ตอนที่ 2 ชีวิตพลิกผัน

869 คำ
“กรี๊ดดดด พี่ชัช!!” เสียงกรีดร้องของผู้เป็นแม่ตามด้วยร้องเรียกชื่อพ่อ ทำให้ ไนล์ เหนือนที ที่เพิ่งกลับจากมหาวิทยาลัยเร่งฝีเท้าไปยังต้นทางของเสียง และภาพที่เห็นตรงหน้า แม่นั่งกอดร่างของพ่อที่แน่นิ่งอยู่กับพื้น โรงพยาบาล ชัช ชัชชน ถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยภาวะเส้นเลือดสมองแตก ต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน หากปล่อยไว้อาจเกิดความเสียหายต่อสมองที่อาจเกิดขึ้นหากมีการเปลี่ยนแปลงความดันโลหิต “ไนล์ บ้านเราไม่เหลืออะไรแล้ว” สรณ์ สรณ์สิริ บอกลูกชายเพียงคนเดียวที่โอบกอดเธอไว้เสียงสะอื้น ขณะนั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดด้วยใจเป็นห่วงสามี “มันเกิดอะไรขึ้นครับ” ไนล์ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “ไนล์จำอาธาดาได้ไหม” “เพื่อนคุณพ่อ” ไนล์จำอาธาดาที่แสนใจดี ธรรมะธัมโม และเป็นทั้งเพื่อนและหุ้นส่วนที่พ่อไว้ใจได้ “ใช่ อาธาดาให้คุณพ่อเซ็นค้ำประกัน หลอกให้คุณพ่อเซ็นมอบอำนาจ แล้วก็โอนทุกอย่างไปเป็นของเขา” บริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือสำหรับช่างยนต์และอุปกรณ์ศูนย์บริการซ่อมรถทุกประเภท ถูกเปลี่ยนมือไปเป็นของคนชั่ว และต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ จึงเป็นที่มาของความเครียด จนเป็นเหตุให้ชัชชนเส้นเลือดในสมองแตก เรื่องนี้เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว แต่สรณ์สิริกับสามีไม่เคยบอกลูกชาย “เพราะแบบนี้ถึงทำให้คุณพ่อเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตก...” เสียงนั้นสั่นเครือด้วยความเจ็บปวดใจ ที่พ่อต้องมาเป็นแบบนี้ก็เพราะไว้ใจคนผิด “เพราะความเชื่อใจแท้ๆ” “สารเลว” ไนล์กำมือแน่นด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะผละจากคนเป็นแม่ แล้วผลุนผลันออกไป “ไนล์จะไปไหนลูก” ไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ถูกคนเป็นแม่รั้งไว้ “ไนล์จะไปเอาทุกอย่างของเราคืน” “พี่ชายอาธาดาเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี อิทธิพลของเขาทำให้แม่กลัว กลัวว่าถ้าไนล์ไปแล้วจะไม่ได้กลับมาหาแม่อีก อาการคุณพ่อยังเป็นตายเท่ากัน ถ้าไนล์เป็นอะไรไปอีกคน แม่คงรับไม่ไหว” เพราะคำอ้อนวอนของแม่ทำให้ไนล์ต้องระงับสติอารมณ์ ยามที่พ่อเป็นเช่นนี้ เขาต้องเป็นหลักให้แม่ การผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยดี แต่ก็ทำให้ชัชชนเป็นอัมพาตครึ่งซีก เซลล์สมองที่เสียหายไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาดังเดิมได้ จึงไม่อาจหายกลับเป็นปกติ 100 เปอร์เซ็นต์ได้ แต่ก็สามารถฟื้นฟูตนเองให้กลับมาใกล้เคียงปกติมากที่สุดหรือสามารถช่วยเหลือตนเองได้โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสมองที่เสียหายและความตั้งใจ ความขยันในการฝึกฝนฟื้นฟูทักษะการเคลื่อนไหวของตนเอง ชัชชนต้องพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู จนกว่าจะพ้นขีดอันตราย ไนล์คอยอยู่เคียงข้างคนเป็นแม่ไม่ไปไหน และ 3 วันแล้ว ที่เขาไม่ได้ไปเรียน “พะ...พ่อ...ขะ...ขอโทษ ผะ...ผม...ขะ...ขอโทษ” ริมฝีปากที่บิดเบี้ยวทำให้ยากลำบากต่อการพูด ชัชชนรู้สึกผิดต่อลูกชายกับภรรยา เพราะความโง่เขลาของตัวเอง จึงทำให้ทั้งคู่ต้องตกที่นั่งลำบากไปด้วย “ถ้าจะโทษ ต้องโทษไอ้สารเลวนั่น ตอนนี้คุณพ่อควรพักผ่อน อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยนะครับ” ไนล์ดึงผ้ามาห่มให้คนเป็นพ่อ สภาพจิตใจที่ย่ำแย่ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายในขณะนี้ “พี่ชัชต้องพักผ่อนมากๆ ทำตามที่หมอแนะนำ แล้วถ้าออกจากโรงพยาบาลก็ต้องขยันทำกายภาพบำบัดด้วยรู้ไหม พี่ชัชต้องเข้มแข็งเพื่อสรณ์กับไนล์นะ” เพราะฤทธิ์ยาทำให้ชัชชนค่อยๆ หลับไป ก่อนที่ภรรยาจะพูดจบด้วยซ้ำ “ไนล์ไปมหาลัยเถอะลูก แม่ก็จะไปที่ฝ่ายการเงิน ทางโรงพยาบาลให้ไปจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนแรกแล้ว ไม่รู้ว่าเท่าไร” ลูกชายแต่งชุดนักศึกษา ผู้เป็นแม่รู้ได้ในทันทีว่าวันนี้ต้องมีสอบ ไม่เช่นนั้นคงอยู่เฝ้าพ่อ ไม่ไปเรียนเหมือน 3 วันที่ผ่านมา “ยังพอมีเวลา ไนล์จัดการให้เองครับ” “แม่ว่าเราย้ายคุณพ่อไปรักษาโรงพยาบาลรัฐดีกว่าไหม แม่...” “เรื่องค่าใช้จ่ายคุณแม่ไม่ต้องกังวลนะครับ ไนล์จะเป็นคนจัดการเอง” ไนล์รับรู้สิ่งที่แม่เป็นกังวล ด้วยฐานะทางการเงินเวลานี้ ค่ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนนั้นถือเป็นเรื่องที่หนักมาก “แต่...” “คุณพ่อหลับแล้ว คุณแม่ก็พักผ่อนนะครับ ไนล์รีบไปจัดการก่อน จะได้ไปมหาลัย แล้วจะรีบกลับมาช่วยดูแลคุณพ่อครับ” นับว่ายังเป็นโชคดีที่เขายังพอมีเงินเก็บ และนำเงินก้อนหนึ่งไปซื้อหุ้นตามคำแนะนำของเพื่อน ไนล์มาที่ฝ่ายการเงินของโรงพยาบาลเพื่อชำระค่าใช้จ่ายส่วนแรก เมื่อเห็นตัวเลขค่าใช้จ่ายส่วนแรกเกือบหนึ่งล้านบาท ก็รู้สึกถึงเส้นเลือดปูดข้างขมับเต้นตุบๆ สายตาคู่คมมองตัวเลขจำนวนเงินในบัญชีที่ร่อยหรอ สมองสั่งการให้คิดวิธีหาเงิน 'Elysia' ขณะขับรถไปมหาวิทยาลัย สายตาก็พลันเห็นป้ายบาร์โฮสต์ และจำได้ว่าเจ้าของเป็นลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนสนิท
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม