิงกี้...”
คำตอบนั้นทำให้เธอพูดไม่ออก ได้แต่เบือนหน้าหนีสายตาของคุณท่านเพราะรู้ดีว่าท่านไม่ได้โกหกเธอเลยแม้แต่นิดเดียว...
เป็นความรัก...ที่ทำให้คำปฏิเสธของเธอได้แต่จุกอยู่ในลำคอ และไม่อาจพูดคัดค้านอะไรออกมาได้อีกต่อไป