ตอนที่ 10
หลายวันต่อมาคุณปู่ก็ทำหน้าที่ช่วยให้หลานชายได้สมหวังในเรื่องของความรัก โดยบอกกับลูกสะใภ้อย่างอุทุมพรอย่างตรงไปตรงมา ถึงเรื่องที่เธอควรจะให้ลูกชายของเธอได้มีสิทธิ์ในการเลือกคู่ครองด้วยตนเอง ซึ่งวันนี้คุณอุทุมพรก็เรียกให้ฌาวีร์เข้ามาพบที่ห้องทำงานของเธอ
“เห็นแกบอกคุณปู่ว่ามีแฟนแล้วงั้นรึ” ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อ
“ครับ แต่อันที่จริงผมก็เคยบอกแม่ไปแล้ว”
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ฉันก็นึกว่าแกคบเล่น ๆ เหมือนที่ผ่านนะสิ” อุทุมพรพูดเพราะรู้นิสัยของฌาวีร์ดีกว่าใคร รู้ว่าลูกชายของตัวเองนั้นเป็นหนุ่มเจ้าสำราญและรักความโสดของตัวเองมากแค่ไหน
อุทุมพรต้องการให้ลูกชายของเธอแต่งงานจริง ๆ เสียที ก็เพราะกลัวว่าฌาวีร์จะพลาดท่าผู้หญิงหิวเงินที่เขาคบหาเพียงชั่วครั้งชั่วคราว และอีกอย่างเธอก็กลัวลูกชายไปติดโรคจากผู้หญิงพวกนั้น เธอมีลูกชายเพียงคนเดียว และหวังให้สานต่อกิจการของครอบครัว
ใครจะว่าเธอหวงลูกชายก็ไม่ผิด เพราะหลายครั้งที่ผ่านมา เธอใช้เงินฟาดหัวผู้หญิงที่ต้องการจะมาจับลูกชายไปหลายคน ซึ่งบางคนก็มาเรียกร้องค่าเสียหายบ้างก็มี อ้างว่าท้องบ้าง อ้างว่าถูกข่มขืนบ้าง จนเป็นเรื่องเป็นราวทำให้เธอก็ปวดหัวเลยจึงยื่นคำขาดกับฌาวีร์
ฌาวีร์นั้นถูกคุณปู่เลี้ยงดูแบบตามใจมาจนเกือบจะเสียคน ซึ่งเธอจะยอมอีกไม่ได้อีกเด็ดขาด อุทุมพรเพิ่งจะทะเลาะกับคุณปู่ของฌาวีร์มาเมื่อเช้านี้ เรื่องที่เธอให้ฌาวีร์ไปคบหากับอังศนาบุตรสาวของอินทร์อรเพื่อนของเธอ
“คนนี้ผมจริงจังครับแม่” ฌาวีร์ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่น
“ก็ดี!..แล้วสะดวกพามาให้ฉันดูตัววันไหนล่ะ จะได้ช่วยสแกนให้”
“งั้นเอาเป็นว่าวันพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะครับแม่ ผมจะพาเธอมาทานข้าวที่บ้านของเรา” ฌาวีร์พูดขึ้นอย่างดีอกดีใจ ที่มารดาเปิดโอกาสให้เขาอีกครั้ง
เย็นนั้นฌาวีร์ขับรถมารับอลิสาที่มหาลัยของเธอ ก่อนจะซักซ้อมเรื่องที่เขาจะพาเธอไปทานมื้อเย็นที่บ้านในวันพรุ่งนี้
“ไหนลองเรียกสิ พี่วีร์ขา”
“จะบ้ารึไง..เรียกคุณวีร์ก็พอ”
“ไม่ได้..ผมอายุมากกว่าคุณตั้งเยอะนะ”
“อะ ๆ พี่วีร์ ก็พี่วีร์ พอใจยัง”
“อื้ม...แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย”
เย็นวันต่อมาพอช่วงหลังเลิกเรียนฌาวีร์ก็พาอลิสามาแนะให้มารดาและคุณปู่ของเขาได้รู้จักที่บ้านก่อนทานอาหารมื้อค่ำ หลังจากผ่านการร่วมรับประทานอาหารอลิสาก็ทำหน้าที่ได้ดีเธอมีความเป็นผู้ดีอยู่ในตัวอยู่แล้วทุกกระเบียดนิ้ว
อลิสาอยู่คุยกับมารดาและคุณปู่ของฌาวีร์หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จอีกเกือบเป็นชั่วโมง คุณปู่ถูกอกถูกใจในกิริยามารยาทของอลิสาและเอ่ยปากชวนให้เธอมาทานข้าวเย็นที่บ้านด้วยกันทุกวัน จนอลิสาต้องหันหน้ามาส่งสัญญาณให้ฌาวีร์ช่วย จนเขาต้องรีบแก้ต่างให้อลิสา
“แหม่!..คุณปู่ครับ ริสาเนี่ยเค้าเลิกเรียนมาก็เหนื่อยแล้ว เอาไว้แค่ช่วงเสาร์อาทิตย์ก็พอแล้วมั้งครับ..คุณปู่” ฌาวีร์บอกกับชายชรา อลิสาก็ได้แต่ก้มหน้าไปตามมารยาท
“เห็นว่าหนู เรียนอักษรศาสตร์เอกภาษาอังกฤษใช่มั้ยจ๊ะ” เสียงของชายชราเอ่ยถามเด็กสาวด้วยความเอ็นดู
“ค่ะ.. คุณปู่”
“งั้นก็มาฝึกงานที่โรงแรมของพี่วีร์เค้าซะเลยสิ อยู่ปีสี่แล้วไม่ใช่เหรอ” ชายชรารีบบอก อลิสาก็ได้แต่ยิ้ม ๆ อุทุมพรที่เห็นพ่อสามีถามอยู่นานจึงถามขึ้นบ้าง
“แล้วหนูฝึกงานเทอมไหนจ๊ะ” อุทุมพรคิดในใจว่าอย่างน้อยถ้าเด็กคนนี้มาฝึกงานที่โรงแรมจริง ๆ ตามคำเชิญชวนละก็ เธอตั้งใจที่จะตรวจสอบเด็กคนนี้ให้ละเอียดเลยทีเดียว
“เทอมหน้านี้ค่ะคุณแม่” อลิสาตอบอย่างตรงไปตรงมา
“งั้นก็ดีเลยสิ ถ้าขี้เกียจเดินทางไปกลับจะพักที่โรงแรมเลยก็ยังได้ โรงแรมของเรามีตั้งหลายห้อง” ชายชรารีบบอก เพราะอยากให้อลิสาได้ใกล้ชิดกับฌาวีร์เผื่อว่าหลานชายจะมีโอกาสทำคะแนนกับเธอมากขึ้น
“หูย!..ขอบคุณค่ะ แต่ว่าหนูไปกลับดีกว่าค่ะ..คุณปู่ พอดีคุณแม่หนูต้องอยู่บ้านคนเดียว”
“อ๋อ เป็นห่วงคุณแม่เหรอจ๊ะ” อุทุมพรถามต่อไปเพราะอยากจะรู้จักอลิสาให้มากกว่านี้
“ค่ะ”
งั้นก็เอาอย่างนี้สิ ช่วงที่หนูฝึกงานน่ะ ก็ให้พี่วีร์เค้าไปรับไปส่งก็ได้นี่ิ แม่ไม่ว่าหรอก เผื่อเรียนจบแล้วจะได้แต่งงานกันซะเลย ช่วงที่ฝึกงานหนูก็ฝึกเป็นเลขาฯ พี่เค้าเลยก็ได้ จะได้ช่วยกัน มีอะไรก็ให้พี่เค้าสอน” อุทุมพรจู่โจมทันทีเพื่อดูปฏิกิริยาของเด็กสาวคนนี้ อลิสาก็ได้แต่ยิ้ม ๆ และเริ่มกังวลว่าเรื่องมันชักจะไปกันใหญ่เสียแล้ว