ตอนที่ 9
ระหว่างที่นั่งชมละครเวทีไปได้สักพัก พุฒิพงศ์ก็ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าโรงละครของมหาลัยก่อนจะรีบส่งข้อความมาบอกกับฌาวีร์ ซีอีโอหนุ่มจึงรีบเดินออกไปหาเพื่อนโดยทำทีเหมือนว่าตนเองออกไปเข้าห้องน้ำ เพื่อจะบอกให้พุฒพงศ์ไปนั่งแทนที่ของตัวเอง
“แกไปนั่งที่ว่างตรงนั้นนะ มีที่นั่งว่างอยู่ตรงนั้นหนึ่งที่เป็นของฉันเอง...เห็นมั้ย” เขาพาเพื่อนมายังทางเข้าอีกฝั่งหนึ่งใกล้กับห้องน้ำ และพลางชี้มือบอกกับเพื่อน
“เอ่อ..เห็นล่ะ” พุฒิพงศ์กำลังจะเดินดุ่ม ๆ เข้าไป ฌาวีร์จึงรีบเรียกให้เพื่อนหยุด
“เดี๋ยว!!!..แกเอาเสื้อคลุมชั้นนี่ไปใส่ด้วย...มันจะได้เนียน ๆ เดี๋ยวน้องอังจะรู้ตัวซะก่อน” ฌาวีร์รีบถอดเสื้อคลุมให้เพื่อน พุฒิพงศ์รับไปสวมใส่แล้วเดินเข้ามานั่งแทนที่ของฌาวีร์ อังศนาไม่มีเวลามองเท่าไหร่เพราะต้องรีบทำการแสดงในฉากต่อไป และเธอก็เห็นว่ามีคนนั่งอยู่จึงไม่ได้สงสัยอะไร จากนั้นฌาวีร์ก็ขับรถมารับอลิสาที่มหาลัยอีกแห่งหนึ่ง
ฌาวีร์ขับรถเข้ามารอรับอลิสาถึงหน้าตึกที่เธอเรียน จนเพื่อน ๆ หลายคนของอลิสาแอบแซวเธอ ซึ่งพอขึ้นรถมาได้อลิสาก็รีบสั่งห้ามว่าไม่ให้ฌาวีร์ทำแบบนี้อีก แต่เขาก็ไม่รับปากเธอ จนทั้งคู่เริ่มทะเลาะกัน เพราะถึงบ้านฌาวีร์ก็แกล้งอลิสาอีก โดยตามเธอเข้ามาในบ้านด้วย ซึ่งเธอก็ไม่กล้าต่อว่าอะไร เพราะนี่คือบ้านของเขา
“สวัสดีครับคุณแม่” ศศิธรทำหน้างง ๆ ที่เห็นฌาวีร์ยกมือไหว้และเดินตามเข้ามาในบ้านพร้อมกับลูกสาวของเธอ แถมยังเรียกเธอว่าแม่อีก
“คุณจะให้ดิฉันย้ายออกวันไหนเหรอคะ” ศศิธรคิดว่าฌาวีร์คงมาด้วยเรื่องนี้ แต่เขาก็เข้ามายืนโอบไหล่ของอลิสาแล้วพูดขึ้นอีก จนหญิงวัยกลางคนคิ้วแทบจะชนกัน
“ระหว่างที่ผมเป็นแฟนกับลูกสาวคุณแม่ ผมยินดีให้คุณแม่พักอยู่ที่บ้านหลังนี้ต่อไปครับ” เขาพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน ก่อนที่อลิสาจะรีบเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันกับแม่จะรีบย้ายออกจากบ้านของคุณให้เร็วที่สุด” หญิงสาวรีบเอามือปลาหมึกที่เกาะบนไหล่ของเธอออก
“ริสา!! นี่มันอะไรกันแม่.งงไปหมดแล้ว” ศศิธรหันมาถามบุตรสาวเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ฌาวีร์พูด และอลิสาก็ยังไม่มีเวลาได้อธิบายให้มารดาเข้าใจ เพราะเธอไม่คิดว่าฌาวีร์จะเล่นจู่โจมด้วยวิธีนี้
“คืออย่างนี้ค่ะ คุณแม่ ที่คุณฌาวีร์เค้าตกลงซื้อบ้านของเรา เพราะเค้ามีข้อแม้ว่าหนูต้องเล่นเป็นแฟนเค้าค่ะ” อลิสาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วก็ทำหน้ายักษ์ใส่ฌาวีร์ ก่อนที่ศศิธรจะอุทานลั่น
“ห๊า!..”
“คุณแม่ได้ยินไม่ผิดหรอกครับ ริสาต้องเล่นละครเป็นแฟนผม” ตอนแรกฌาวีร์คิดว่าอลิสาจะตามน้ำ แต่เธอก็เลือกที่จะบอกความจริงกับมารดา เขาเลยก็เลยจำใจสารภาพความจริงกับศศิธร
“เพื่ออะไรเหรอคะคุณฌาวีร์” ศศิธรหันมาถามชายหนุ่มด้วยความไม่เข้าใจ
“เรื่องนั้นผมจะให้ลูกสาวของคุณแม่เป็นคนอธิบายนะครับ” ฌาวีร์พูดจบเขาก็รีบยกมือไหว้ศศิธร ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป ภาระหนักอึ้งจึงตกอยู่กับอลิสา ที่เธอจำเป็นจะต้องเล่าทุกอย่างให้มารดาฟัง ทั้งที่จริง ๆ แล้วอลิสาตั้งใจจะไม่บอกเรื่องนี้กับมารดาด้วยซ้ำ แต่ฌาวีร์ก็เล่นจู่โจมเธอ จนต้องตอบโต้กลับไปบ้าง
“แต่แม่ว่าก็ดีนะลูก เรายังไม่รู้ว่าใช้หนี้แล้ว เงินจะเหลือเท่าไหร่ จะได้ประหยัดเงินค่าเช่าบ้านไปด้วย” ศศิธรไม่ปฏิเสธนำใจของฌาวีร์เพราะเธอก็อยากเห็นบุตรสาวมีอนาคตที่มั่นคง
“เขาคงให้เราอยู่อีกไม่นานหรอกค่ะแม่ ถ้าเขาจัดเรื่องของเขาเรียบร้อย หนูก็คงหมดหน้าที่ของหนูแล้ว” อลิสารีบอธิบายกับผู้เป็นมารดา
“แล้วหนูรู้สึกยังไงกับเขาล่ะ” ศศิธรเอ่ยถาม
“ก็เฉย ๆ ค่ะ”
“อื้มม.. แต่แม่ว่าเค้าไม่ได้มองลูกแม่แบบนั้นนะ” ศศิธรอมยิ้ม
“คุณแม่!!..เค้ารวยระดับนั้น จะมาชอบคนจน ๆ ที่ล้มละลายอย่างเราได้ยังไงล่ะคะ” อลิสาพูดอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
“มันก็ไม่แน่หรอกลูก” ศศิธรดึงลูกสาวเข้ามากอด เพราะไม่อยากให้บุตรสาวของเธอดูถูกตัวเอง