10

1622 คำ
ชิดหทัยเปิดยิ้มกว้างเมื่อมาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ... หญิงสาวอ่านป้ายชื่อหน้าร้านอาหารไทยที่เธอไม่ได้มานานเกือบสามปีแล้วนับตั้งแต่ย้ายออกจากลอนดอนไปอยู่ที่คฤหาสน์แฮมิลตันที่ต่างเมืองเพื่อดูแลผู้มีพระคุณ หลังจากนั้นเธอก็แทบจะไม่ได้เข้ามาทำธุระในลอนดอนเลย แถมการมาแต่ละครั้งก็ใช่ว่าเธอจะมีเวลาว่างมาเยี่ยมเจ้าของร้านแห่งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในบรรดาคนรู้จักที่เธอสนิทสนมด้วยมากเป็นพิเศษอย่างนิตยา เจ้าของร้านอาหารไทยขนาดกลางในไชน่า ทาวด์ บรรยากาศของร้านยังให้ความรู้สึกเหมือนครั้งแรกที่เธอก้าวเท้าเข้ามาสมัครงานที่นี่ หญิงสาวก้าวเข้าไปข้างในร้านอย่างคุ้นเคย ตรงดิ่งไปยังเคาน์เตอร์ไม้ที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะตบเคาน์เตอร์เสียงดังพร้อมกับส่งเสียงเรียกหญิงวัยกลางคนอายุราวๆ สี่สิบปีเศษดังลั่น “จ๊ะเอ๋! ป้านิด สวัสดีค่ะ” ผู้หญิงวัยกลางคนที่กำลังก้มหน้าก้มตากับสมุดบัญชีถึงกับสะดุ้งโหยง เธอส่งเสียงด้วยความตกใจพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองต้นกำเนิดเสียง แล้วจากสีหน้ากราดเกรี้ยวก็แปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึงผสมกับอาการดีใจทันทีที่สบตากับเธอ “ต๊ายยย ชมพู! มาที่นี่ได้ยังไง? หรือว่าย้ายกลับมาอยู่ลอนดอนแล้ว” นิตยา...หรือป้านิดแทบจะตะโกนใส่เธอเสียงดัง มืออวบอูมของอีกฝ่ายจับมือเธอเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปต่อหน้าต่อตา นั่นทำให้ชิดหทัยหลุดหัวเราะ ก่อนจะตอบคำถามอีกฝ่ายพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ก็ย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ชั่วคราวน่ะ คิดถึงป้านิดที่สุด เลยแวะมาเยี่ยม” ตอนท้ายอดไม่ได้ที่จะทำน้ำเสียงออดอ้อนใส่ผู้สูงวัยกว่า เธอรู้จักกับป้านิดมาตั้งแต่อายุสิบหก...นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอมาสมัครงานที่ร้านอาหารไทยแห่งนี้ ป้านิดเอ็นดูเธอไม่ผิดกับลูกหลานคนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ และคอยช่วยเหลือเธอทุกๆ ทาง ทำให้ชิดหทัยที่คิดว่าตัวเองโชคร้ายที่เป็นเด็กกำพร้า แต่เธอก็ยังโชคดีที่มีคนดีๆ อยู่รายล้อมกาย ซึ่งป้านิดก็เป็นหนึ่งในบุคคลเหล่านั้น สาวใหญ่วัยสี่สิบกว่าถึงกับน้ำตาคลอทันทีที่ได้ยินหญิงสาวที่เธอรักดุจลูกหลานแท้ๆ ของตัวเองเอ่ยออกมาว่าคิดถึงกัน “ป้าก็คิดถึงแกมาเลยนะ รู้ไหมว่าที่นี่ไม่มีใครทำขนมอร่อยเท่าแกเลย ลูกค้าขนมหวานร้านฉันหายไปตั้งยี่สิบเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่แกลาออกไป” ประโยคท้ายเอ่ยติดตลกนั่นทำให้ชิดหทัยถึงกับค้อนขวับใส่อีกฝ่าย เรื่องมันตั้งแต่สามปีที่แล้ว ทุกวันนี้ยังเอามาแขวะเธอไม่เลิก! “โถ…น่าสงสารจริงๆ” เธอรู้ดีว่าคนอายุมากกว่าแค่จะกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเองมากกว่าจะเห็นแก่ผลประโยชน์ที่เสียไปจริงๆ ป้านิดเลยได้แต่หัวเราะเสียงดังอย่างถูกใจที่แกล้งเธอได้ ก่อนอีกฝ่ายจะเปลี่ยนเรื่องถามไถ่เธอเพราะติดใจในคำพูดของเธอก่อนหน้านั้น “ว่าแต่อยู่ชั่วคราวนี่กี่เดือน” หญิงสาวชะงักไปนิด นั่นสิ...เธอต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าไรนะ? หญิงสาวได้แต่ถามตัวเองอย่างนั้นแต่ไม่ได้พูดออกไปตรงตามที่ใจคิด เพราะเธอตอบคนสูงวัยกว่าไปว่า “ก็…อาจจะสักสี่ห้าเดือนนะคะ” “งั้นดีเลย” ป้านิดร้องเสียงดังและจ้องมองเธอด้วยสายตาอ้อนวอนนิดๆ “ชมพูสนใจมาช่วยป้าไหม ทำพาร์ทไทม์ก็ได้ เอาที่สบายแล้วยืดหยุ่นน่ะ ช่วงนี้คนเยอะนิดหน่อย แต่ก็ไม่อยากรับใหม่เลยเพราะไม่อยากสอนงานกัน ถ้าชมพูมาช่วยป้าจะรับเลย” ดูท่าร้านจะขาดคน เธอในตอนแรกก็จะไม่รับปากแล้วเพราะคราวนี้ตัวเองไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้เองอีกต่อไป แวบหนึ่งหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าถ้าไทเลอร์รู้จะต้องคัดค้านแน่ๆ ทว่าในตอนที่คิดจะปฏิเสธ ป้านิดกลับบีบกระชับมือเธอแน่นขึ้นและมองอย่างอ้อนวอนตาปริบๆ สุดท้ายเธอเลยได้แต่ใจอ่อน อ้อมแอ้มตอบไปว่า “น่าสนใจนะ แต่จะให้หนูทำอะไรล่ะ?” “เด็กเสิร์ฟ” คำตอบรวดเร็วจนแทบไม่เสียเวลาคิด ซึ่งเป็นหนึ่งในงานเก่าที่เธอเคยทำก่อนจะลาออกไปอยู่แล้ว “มาทำเฉพาะช่วงเย็น หรือเสาร์อาทิตย์ก็ได้ เลือกวันเอา” ดูท่าจะขาดคนจริงๆ เธอมาช่วยงานก่อนรอป้านิดรับคนใหม่คงจะได้กระมัง อีกอย่างไทเลอร์ก็คงไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว จะให้เธอทนอยู่ในห้องของเขาเฉยๆ คาดว่าเธอคงเป็นง่อยตายภายในสามวันเจ็ดวันแน่ๆ “ถ้าเกิดติดธุระ เปลี่ยนตารางทีหลังได้ไหมคะ” หญิงสาวต่อรองก่อนที่จะรับปาก ซึ่งนั่นทำให้นิตยาค้อนขวับใส่เธอแล้วจึงตอบตกลง “แล้วแต่แกเถอะย่ะ” หญิงสาวหัวเราะกับน้ำเสียงแดกดันเล็กๆ ของคนปากร้ายแต่ใจดี “งั้นตกลง” “ดี เริ่มวันนี้เลย มาได้จังหวะพอดี” คำสั่งมัดมือชก พร้อมกับที่อีกฝ่ายถึงกับลงทุนเดินอ้อมออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ลากเธอไปยังหลังร้านทำให้ชิดหทัยแกล้งขืนตัวเอาไว้ไม่ได้ “โห…อะไรใช้งานเลย ค่าแรงยังไม่ได้ตกลงกันด้วยซ้ำ” เพียะ อีกฝ่ายตีไหล่เธอไม่เบาแต่ก็ไม่แรงมากนักทีหนึ่งอย่างหมั่นไส้ “อย่ามาดราม่า ป้าเคยโกงแกที่ไหน ค่าแรงก็สมน้ำสมเนื้อแหละย่ะ” คำตอบนั้นทำให้ชิดหทัยหัวเราะ ก่อนจะหันไปซุกหน้าลงกับไหล่คนที่สูงพอๆ กันแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุงหงิงเป็นเชิงออดอ้อนคนสูงวัยกว่า “แหม…แค่นี้ต้องลงแรง หนูแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง” ..... ตลอดระยะเวลาสามวันที่อยู่อิตาลี ไทเลอร์กลับไม่ยอมถามถึงข่าวคราวของคู่หมั้นสาวที่ถูกทิ้งไว้ให้อยู่ที่ลอนดอนเพียงลำพังเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มมุ่งมั่นทำแต่งานและเข้าประชุมตั้งแต่เช้าจรดเย็นทุกวัน ผิดวิสัยคนเพิ่งจะมีคู่หมั้นลิบลับ ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดถึงเธอหรอกนะ...แต่เพราะคิดถึงนั่นแหละถึงได้ต้องเร่งทำงานทางนี้น่ะ คนตัวสูงใหญ่คิด ขณะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ รูดเนคไทสีเข้มออกจากคอขณะจ้องมองโทรศัพท์มือถือซึ่งวางอยู่บนตัก แล้วในที่สุด...คนที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘เสือร้ายแห่งลอนดอน’ ก็แพ้ใจตัวเอง ติดต่อโทร.หาบอดี้การ์ดหนุ่มที่ใช้ให้คอยติดตามดูแลคู่หมั้นสาวของตนเองไม่ได้ ไม่นานปลายสายก็รับสายของเขา “สวัสดีเซดดริก เป็นยังไงบ้าง” ไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไรมาก บอดี้การ์ดคู่ใจก็รู้ว่าเขากำลังถามถึงอะไร หรือ…ใคร “ผมสบายดีครับ แต่ว่าคุณผู้หญิง...” “ทำไม?” ไทเลอร์ย้อนถามด้วยความสงสัย เมื่อปลายสายมีน้ำเสียงราวกับหนักใจอะไรสักอย่าง “เธอไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหารไทย ผมเคยเมลไปบอกคุณแล้ว แต่คุณไม่ตอบอะไร” เขาขมวดคิ้วมุ่นทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ฉันลืมเช็คอีเมล ขอโทษที” อันที่จริงเขาไม่ได้ลืม แต่แค่คิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาสมควรที่จะต้องเปิดอ่าน “ผมเลยไม่รู้ว่าควรจะห้ามเธอดีไหมน่ะครับ แต่ว่าถ้าเกิดมีคนรู้ว่าคู่หมั้นของคุณไปทำงานนั้น” ประโยคท้ายทำให้ไทเลอร์ได้แต่เหยียดยิ้ม คิดถึงท่าทางดื้อดึงเหมือนแมวของคู่หมั้นสาวตัวเล็กแล้วก็นึกอยากจะหัวเราะออกมา เอาเถอะ...ตอนนี้เธออยากจะทำอะไรก็ทำไป แล้วเขาก็ไม่ได้อยู่กับเธอด้วย อย่างน้อยมีอะไรทำเธอจะได้ไม่เหงา แต่หลังจากที่เขากลับไปแล้ว เธอคงจะกลับไปทำงานล้างจานงกๆ พวกนั้นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว! “ปล่อยให้เธอทำไปเซดดริก เดี๋ยวตอนฉันไปถึงลอนดอน ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง” “ครับ” “แล้วนอกจากนี้มีเรื่องอะไรอีกไหม?” ชายหนุ่มเอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้ต่อไป ซึ่งบอดี้การ์ดคู่ใจก็รายงานถึงพฤติกรรมของคู่หมั้นสาวของเขาอย่างละเอียดโดยทันที “ส่วนใหญ่เธอก็ทำเหมือนเดิมครับ ไม่ค่อยได้ออกไปไหนนอกจากไปทำงานที่ร้านอาหารไทยย่านไชน่า ทาวด์ อ้อ…ดูเหมือนเธอจะเดินไปสมัครเรียนที่สถาบันทำอาหารครั้งนึง แอนนิต้ารายงานว่าเธอจะเริ่มต้นเรียนสัปดาห์หน้าครับ” “ขอบใจ” ไทเลอร์บอกอีกฝ่ายเสียงเรียบเมื่อเห็นว่าคู่หมั้นของเขาไม่น่าจะมีปัญหาอะไร “ฝากนายดูแลเธอด้วยนะเซดดริก” เขาสั่งกำชับในตอนท้าย ซึ่งปลายสายก็ตอบอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน “ได้ครับคุณไทเลอร์” ไทเลอร์วางโทรศัพท์มือถือลงข้างตัว ในขณะที่มือเริ่มปลดกระดุมแขนของเสื้อเชิ้ตที่ตนเองสวมอยู่ พร้อมกับเหยียดยิ้มกว้างเมื่อคิดถึงใบหน้าสวยหวาน...เป็นความสวยอย่างลงตัวของลูกครึ่งอังกฤษกับเอเชีย ใบหน้าที่เขาจำได้ไม่มีวันลืมนับตั้งแต่ได้เห็นใบหน้านั้น... “ไปทำงาน...กับสมัครเรียนอย่างนั้นเหรอ” “…” “คลาดสายตาไม่ได้เลยจริงๆ สินะ…ยายเด็กดื้อ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม