ตอนที่ 6
ที่โต๊ะอาหารภายในบ้านหลังใหญ่สไตล์ยุโรปของอินทร์อร อังศนาบุตรสาวเพียงคนเดียวของเธอก็เดินมานั่งข้าง ๆ ฌาวีร์ ส่วนคุณอุทุมพรก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบุตรชายคู่กับอินทร์อรเพื่อนของเธอ
“พี่วีร์ขา พรุ่งนี้พี่วีร์ว่างมั้ยคะ พอดีอังถามพี่วีร์ไปในไอจีแล้ว..แต่พี่วีร์ไม่ตอบอังเลย ยุ่งอยู่เหรอคะ” ระหว่างทานอาหารอยู่อังศนาก็ถามฌาวีร์ อย่างออดอ้อน เธอเกาะแขนชายหนุ่มแล้วหันมาถาม จนฌาวีร์ต้องยอมตอบ เมื่อเห็นสายตาพิฆาตของผู้เป็นมารดาที่จ้องอยู่
“อ๋อ! พี่น่าจะกำลังขับรถอยู่ครับ น้องอังมีอะไรหรือเปล่า”
“พรุ่งนี้ที่มหาลัย อังมีแสดงละครเวทีค่ะ อังอยากให้พี่วีร์ไปดู” เด็กสาวพูดไปขณะที่ตักอาหารมาใส่จานให้ชายหนุ่ม คุณอุทุมพรเห็นดังนั้นจึงบอกบุตรชายของตัวเองตักอาหารให้กับอังศนาบ้าง ฌาวีร์จึงยอมทำเพราะไม่อยากทะเลาะกับมารดา
“ไปให้กำลังใจน้องหน่อยสิลูก พรุ่งนี้แกก็ว่างไม่ใช่เหรอ” อุทุมพรรีบบอกลูกชายเพราะกลัวฌาวีร์จะรีบปฏิเสธ
“อื้ม..กี่โมงครับน้องอัง”
“บ่ายโมงถึงห้าโมงเย็นที่โรงละครของมหาลัยค่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอลูก เผื่อถ้าป้าว่างจะได้ไปดูด้วยเลย” คุณอุทุมพรเอ่ยขึ้นอย่างเอาใจอังศนาเพื่อนลูกสาว
“เรื่อง พรหมลิขิตค่ะ..คุณป้า ไม่เสียค่าเข้าชมนะคะ ถ้าคุณป้ากับพี่วีร์ไป เดี๋ยวอังจะจองที่นั่งให้นะคะ” อังศนายิ้มอย่างดีใจเมื่อพูดจบ
“อื้ม!!!..ไปหลาย ๆ คนก็สนุกดีเนอะ เอางี้สิอร! เดี๋ยวฉันให้ตาวีร์มารับ” คุณอุทุมพรเหยียบเท้าของฌาวีร์เอาไว้ เขาเลยไม่กล้าพูดอะไร
พอกลับมาถึงบ้านฌาวีร์ ก็ไม่พูดกับมารดาสักคำ จนทำให้คุณปู่ของเขาเข้ามาถาม
“เป็นอะไรรึ ฌาวีร์” ชายชรานั่งลงข้าง ๆ หลานชายแล้วเอ่ยถาม
“ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยเสียงเรียบ
“บอกปู่มาเถอะ หน้าแกอมทุกข์ซะขนาดนี้”
“คุณแม่จะให้ผมไปดูละครเวทีของอังศนาพรุ่งนี้ครับ”
“ทำไม แกไม่อยากไปเหรอ”
“ก็ผมไม่ได้ชอบน้องอังนี่ครับ ผมรู้สึกกับเธอแค่น้องสาว”
“พูดแบบนี้่แสดงว่าแกมีคนรักอยู่แล้วจริง ๆ ใช่มั้ยเนี่ย”
“ครับ..”
“ถ้าจะให้ปู่ช่วยเรื่องนี้ ก็เล่าความจริงมา”
“คุณปู่ช่วยอะไรผมไม่ได้หรอกครับ”
“ก็เล่ามาก่อนสิ ปู่น่ะอาบน้ำร้อนมาก่อนนะ เรื่องความรักปู่ผ่านมาเยอะแล้ว เล่ามาเหอะน่า”
“ถ้าผมเล่าให้คุณปู่ฟัง คุณปู่สัญญากับผมได้มั้ยครับ ว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้แม่ผมฟัง” หลานชายยื่นข้อเสนอ
“ได้เลย ปู่เป็นคนเก็บความลับเก่งอยู่แล้ว ไม่มีรั่วอย่างแน่นอน” ฌาวีร์ยอมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คุณปู่ฟัง
“เห็นมั้ย คุณปู่ก็ช่วยไม่ได้อยู่ดี”
“ใจเย็น ๆ สิ ให้ปู่คิดก่อนไม่ได้รึไง ใจร้อนจริง ๆ เลย ว่าแต่อย่าลืมไปพาหนูอลิสามาแนะนำให้ปู่รู้จักเธอด้วยล่ะ” ฌาวีร์เหมือนโดนหลอกถามจึงไม่พูดอะไรต่อ ก่อนจะพูดทิ้งท้ายแล้วจากไป
“ถ้าคุณปู่คิดได้แล้วค่อยบอกผมนะครับ” พูดจบฌาวีร์ก็เดินเข้าห้องไป ทิ้งให้ชายชรานั่งเหงาอยู่คนเดียว
หลังจากนั้นฌาวีร์ก็โทรไปต่อว่าวิฑูรย์ ถึงกรณีที่เมื่อกลางวันนี้เขาปากโป้งเล่าทุกอย่างให้ท่านประธานฟังจนหมดเปลือก
“ถึงแม้เจ้าของบ้านจะไม่ยอมลดราคา คุณฌาวีร์ก็จะซื้องั้นเหรอครับ” วิฑูรย์ถามด้วยความแปลกใจ ซึ่งผิดวิสัยของเจ้านาย
“ใช่!..แล้วแกก็ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่ฉันเด็ดขาด...รู้มั้ย ไม่งั้นฉันเอาแกตาย” ฌาวีร์ขู่
“ได้ครับคุณฌาวีร์ ผมจะรูดซิปปากให้สนิทเลยครับ” วิฑูรย์รีบยืนยันเพราะกลัวตกงาน
กลางดึกคืนนั้น ฌาวีร์ทนคิดถึงใบหน้าสวยหวานของอลิสาไม่ได้ จึงโทรไปหาเธอ เพื่อจะตกลงอะไรบางอย่าง
“ผมตกลงจะซื้อบ้านของคุณในราคาที่คุณพอใจ แต่คุณช่วยอะไรผมอย่างหนึ่งได้มั้ย” ฌาวีร์โทรมายื่นข้อเสนอ
“คุณจะให้ฉันช่วยอะไรเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม
“คุณต้องเป็นแฟนกับผม” น้ำเสียงดูไม่ได้เป็นการขอร้องเลยสักนิด แต่ตรงกันข้ามมันเหมือนเป็นการออกคำสั่งเสียมากกว่า
“นี่คุณ...จะบ้ารึไง!!!” หญิงสาวรีบวางสายเพราะรู้สึกไม่ไว้ใจฌาวีร์ ก่อนที่ซีอีโอหนุ่มจะรีบต่อสายมาหาเธออีกครั้ง เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนี้หลุดมือไปง่าย ๆ
“นี่คุณ! ทำเป็นใจร้อนไปได้ ฟังผมอธิบายให้จบก่อนสิ” เขาต่อว่าเธอ
“ค่ะ” อลิสาแอบถอนหายใจเบา ๆ
“ผมแค่จะให้คุณช่วยแกล้งเป็นแฟน...เพื่อตบตาคุณแม่ผมเฉย ๆ ” ฌาวีร์ไม่รู้จะทำอย่างไรเพื่อตนเองได้มีโอกาสใกล้ชิดและจีบอลิสา จึงใช้วิธีนี้ เพราะเพิ่งได้รับคำแนะนำมาจากพุฒิพงศ์ จากการที่เขาโทรไปชวนเพื่อนให้ช่วยไปดูละครเวทีแทนเขาในวันพรุ่งนี้
“แล้วคุณจะทำแบบนั้น..ไปเพื่ออะไรเหรอคะ” อลิสาถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ดูแล้วคนระดับฌาวีร์จะหาใครมาเป็นแฟนก็ย่อมได้
“คือแม่ผมน่ะ เพิ่งจะแนะนำให้ผมรู้จักกับผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง แต่ว่าผมไม่ได้ชอบเธอ ผมก็เลยอ้างว่าผมมีแฟนแล้ว แต่คราวนี้คือผมอยากให้คุณช่วยแกล้งเป็นแฟนผมไง คุณแค่ไปทานข้าวเย็นที่บ้านผมวันไหนก็ได้สักหนึ่งเพื่อแสดงให้แม่เห็นว่าผมมีแฟนแล้วก็แค่นั้นเองครับ คุณช่วยผมหน่อยนะ”
“ฉันตกลงช่วยคุณค่ะ แต่มีข้อแม้ว่าเราจะต้องซื้อขายบ้านกันให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน” ฌาวีร์คิดในใจว่า..อลิสานี่เธอช่างรอบคอบเสียจริง ๆ!
“โอเคครับ...งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ คุณกับแม่ไปรอผมตรงกรมที่ดินได้เลย ผมจะทำแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายให้คุณทันที หลังจากเราโอนบ้านกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว...ตกลงมั้ยครับ”
“ตกลงตามนั้นค่ะ” เสียงหวานเอ่ยตอบ จนทำให้อีกฝั่งยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
ฌาวีร์ยื่นข้อเสนอด้วยความใจร้อนทั้ง ๆ ที่รู้ว่าถ้าเอาเงินในบริษัทออกไปซื้อบ้าน มารดาจะต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน เขาจึงตัดสินใจไปอ้อนคุณปู่เพื่อขอยืมเงินไปจ่ายเป็นค่าบ้าน ซึ่งคุณปู่ก็ยอมช่วยหลานเพราะเห็นแกความรักของฌาวีร์
“ไง!!! คราวนี้แกเห็นประโยชน์ของปู่หรือยัง”
“เห็นแล้วครับ ผมเนี่ยตัดสินใจถูกแล้วครับ ที่เลือกให้คุณปู่เป็นผู้สนับสนุนหลักของผม” ฌาวีร์เอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“อ่าว!!!..แล้วงั้นใครเป็นผู้สนับสนุนรองรึ” ชายชราถามหลานด้วยความแปลกใจ
“ก็เจ้าวิฑูรย์ กับเจ้าพุฒิเพื่อนผมไงครับคุณปู่”
“แหม่!!..แผนสูงเหมือนกันนะเนี่ย สมแล้วที่เป็นหลานปู่”