ไม่นานหลังจากที่ชิดหทัยได้รับคำตอบจากเทเรน่าก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดี หญิงสาวจึงตัดสินใจพาหญิงชรากลับเข้าไปในบ้าน เมื่อไปถึงที่ห้องอาหารนั้นก็เห็นว่าไทเลอร์เข้ามารอเรียบร้อยแล้ว
อาหารมื้อนั้นสำหรับชิดหทัยนั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นมื้อที่อึดอัดที่สุดมื้อหนึ่งในชีวิต ส่วนใหญ่เธอจะยิ้มและเออออรับคำเทเรน่าโดยไม่สนใจไทเลอร์ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งมื้อเย็นเสร็จสิ้นลงโดยที่เธอไม่รู้ตัว เพราะมารู้ตัวอีกทีก็เห็นมาร์ธาเข้ามาประคองเทเรน่าก่อนที่จะเดินออกไปท่านก็หันมาพูดกึ่งสั่งกับเธอว่า
“หนูอยู่คุยกับไทเลอร์ไปก่อนแล้วกันนะจ๊ะพิงกี้ เดี๋ยววันนี้ให้มาร์ธาดูแลฉันเลยแล้วกัน”
ชิดหทัยเบิกตากว้าง พยายามจะปฏิเสธ “แต่คุณท่านคะ?”
ทว่าดูเหมือนท่านจะไม่ยอมรับฟังคำปฏิเสธของเธอแม้แต่น้อย “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ”
“ก็ได้ค่ะ”
หญิงสาวได้แต่ตอบรับอย่างจำนน เพราะท่านให้มาร์ธาพากลับไปยังห้องพักแล้วโดยไม่ยอมฟังคำทัดทานของเธอ
เมื่อเหลือกันเพียงลำพัง ไทเลอร์ที่แต่แรกก็ไม่ได้สนใจเธอเท่าไรนัก จึงพูดขึ้นมาก่อนว่า
“เธอคงรู้เรื่องแล้วสินะ”
หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นสูง หันไปมองคนที่เธอไม่อยากเห็นหน้าที่สุดตรงๆ “เรื่อง?”
ไทเลอร์เหยียดยิ้มที่ดูแล้วขัดหูขัดตาออกมา “ที่ต้องย้ายไปอยู่กับฉันไง”
คำตอบนั้นทำให้สีหน้าของชิดหทัยเปลี่ยนเป็นบึ้งตังทันที “มันเป็นความคิดของคุณหรือเปล่าคะ มิสเตอร์แฮมิลตัน กรุณาตอบฉันมาตามตรงเถอะค่ะ”
แม้จะพูดจาเหมือนอ้อนวอน แต่น้ำเสียงของเธอกลับแข็งกระด้าง แต่ดูเหมือนไทเลอร์จะไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย เพราะเขายังจ้องมองเธอนิ่งพร้อมกับรอยยิ้มแบบที่เธอเกลียด เพราะมันดูเหมือนเขากำลังเยาะหยันเธออยู่
“เป็นความคิดของคุณแม่น่ะ” เขาตอบตามตรง ขณะเดียวกันก็เห็นแววดื้อดึงต่อต้านอยู่ในดวงตาของหญิงสาว จึงอดที่จะเอ่ยต่อไปไม่ได้ว่า “หรือเธอจะขัดคำสั่งของท่าน?”
เขาเห็นชิดหทัยทำคอแข็ง เธอคล้ายจะอยากปฏิเสธแต่เขาก็รู้ดีว่าเธอจะไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด ไทเลอร์รู้ดีว่าเธอจะไม่มีทางขัดคำสั่งของมารดาเขาอย่างเด็ดขาด และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อได้ยินหญิงสาวเอ่ยประโยคต่อมาว่า
“ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่ขัดคำสั่งของท่านเด็ดขาด”
“ก็ดี...”
เขาตอบรับ เพราะบอกตามตรงว่าถึงเธอจะขัดไปก็เท่านั้น เพราะยังไงเธอก็ต้องทำตามอยู่ดี
ชิดหทัยมองสีหน้าเชิดหยิ่งและมุมปากที่เหยียดยิ้มของไทเลอร์แล้วก็รู้สึกอยากจะทุบเขาแรงๆ สักหลายๆ ที ผู้ชายตรงหน้าทำเหมือนทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามที่เขาประสงค์ เธอเกลียดที่เขามักจะทำให้เธอรู้สึกว่าเธอสู้อะไรเขาไม่ได้เลยอย่างนี้!
หญิงสาวถอนหายใจยาว จ้องมองคนตรงหน้าอย่างดุดันในยามที่เค้นเสียงลอดไรฟันอย่างพยายามข่มอารมณ์โกรธ “ทั้งๆ ที่ฉันมองไม่เห็นเลยว่าเราจะเข้ากันได้ยังไง ในเมื่อ...”
“ไม่มีใครรู้อนาคตหรอกนะ” ไทเลอร์เอ่ยขัดเธอขึ้นมาทันควัน “หรือจริงๆ เธอก็แค่กลัวว่าจะหวั่นไหวไปกับฉันถึงได้ต่อต้านขนาดนี้”
คำพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังไม่จางหายไปจางมุมปากของเขาทำให้เธอตัวแข็งทื่อ รู้สึกเหมือนกับทั้งโดนท้าทายและโดนเย้ยหยันอยู่ในที ชิดหทัยร้อนวาบในอก อารมณ์โกรธพุ่งขึ้นมาอย่างยากที่จะระงับ เธอนึกอยากกรีดร้องใส่หน้าคนหยิ่งยโสที่แสนจะมั่นใจตรงหน้าว่าเธอไม่มีทางหวั่นไหวไปกับเขาอย่างเด็ดขาด ทว่าเธอทำไม่ได้ เธอไม่ใช่เด็กๆ แล้ว และการทำอย่างนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้เธอเอาชนะเขาได้ หญิงสาวจึงเชิดหน้าขึ้น ก่อนจะปรายตามองเขาด้วยสีหน้าสมเพชที่อีกฝ่ายมีความคิดเช่นนี้ได้
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่คุณเคยเจอมาค่ะ และไม่คิดจะมองอะไรฉาบฉวยเพียงแค่ภาพภายนอกสวยหรูดูดี บังเอิญฉันยิ่งไม่ชอบพวกของหรูหราอยู่ด้วย มันทำให้รู้สึกเกร็งเวลาเข้าไปสัมผัสน่ะค่ะ”
ประโยคเชือดเฉือนนั้นกลับไม่ได้ทำให้ ‘ของหรูหรา’ สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำเขากลับยิ้มกว้างมากขึ้นเสียอย่างนั้นในตอนที่ย้อนเธอกลับมาว่า
“แต่ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานเธอคงจะชินไปเอง”
หญิงสาวถึงกลับกลั้นหายใจด้วยความโกรธ ดวงหน้าใสแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด บ้าน่า! ด่าไปขนาดนี้หมอนี่ยังรู้สึกสะทกสะท้านเลยหรือยังไงฮะ! หรือหน้าหนาเกินไปจนไม่รู้สึกอะไรแล้วน่ะ!
“ฉันไม่ใช่พวกลืมกำพืดหรือที่มาของตัวเองค่ะ มิสเตอร์แฮมิลตัน”
เธอคอแข็ง เชิดมองเขาอย่างอหังการ์ เป็นการประกาศว่าถึงเธอจะต้องทำตามคำสั่งของเขา แต่เธอจะไม่ยอมตกเป็น ‘เบี้ยล่าง’ ของเขาเด็ดขาด!
“ฉันจะได้จำเอาไว้...” ดวงตาสีเทาที่เธอเกลียดวาววับ ดูแล้วเหมือนเขากำลังหัวเราะเยาะหยันเธอ “…ว่าเธอเป็นคนลืมยาก เป็นนักต่อต้านหัวแข็งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา”
“คุณ!”
หญิงสาวถลึงตาใส่เขาทันที นักต่อต้านอะไรกัน! เธอแค่ไม่ยอมลงให้เขาก็หาว่าเธอเป็นนักต่อต้านอย่างนั้นหรือ?
“เอาละ” อีกฝ่ายโบกมือคล้ายกับจะยุติบทสนทนาก่อนหน้านี้ ส่งผลให้เธอได้แต่หุบปากฉับ และปล่อยให้เขาพูดต่อไป “ฉันมีเรื่องสำคัญจะพูดกับเธออีกอย่าง พรุ่งนี้เช้าเราจะเดินทางกลับเข้าลอนดอน”
ประโยคนั้นของเขาทำให้เธอถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ทำไมเร็วอย่างนี้คะ ฉันเตรียมตัวไม่ทัน!”
หญิงสาวประท้วง ทว่าคนตรงหน้ากลับไม่มีท่าทีแยแสเลยแม้แต่น้อย
“เธอไม่ต้องเตรียมอะไร ที่นั่นมีทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว เธอไปแต่ตัวก็พอ”
เธอว่าที่คุณท่านให้เธอไปอยู่ลอนดอนต้องเป็นความคิดของเขาไม่ใช่ของคุณท่านหรอก! ผู้ชายคนนนี้อยากจะได้ตัวเธอไปไว้ใกล้ชิดเพื่อคอยกลั่นแกล้งเธอแน่ๆ คนที่บงการทุกอย่างเป็นเขานี่ล่ะ...เธอมั่นใจ!
“แต่ว่า...ฉันอยากจะขอเวลาสักอาทิตย์ จัดการเรื่องที่นี่ให้เรียบร้อยก่อน” หญิงสาวต่อรอง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย
“ที่นี่เรียบร้อยดีอยู่แล้ว ถึงฉันจะไม่ค่อยได้กลับบ้านบ่อยๆ แต่ใช่ว่าฉันจะดูแลแม่ตัวเองแบบทิ้งๆ ขว้างๆ หรอกนะชิดหทัย”
“ฉัน…”
เธอพูดไม่ออก ทั้งๆ ที่เธออยากจะตอบโต้เสียจริงว่าตลอดระยะเวลาที่เขาไม่ยอมกลับบ้านเธอคิดเช่นนั้นมาตลอดก็จริง แต่ก็ต้องยอมรับว่าในความเป็นจริงถึงเขาจะไม่กลับมา แต่ก็มีคนพรักพร้อมที่จะดูแลมารดาของเขาเป็นอย่างดี
“ช้าเร็วยังไงเราก็ต้องอยู่ด้วยกัน เธอจะบ่ายเบี่ยงไปมันก็เท่านั้น”
“ฉันแค่ต้องการเวลาทำใจ!”
เธอเผลอหลุดปากบอกความจริงออกไปด้วยความลืมตัว คราวนี้ดวงหน้าเล็กร้อนผ่าวขึ้นมายิ่งกว่าครั้งไหนเพราะได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะแผ่วเบา คลับคล้ายจะชอบใจที่เธอเปิดเผยท่าทีอ่อนแอและหวาดกลัวต่อหน้าเขา
“ของอย่างนั้นไม่มีประโยชน์หรอก สู้เผชิญหน้าไปเลยดีกว่า หรือจริงๆ เธอกำลังกลัวฉัน” คำถามท้าทายตอนท้ายนั้นทำให้เธอเลือกที่จะแข็งใจ เชิดหน้าจิกตาใส่เขาด้วยท่าทีที่คิดว่าดุร้ายที่สุดในชีิวิตแล้วปฏิเสธออกมาเสียงแข็ง
“ฉันไม่ได้กลัวคุณ!”
“ก็ดี...” อีกฝ่ายตอบรับเสียงเรียบ “…เพราะฉันไม่คิดว่าตัวเองจะน่ากลัวตรงไหน เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เราจะเดินทางกันตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า เตรียมตัวให้พร้อมด้วยล่ะ”
“แต่…”
“ฉันไม่รับคำปฏิเสธ เจอกันพรุ่งนี้ครับคุณผู้หญิง...”
เอ่ยจบเขาก็ลุกขึ้นยืน โค้งศีรษะลงเป็นเชิงลา ท่าทางล้อเลียนของเขาทำให้เธอได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ
ไทเลอร์ แฮมิลตัน! เขาทำเหมือนเธอเป็นตัวตลกอยู่ตลอดเวลา ปั่นหัวเธอเหมือนเธอเป็นของเล่นของเขา หึ! สักวันเถอะ...เธอจะเอาคืนให้สาสมเลยคอยดู! แล้วเขาจะได้รู้ว่าเธอไม่ใช่ของเล่นของเขา...แต่เป็นตัวหายนะในชีวิตของเขาต่างหากล่ะ!