เธอเริ่มออกเดินทางจากคฤหาสน์แฮมิลตันตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าตามบัญชาของ ‘จอมบงการหลังม่าน’ คนนั้นทุกประการ!
ก่อนจะเดินทางหญิงสาวได้แต่กัดฟันแน่นข่มอารมณ์ และเลือกที่จะไม่ทำให้วันนี้เลวร้ายไปมากกว่านี้ด้วยการมองหน้าเขา เธอจึงได้แต่ล่ำลาเทเรน่าด้วยความรู้สึกปวดใจนิดหน่อยที่ต้องแยกจากท่าน และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะได้กลับมาที่นี่ แต่นั่นแหละ...เธอจะได้กลับมานั่นก็ต้องหมายความว่าเธอจะทำให้พันธะหมั้นหมายระหว่างตัวเองกับไทเลอร์สิ้นสุดลง และล้มงานแต่งงานที่จะมีขึ้นได้แล้วน่ะสิ!
พอขึ้นรถมาได้ หญิงสาวก็ไม่อยากจะชวนเพื่อนร่วมทางเสวนาเลยแม้แต่น้อย จึงตัดสินใจหลับตาแสร้งหลับไปตลอดทาง แต่กลับปรากฏว่าเธอหลับจริงๆ เสียอย่างนั้น อาจจะเพลียที่ต้องรีบเก็บของโดยด่วนและนอนไม่ค่อยหลับเนื่องจากโมโหผู้ชายคนนั้นอยู่ค่อนคืน
ชิดหทัยหลับยาวจนถึงที่หมาย และตื่นขึ้นเพราะไทเลอร์เป็นคนปลุกเธอ ให้ก้าวลงไปจากรถพร้อมกับเขา ในตอนที่เธอยังคงสะลึมสะลือเพราะรู้สึกง่วงอยู่มากก็พบว่าอีกฝ่ายอาจหาญจูงมือเธอขึ้นมาบนถึงเพนต์เฮ้าส์ชั้นบนสุดของโรงแรมแฮมิลตันเสียแล้ว!
หญิงสาวรีบสลัดมือไทเลอร์ออกเมื่อตื่นเต็มตา ตอนนี้เธอมาหยุดอยู่ภายในห้องที่กินอาณาเขตทั้งฟลอร์บนชั้นสูงสุดก็มีเพียงเธอกับเขา ชายหนุ่มยอมปล่อยมือเธอง่ายดาย แล้วชี้นิ้วไปยังประตูห้องๆ หนึ่งซึ่งปิดสนิทพร้อมกับพูดว่า
“เธอนอนห้องนั้น ฉันให้คนจัดให้เรียบร้อยแล้ว”
หญิงสาวได้แต่ลอบกลืนน้ำลายลงคอ แล้วถามเขาอย่างไม่แน่ใจนัก “เรา…ต้องอยู่ที่นี่กันจริงๆ เหรอคะ?”
เธอได้ยินว่าเขามีบ้านที่นี่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ไทเลอร์จะอาศัยอยู่เพนต์เฮ้าส์ภายในโรงแรมแฮมิลตัน เธอนึกว่าอย่างน้อยเธอควรไปอยู่ที่บ้านนั้น ส่วนเขาก็อยู่ที่นี่ แต่ทำไมกลายเป็นเธอต้องมาอยู่เพนต์เฮ้าส์กับเขาล่ะ ห้องโล่งกว้างที่อยู่เพียงสองคน...วังเวงจะตาย แถมยังสุ่มเสี่ยงต่ออันตรายที่จะเกิดจากไทเลอร์เป็นอย่างยิ่ง!
“ก็ใช่สิ” อีกฝ่ายตอบรับ แล้วเลิกคิ้วมองเธอด้วยสายตาขบขันที่แสดงออกว่ารู้เท่าทันว่าเธอคิดอะไร “เธอคิดจะไปอยู่ที่ไหนได้ล่ะ?”
“ฉันรู้ว่าคุณมีบ้านอยู่น่ะค่ะ อย่างน้อย...”
“ฉันอยู่ที่นี่คนเดียว ที่ทำงานก็อยู่นี่ จะไปอยู่บ้านให้มันยุ่งยากทำไม แถมยังไกลอีกต่างหาก” เขาขัดขึ้นด้วยสีหน้าแสดงออกถึงความขบขันที่เพิ่มมากขึ้น ให้เธอรู้สึกหน้าม้านด้วยความอับอายที่ถูกรู้ทันความคิด “อีกอย่างฉันอยู่ที่ไหนเธอก็ต้องอยู่ด้วยกันไม่ใช่หรือไง”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร”
หญิงสาวตอบใส่เขาเสียงแข็ง อยู่ก็อยู่สิ! มีอะไรน่ากลัวกัน!
“สรุปคือเธออยู่ห้องนั้น” เขาเอ่ยพลางพลิกข้อมือดูนาฬิกา “ถ้าเธอมีอะไรก็บอกแม่บ้านที่นี่แล้วกัน เดี๋ยวเขาจะจัดการให้เธอเอง ส่วนนี่เป็นคีย์การ์ด ฉันไปล่ะ วันนี้มีงานด่วนด้วย”
“ค่ะ ไปเถอะค่ะ บาย”
ชิดหทัยยิ้มกว้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น แถมโบกมือให้เขาเป็นการอำลาด้วยความเต็มอกเต็มใจเป็นที่สุด โดยไม่สนใจสายตาเขียวๆ ของชายหนุ่มที่มองมาราวกับจะรู้ทันว่าเธอดีใจแค่ไหนที่เขาจะไปทำงาน!
เชอะ! ใครมันจะไปอยากอยู่สองต่อสองกับจอมมารร้ายอย่างเขากัน!
.........
ชิดหทัยเพิ่งจะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาหลังจากที่ไทเลอร์ก้าวออกไปจากห้อง ประตูยังไม่ทันจะปิดสนิทดีด้วยซ้ำกลับถูกเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เธอแทบจะลุกยืนแทบไม่ทัน และยืนจะไม่ทันมั่นคงดีด้วยซ้ำในตอนที่คิดว่าไทเลอร์จะวกกลับมา แต่กลับกลายเป็นว่าผู้มาใหม่เป็นผู้หญิงอายุราวๆ สามสิบห้าปี อีกฝ่ายหยุดยืนตรงหน้าเธอด้วยท่าทีนอบน้อม พร้อมกับแนะนำตัวเองว่า
“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง ดิฉันชื่อแอนนิต้า มีหน้าที่ดูแลคุณผู้หญิงค่ะ”
ชิดหทัยหน้าเหวอ เธอมองผู้หญิงเจ้าของรูปร่างสูงทว่ามีสัดส่วนอวบอิ่ม และผมสีทองงดงามตรงหน้าตาปริบๆ ไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมาอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะแนะนำตัวเองออกไปเช่นเดียวกัน
“เอ่อ…เรียกฉันว่าแคทเธอรีนดีกว่าไหมคะคุณแอนนิต้า” ชิดหทัยมีชื่อเต็มๆ ว่า ‘ชิดหทัย แคทเธอรีน แฮมิลตัน’ สำหรับคนสนิทๆ เธอชอบให้พวกเขาเรียกเธอด้วยชื่อภาษาไทยที่ผู้เป็นมารดาตั้งให้ แต่สำหรับคนทั่วไปแล้ว เธอจะให้พวกเขาเรียกชื่อกลางของเธอมากกว่า เพราะรู้ดีว่าชื่อภาษาไทยของเธอออกจะเรียกยาก และจากการประเมินแอนนิต้าแล้ว เธอคิดว่าการจะให้อีกฝ่ายเรียกเธอด้วยชื่อชิดหทัยนั้นเป็นสร้างความยากลำบากให้แอนนิต้าโดยไม่จำเป็น “…อย่าเรียกคุณผู้หญิงเลยค่ะ ฉันไม่ชิน”
ตอนท้ายเธอขอร้อง หวนคิดถึงคนเพิ่งออกไปไม่ได้ นี่ต้องเป็นคำสั่งของเขาแน่ๆ เลยเชียว!
ไทเลอร์คิดอะไรอยู่ถึงส่งแอนนิต้ามาหาเธอ?
“คุณผู้หญิงเป็นคู่หมั้นของมิสเตอร์แฮมิลตัน...” แอนนิต้ามีสีหน้าไม่เห็นด้วย ดูเหมือนคำขอร้องของเธอจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกยุ่งยากใจเป็นอย่างยิ่ง
พอได้ยินคำทักท้วงอย่างนั้น หญิงสาวก็รีบโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน
“ก็แค่คู่หมั้นค่ะ ยังไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น” และไม่คิดจะมีมากไปกว่านั้นด้วย
“แต่ว่า...”
พอแอนนิต้าทำท่าจะปฏิเสธ ชิดหทัยจึงรีบถลาเข้าไปหาอีกฝ่าย บีบมือของแอนนิต้าเอาไว้แน่นแล้วจ้องมองด้วยสายตาเกือบกึ่งจะเป็นขอร้อง
“ฉันจะสบายใจมากกว่าถ้าคุณจะเรียกฉันแบบนั้นนะคะคุณแอนนิต้า ถือว่าขอร้องแล้วกันค่ะ”
ให้เธอต้องมาทนถูกเรียกคุณผู้หญิง เธอต้องอกแตกตายแน่ๆ! เพราะมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับเธอจะไม่มีวันหนีพ้นจากไทเลอร์ แฮมิลตันน่ะสิ!
“ก็ได้ค่ะคุณแคทเธอรีน” สุดท้ายแอนนิต้าก็ยอมรับปากจนได้ แม้จะยังมีสีหน้าอึดอัดอยู่บ้างแต่เธอก็ไม่สนใจ “แล้วอย่าเรียกฉันว่าคุณเลยค่ะ เรียกแอนนิต้าเฉยๆ ดีกว่า ยังไงฉันก็มีหน้าที่เป็นคนดูแลคุณ และเป็นลูกจ้างของมิสเตอร์แฮมิลตันคู่หมั้นของคุณด้วยค่ะ”
ประโยคยืดยาวนั้นทำให้ชิดหทัยได้แต่ลอยถอนหายใจ แถมยังจงใจข้ามประโยคสุดท้ายของแอนนิต้าไปเหมือนกับไม่ได้ยิน
“ว่าแต่ที่คุณบอกว่ามาดูแลฉันนี่ หมายว่าความยังไงคะแอนนิต้า?” หญิงสาวอดสงสัยถึงสิ่งที่อีกฝ่ายพูดไม่ได้ ผู้ดูแลนี่มันอะไรกัน?
คราวนี้แอนนิต้าคลี่ยิ้ม แล้วจึงตอบว่า “ก็ตรงตัวเลยค่ะ ดิฉันมีหน้าที่ดูแลคุณทุกอย่างค่ะ และทำตามคำสั่งของคุณทุกอย่าง”
คำตอบไม่อ้อมค้อมนั้นทำให้เธอถึงกับเลิกคิ้วขึ้นสูง ปากบอกดูแล แต่อันที่จริงเหมือนเป็นสาวใช้ประจำตัวอย่างไรอย่างนั้น แล้วดูจากมาดของอีกฝ่ายแล้ว ท่าทางไม่เหมือนกับคนที่จะคอยรับใช้ผู้หญิงแบบเธอสักนิด
“เอ่อ…ฉันว่าคงไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
หญิงสาวปฏิเสธอีกฝ่าย อันที่จริงถ้ามองตอนนี้เกรงว่าคนที่ต้องคอยรับใช้น่าจะเป็นเธอมากกว่า แต่ดูเหมือนแอนนิต้าจะดื้อดึงมากกว่าที่คิด ดวงตาสีฟ้าอมเขียวของอีกฝ่ายจ้องมองเธอนิ่งแล้วตอบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ไม่มีการอ่อนข้อให้เหมือนครั้งแรกอีกต่อไป
“ไม่ได้หรอกค่ะ”
หญิงสาวได้แต่จ้องมองอีกฝ่ายซึ่งอยู่ในชุดสูทสีดำสนิทพอดีตัว และกระโปรงทรงสอบเหนือเข่า มาดเลขาฯ สาวทรงประสิทธิภาพทำให้เธอได้แต่ปฏิเสธ
“ตอนนี้ฉันไม่มีธุระอะไรจริงๆ ค่ะ ยังไงคุณกลับได้เลยนะคะแอนนิต้า ฉันอยู่ได้ค่ะ”
ใครจะไปกล้าใช้อะไรแอนนิต้ากัน! จะใช้คนก็ยังต้องมองตัวเองก่อนว่ามีคุณสมบัติพอไหม เธอมันแค่เด็กกะโปโล จะไปกล้าชี้นิ้วจิกใช้อีกฝ่ายได้อย่างไรกัน
แอนนิต้าเห็นท่าทีอึดอัดของเจ้านายสาวคนใหม่แล้วก็ได้แต่ยิ้ม เธอทำงานเป็นผู้ช่วยของไทเลอร์มาก่อน ก่อนจะถูกย้ายให้มาคอย ‘ดูแล’ คู่หมั้นของเขา ตอนแรกเธอก็ไม่พอใจ แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นเจ้านายและเธอจึงยินยอมย้ายงานตามที่ไทเลอร์สั่ง ทว่าความคิดอคติเล็กๆ ของเธอก็หายไปในทันทีเมื่อได้มาเห็นตัวจริงของเจ้านายสาวที่ดูยังไงก็ยังเป็นเด็กสาวอยู่เลย แถมยังดูเหมือนว่าจะมีท่าทีต่อต้านทุกครั้งที่เธอพูดว่าเด็กสาวเป็น ‘คู่หมั้น’ ของเจ้านายหนุ่มหล่อที่เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั่วเกาะอังกฤษ
และเธอคิดว่าการได้ดูแลเด็กสาวคนนี้...น่าจะทำให้เธอสนุกสนานมากแน่ๆ!
“ถ้าอย่างนั้นถ้ามีอะไรโปรดเรียกใช้ดิฉันนะคะคุณแคทเธอรีน”
แอนนิต้ายอมล่าถอยให้อีกฝ่ายได้อยู่กับตัวเอง ซึ่งพอเธอยอมทำตามความต้องการของอีกฝ่ายเช่นนั้น สีหน้าอึดอัดของเจ้าหล่อนก็ดูดีขึ้นมาทันตา
“ได้ค่ะ แน่นอนว่าฉันจะเรียกคุณทันที” ชิดหทัยรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ และนั่นทำให้แอนนิต้ารู้สึกวางใจขึ้นมาบ้าง
“ขอบคุณค่ะ งั้นดิฉันไม่รบกวนเวลาของคุณแล้วนะคะ”
“ค่ะ แอนนิต้า...”
ชิดหทัยตอบรับ และนั่นทำให้แอนนิต้ายอมถอยออกไปจากห้องไปในที่สุด และเมื่อได้อยู่กับตนเองตามลำพังก็อดที่จะยกมือขึ้นลูบอกพร้อมกับบ่นพึมพำออกมาว่า
“นี่มันอะไรกันเนี่ย... รู้สึกเหมือนอยู่ในคุกแล้วก็มีผู้คุมเลยแฮะ”
นี่เป็นแผนของไอ้จอมบงการคนนั้นอีกแน่ๆ ที่คิดจะส่งคนมาตามประกบจับตาดูเธอตลอดเวลาใช่ไหม!