ตอนที่ 8
หลังจากทั้งคู่แลกไลน์กันเสร็จเรียบร้อย ฌาวีร์ก็เดินทางกลับไปที่ทำงาน พอฌาวีร์กลับมาถึงมารดาของเขาที่สั่งวิฑูรย์เอาไว้ว่า ถ้าบุตรชายเข้ามาถึงที่ทำงานเมื่อไหร่ให้รีบบอก วิฑูรย์จึงรีบโทรหาคุณอุทุมพรหลังจากฌาวีร์เดินเข้าห้องทำงานของเขา จากนั้นไม่นานคุณอุทุมพรก็รีบเดินมาหาลูกชายที่ห้องทำงานทันที
“วันนี้แกอย่าลืมไปดูหนูอังละ” อุทุมพรรีบย้ำบุตรชายเพราะกลัวว่าฌาวีร์จะลืมไปดูลูกสาวของเพื่อนเล่นละครเวที แล้ววันนี้เธอก็ไม่สามารถไปได้
“ครับ แล้วแม่จะไปกับผมหรือเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยถามผู้เป็นมารดา
“พอดีฉันต้องเข้าประชุมช่วงบ่ายนี้ คงไม่ได้ไป ถ้ายังไงฝากแกบอกน้าอรเค้าด้วยล่ะ ว่าฉันติดประชุม”
“แล้วผมต้องไปรับน้าอรมั้ยครับ”
“ไม่ต้องหรอก น้าอรเค้าให้คนขับรถเค้าพาไปแล้ว” อุทุมพรรีบบอกลูกชาย
“อ๋อครับ”
“งั้นเดี๋ยวผมขอไปรอบห้าโมงเย็นนะครับแม่” ฌาวีร์รีบบอกเพราะนัดกับพุฒิพงศ์เอาไว้ช่วงสี่โมงเย็น
“จะไปทำไมกันรอบหน้าโมงเย็น เค้ามีรอบบ่ายถึงห้าโมงเย็น แค่รอบเดียว” อุทุมพรสวนขึ้นทันควันและโมโหกับความไม่ใส่ใจของบุตรชาย
“อ๋อ!!..ครับ บ่ายโมงก็บ่ายโมง” จากนั้นฌาวีร์จึงรีบโทรบอกพุฒิพงศ์เพื่อเลื่อนเวลา
ฌาวีร์จำใจต้องไปตามที่มารดาสั่ง ช่วงพักเที่ยงเข้าเห็นอินทร์อร์มารดาของอังศนาเดินลงจากรถของใครบางคนเพื่อเข้าไปหาบุตรสาวตรงบริเวณด้านหลังเวทีการแสดง
ฌาวีร์แอบตามเธอไป เขาเห็นนักแสดงหลายคนกำลังนั่งแต่งหน้าและเตรียมซักซ้อมกันอยู่บริเวณด้านหลัง ฌาวีร์แอบดูอินทร์อรยืนคุยกับบุตรสาวของเธอ ก่อนจะเห็นอินทร์อรที่รีบเดินกลับมาขึ้นรถของใครบางคนที่จอดคอยเธออยู่
ฌาวีร์เห็นชายสวมแว่นตาดำนั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับรถคันนั้นช่วงที่อินทร์อรก้าวขึ้นไปนั่ง และเขาเดาว่าชายคนนี้คงไม่ใช่คนขับรถของอินทร์อรอย่างแน่นอน เพราะอินทร์อรนั้นเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าเพื่อขึ้นไปนั่งคู่กับคนขับ จากนั้นรถก็แล่นออกไปจากมหาลัยทันที
ฌาวีร์สงสัยจึงรีบขับรถของตัวเองตามออกไปดู ก่อนจะเห็นว่ารถของทั้งคู่ที่นั่งมาด้วยกันนั้นแวะเข้าโรงแรมม่านรูดข้างทาง สิ่งฌาวีร์เห็นเขาจึงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้
อินทร์อรเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมานานหลายปีตั้งแต่สามีเธอเสียไป อันที่จริงถ้าเธอจะคบกับใครสักคนก็คงไม่แปลก แต่ทำไมต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อย่างนี้ด้วยเขาไม่เข้าใจเลย ฌาวีร์ขับรถกลับมายังโรงละครมหาลัยก่อนจะรีบโทรหาเพื่อน
“แกขับรถถึงไหนแล้ววะ..ไอ้พุฒิ น้องอังเค้าจะทำการแสดงแล้วนะโว้ย”
“พอดีรถติดว่ะเพื่อน แต่แกจะโทษฉันไม่ได้นะโว้ย ก็ตอนแรกแกนัดฉันสี่โมงเย็นนี่หว่า แล้วเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้ใครมันจะไปทันกันล่ะ” พุฒิพงศ์รีบต่อว่าเพื่อน
“อย่าเพิ่งบ่นสิวะ...ไอ่นี่...ถึงเมื่อไหร่ส่งข้อความมาบอกฉันนะ ฉันจะเข้าไปนั่งจองที่เอาไว้ก่อน” ฌาวีร์บอกกับเพื่อนอย่างเซ็ง ๆ
หลังจากคุยกับเพื่อนเสร็จ ฌาวีร์ก็เดินไปด้านหลังเวทีการแสดงเพื่อไปบอกอังศนา เรื่องที่มารดาของเขาติดประชุม และอีกอย่างก็เพื่อเป็นการยืนยันว่าเขามาแล้วจริง ๆ
“พี่วีร์!!!” อังศนาดีใจที่เห็นฌาวีร์เดินเข้ามาทัก เธอยิ้มแทบไม่หุบ
“เป็นไงจ๊ะ ตื่นเต้นมั้ยน้องอัง” เขาถามเด็กสาวที่เดินมาเกาะแขนอย่างกับเป็นเจ้าของ จนเพื่อนนักแสดงหลายคนมองตามเธอเป็นแถว ๆ ความจริงเขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไรอังศนา เธอหัวอกเดียวกับเขาคือขาดพ่อเหมือนกัน อังศนาเพิ่งจะมาเรียนคณะนิเทศศาสน์ปีแรกเธอเพิ่งอายุครบ 18 ปีไม่กี่วันซึ่งก่อนหน้านี้มารดาก็บังคับให้เขาไปงานเลี้ยงวันเกิดของเธออยู่หยก ๆ อังศนามีความไร้เดียงสา เพียงแค่เขาไม่ชอบวิธีการของมารดาก็เท่านั้น มันเลยทำให้เขาต่อต้านมากกว่าจะเปิดใจยอมรับ
“ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ค่ะ พอดีวันนี้แม่อังมาดูไม่ได้” เธอบอกด้วยสีหน้าเศร้าลงเล็กน้อย
“อ่าว!..ทำไมล่ะ” ฌาวีร์แกล้งไม่รู้
“แม่อังติดธุระค่ะ” ฌาวีร์รีบปลอบเด็กสาวแล้วก็ชวนเธอคุยเรื่องอื่น จนเธออารมณ์ดีขึ้นมา ชายหนุ่มก้มมองนาฬิกาบนข้อมือ ก่อนจะรีบบอกเด็กสาว
“โอเค..งั้นเดี๋ยวพี่ไปรอดูนะ ใกล้เวลาแล้ว”
“อังจองที่ด้านหน้าให้พี่แล้ว” เด็กสาวรีบบอก และหยิบป้ายที่นั่งมายื่นให้กับเขา
“ไม่เป็นไรจ้ะ..น้องอัง พอดีว่าพี่อยากจะนั่งติดทางออกมากกว่า คือว่าพี่ปวดฉี่บ่อยน่ะ” ฌาวีร์อ้าง
“งั้นพี่วีร์รีบไปจองที่ก็ได้ค่ะ คนเริ่มจะมากันเยอะแล้ว” อังศนารีบบอก
“ครับ..งั้นพี่ไปก่อนนะ น้องอังแสดงให้เต็มที่ล่ะ” เขารีบให้กำลังใจเธอ