9

1512 คำ
กว่าจะเสร็จสิ้นประชุมด่วนที่เขาให้เลื่อนออกไปก่อนเพราะติดงานหมั้น ไทเลอร์เพิ่งจะได้นั่งพักไม่ถึงสิบนาที เควินซึ่งออกไปประสานงานเกี่ยวกับงานด่วนที่ทำให้เขาต้องออกเดินทางภายในคืนนี้ “นักบินเตรียมพร้อมแล้วนะครับ อีกสามชั่วโมงได้เวลาเดินทาง” ไทเลอร์พยักหน้ารับ “ขอบใจ แล้วที่เพนต์เฮ้าส์เป็นยังไงบ้าง” ไม่รู้ว่าคนที่เขาพาตัวมาด้วยจะเป็นยังไงบ้าง แต่ถ้าให้เดาเธอก็คงจะสบายใจจนแทบจะเต้นระบำได้นั่นแหละที่เขาไม่อยู่! ท่าทางเธอแสดงออกอย่างชัดเจนเสียขนาดนั้นว่าเธอไม่ชอบหน้าเขา “แอนนิต้าบอกว่าเธอไม่ได้ต้องการอะไรครับ แล้วก็ไม่ได้ออกไปไหน” “งั้นเหรอ” คำตอบนั้นไม่เหนือจากที่คาดไว้แม้แต่น้อย “ถ้าขาดอะไรก็บอกแอนนิต้าให้ช่วยจัดการแล้วกัน” เขาสั่งเสียงเรียบ สีหน้ายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออกถึงความยินดียินร้ายในตัวคู่หมั้นสาวหมาดๆ ของตัวเองเลยสักนิด ท่าทางของไทเลอร์นั้นไม่สามารถมีใครเดาออกได้เลยว่าเขาเต็มใจ...หรือไม่เต็มใจที่จะหมั้นกับผู้หญิงคนนั้น ขนาดเควินที่เป็นคนสนิทก็ยังมองไม่ออก เพราะการกระทำครั้งนี้ของไทเลอร์คาดเดาได้ยากเกินไป “ได้ครับ” เควินตอบรับสั้นๆ และทำท่าจะออกไปเตรียมเอกสารที่จะต้องนำติดตัวไปประชุมที่อิตาลี ทว่ายังเดินไปไม่ถึงประตูด้วยซ้ำ เขาก็ถูกคนเป็นเจ้านายเรียกเอาไว้อีกครั้ง “อ้อ เควิน” “ครับ” “เที่ยวนี้ไม่ต้องให้เซดดริกไปด้วย บอกเขาให้คอยดูแลชมพูที่นี่” คำสั่งนั้นทำให้เขาแปลกใจนิดหน่อย ร่องรอยของความสงสัยพาดผ่านดวงหน้าของผู้ช่วยหนุ่ม และนั่นทำให้เขาอดคัดค้านไม่ได้ “แต่ว่า...” เซดดริกคือบอดี้การ์ดมือหนึ่งที่จำเป็นต้องติดตามตัวของไทเลอร์ตลอด การหายตัวไปของเซดดริกอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันได้ ทว่าไทเลอร์คิดอย่างไรถึงจะให้เซดดริกคอยอยู่เฝ้าผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่น่าจะมีอันตรายอะไรอยู่ที่นี่กัน “ไม่มีแต่” เสียงเข้มๆ นั้นทำให้เควินเก็บคำพูดที่จะเอ่ยคัดค้านเอาไว้ทันที “ได้ครับ” “บอกเขาว่ามีอะไรให้รายงานฉันทุกวัน” “ครับ” “เอาละ มีเอกสารอะไรที่ฉันต้องดูก่อนจะไปไหม เอาเข้ามาเลย” ไทเลอร์เปลี่ยนกลับมาเป็นเรื่องงานอีกครั้ง และเควินก็ไม่คิดจะเซ้าซี้ถามหรือสงสัยในคำสั่งของคนเป็นเจ้านายอีกแล้ว “มีสามสี่เรื่องครับ คุณมีเวลาอีกแค่ชั่วโมงเดียวในการสะสางงานก่อนจะไปสนามบิน” เควินแจ้งตารางเวลาของคนเป็นเจ้านายออกมา อีกฝ่ายขยับตัวจากการนั่งเอนหลังสบายๆ ก็กลับมากระฉับกระเฉงอีกครั้ง “งั้นส่งเข้ามาเลย” ........ ทางด้านชิดหทัยนั้น หลังจากที่แอนนิต้าปล่อยให้เธออยู่คนเดียวนานหลายชั่วโมง อีกฝ่ายก็เข้ามาหาเธออีกครั้งในตอนเย็น พร้อมกับรายงานเธอว่า “มิสเตอร์แฮมิลตันจะไม่อยู่สักสัปดาห์ค่ะ ท่านให้ดิฉันมาเรียนคุณให้ทราบไว้ก่อนน่ะค่ะคุณแคทเธอรีน” หญิงสาวถึงกับชะงัก เกือบจะหลุดโห่ร้องด้วยความดีใจออกมาเสียแล้ว เธอลอบกลืนน้ำลาย เก็บสงวนท่าทีของตนเองเอาไว้เพราะถึงอย่างไรก็ต้องไม่ลืมว่าแอนนิต้าเป็นคนของไทเลอร์ เกิดเอาท่าทางของเธอไปรายงานแล้วอีตาจอมบงการคนนั้นไม่พอใจตามมาจิกกัดเธออีก เธอจะซวยเอา! “ขอบคุณค่ะแอนนิต้า” “คุณจะรับอาหารเย็นเลยไหมคะ?” แอนนิต้าเปลี่ยนเรื่องถามอีกฝ่าย พยายามไม่สนใจสีหน้าแปลกๆ เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวบึ้งของหญิงสาวเท่าไรนัก “ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง” ชิดหทัยโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน “เดี๋ยวฉันว่าจะออกไปหาทานเอาข้างนอก” ในเมื่อไทเลอร์ไม่อยู่ เธอก็ไม่ขออุดอู้อยู่แต่ในห้องนี้หรอก “งั้นให้ดิฉันโทร.จองโต๊ะที่ร้านเอาไว้ให้ไหมคะ ไม่ทราบว่าคุณอยากจะทานที่ร้านไหน” ไม่เพียงแต่สอบถามเท่านั้น แอนนิต้ายังถึงขั้นหยิบเตรียมกดโทรศัพท์มือถือแล้วจัดการจองให้เธอทันทีเพียงแค่เธอตอบตกลงเท่านั้น นี่ชักจะไปกันใหญ่แล้ว! “ไม่ต้องค่ะแอนนิต้า ฉันกะว่าจะไปเดินหาเอาข้างหน้า ไม่รบกวนคุณดีกว่า” หญิงสาวตอบปฏิเสธ ซึ่งแอนนิต้าดูก็รู้ว่าคงจะบังคับอีกฝ่ายไม่ได้แล้ว จึงได้แต่ยอมจำนนแต่โดยดี “งั้นดิฉันจะบอกคนรถให้นะคะ คุณอยากไปที่ไหนคะ?” พอได้ยินอย่างนั้น ชิดหทัยก็ถึงขั้นตีหน้าเหยทันที “คือ…นี่ก็ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวฉันจะเดินทางไปเอง” เธออยู่ลอนดอนมาตั้งแต่เกิดจนถึงสิบแปดถึงจะย้ายไปอยู่ต่างเมือง เพื่อนฝูงเธอส่วนใหญ่ก็อยู่ลอนดอน! พอมาคิดถึงว่าวันหนึ่งมีคนทำเหมือนเธอจะไม่สามารถไปไหนมาไหนด้วยตัวเองได้ แค่คิดเธอก็ขนลุกแล้ว! “แต่ว่า...” “นะคะ” หญิงสาวอ้อน ก่อนจะรีบพูดต่อไปเมื่อนึกขึ้นมาได้ “อ้อ แล้วคุณไม่ต้องตามไปหรอกค่ะ ฉันไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับ แค่อยากเดินเล่นด้วยนิดหน่อยเท่านั้นเอง” “ดิฉัน…” แอนนิต้ามีสีหน้าไม่เห็นด้วยในทันที ทว่ากลับทักท้วงอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เอาเสียเลย และชิดหทัยก็คงจะสังเกตเห็น เพราะเจ้าหล่อนเอ่ยปลอบใจเธอว่า “ไม่ต้องมีสีหน้ากังวลนะคะแอนนิต้า คุณทำงานดีมาก แต่ฉันแค่อยากจะไปข้างนอกเพียงคนเดียวน่ะค่ะ อาจจะเลยไปแวะทักทายเพื่อนก็ได้ค่ะ” “งั้น…ถ้ามีอะไรด่วนโทร.หาดิฉันนะคะ นี่เป็นโทรศัพท์ที่มิสเตอร์แฮมิลตันเตรียมไว้ให้คุณค่ะ กรุณาพกติดตัวเอาไว้เสมอนะคะ” หญิงสาวส่งโทรศัพท์อีกเครื่องที่ถือติดมือเอาไว้นานแล้วให้กับอีกฝ่าย มันเป็นสิ่งที่คนของไทเลอร์เพิ่งส่งมาให้เธอเมื่อเย็นนี้พร้อมกับคำสั่งที่ให้เธอบอกต่อคู่หมั้นสาวนั่นเอง ชิดหทัยไม่อยากเรื่องมาก จึงยอมรับเครื่องมือสื่อสารรุ่นล่าสุดนั้นมาทันที “ได้ค่ะ” แอนนิต้าเห็นอย่างนั้นก็อดที่จะถามอีกฝ่ายอย่างกังวลไม่ได้ “คุณจะไม่ให้คนขับรถไปส่งจริงๆ เหรอคะ?” ชิดหทัยเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย แล้วส่งยิ้มจนดวงตาคู่โตของเธอหยีโค้งขึ้นเป็นเชิงประจบอีกฝ่าย “ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะแอนนิต้า ฉันเพิ่งมาลอนดอนครั้งล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้วก็จริง แต่ก็ยังจำทางได้อยู่นะคะ” แอนนิต้าถอนหายใจยาว ดูเหมือนเธอจะไม่สามารถตามอีกฝ่ายไปได้จริงๆ “งั้นดิฉันจะรอคุณที่นี่นะคะ” แต่ชิดหทัยกลับโบกมือปฏิเสธอีกครั้ง “ไม่ต้องรอหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันก็กลับมาแล้ว คุณกลับบ้านไปพักผ่อนได้เลย” “ดิฉัน…” “ไปเถอะค่ะ นี่ห้าโมงเย็นแล้วด้วย หมดเวลางานแล้วนะคะ บายค่ะ” ตอนท้ายเจ้าหล่อนถึงกับลุกขึ้นยืนแล้วรุนหลังผู้คุม เอ๊ย! ผู้ดูแลสาวให้ออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว เพื่อที่ตัวเธอเองจะได้เตรียมตัวออกไปข้างนอกเช่นเดียวกัน ......... แอนนิต้าเดินตามลงไปส่งชิดหทัยถึงหน้าประตูโรงแรม และพยายามจะโน้มน้าวให้หญิงสาวยินยอมให้เธอไปส่ง ทว่าคู่หมั้นสาวของเจ้านายกลับปฏิเสธออกมาอย่างแข็งขัน สุดท้ายแอนนิต้าเลยได้แต่ตอบรับอย่างยินยอม จนกระทั่งอีกฝ่ายเดินห่างไปได้สักระยะ แอนนิต้าที่ยังยืนมองร่างเล็กของลูกครึ่งสาวชาวไทยอยู่นั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองกดติดต่อบอดี้การ์ดคนสนิทของเจ้านายใหญ่ ซึ่งถูกส่งมาให้ดูแลคู่หมั้นแสนดื้อโดยเฉพาะ “คุณผู้หญิงเดินออกไปข้างนอกแล้วนะคะมิสเตอร์เวลส์” น้ำเสียงของเธอตอนบอกอีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ เซดดริที่อยู่ปลายสายจึงได้แต่หัวเราะแผ่วๆ ราวกับจะปลอบประโลมไม่ให้เธอเป็นกังวลมากเกินไป “ขอบคุณครับแอนนิต้า เดี๋ยวผมจะตามเธอไปเอง” แอนนิต้าถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนจะตอบรับเสียงเบาที่ไม่ได้คลายความหนักใจเลยแม้แต่น้อย “ค่ะ” เพียงแค่วันแรกเท่านั้น คู่หมั้นแสนดื้อของเจ้านายก็เริ่มออกนอกลู่นอกทางเสียแล้ว ซึ่งเธอก็ได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ไปหาอันตรายใส่ตัวเองหรอกนะ ไม่อย่างนั้นเธอที่มีหน้าที่ดูแลคงต้องตกงานเป็นแน่!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม