หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดฮูหยินใหญ่ผ่านไป 2 วัน เชี่ยนเชี่ยนนางก็กลับมาจากไปสืบเสาะข้อมูลมาให้ โดยนางเสนอว่าควรเลือกที่ว่างที่แบ่งขายซึ่งเป็นที่ปลอดภัยที่สุดใน 5 ที่ ที่นางไปดูมาอีกทั้งข้างหลังของพื้นที่ยังติดกับป่าขนาดเล็กที่อีกด้านห่างออกไป 3 ลี้ ถึงจะเป็นด้านหลังของอีกจวน และที่ตรงนี้มีพลังปราณในธรรมชาติค่อนข้างดีเหมาะแก่การอาศัยมาก ซึ่งเมื่อชิงเถาได้ฟังที่เชี่ยนเชี่ยนได้ร่ายอธิบายที่ดินทั้งหมดมานางก็เชื่อกับการตัดสินใจของเชี่ยนเชี่ยน หลังจากนั้นนางถึงนำไปปรึกษากับครอบครัวโดยอ้างว่าไปสอบถามข้อมูลมาจากพวกคนในตลาดซึ่งทำให้เชี่ยนเชี่ยนเป็นอันงอนนางแล้วก็หายตัวไปเที่ยวต่อ เนื่องจากนางเป็นคนช่วยแท้ๆ ยังบอกว่าเป็นผลงานคนอื่น เอ๊ะ.. หรือนางถูกมองว่าเป็นแม่ค้าปากตลาดไปแล้วล่ะเนี่ย
“แต่ที่ตรงนั้น 870 ตำลึงเลยนะลูก อีกทั้งเราต้องหาเงินสร้างบ้านอีก” จิ้นสินว่า เพราะที่ตรงนั้นไหนจะแพงที่สุดไหนจะไม่มีอะไรนอกจากที่ดินให้อีก
“เราก็ต้องเก็บเงินเพิ่มไงเจ้าคะท่านพ่อ แต่แค่เราได้ไถ่ตัวออกไปมีที่ให้เราอยู่ เราก็ค่อยสร้างบ้านก็ได้ เราทำเพิงเล็กๆ อยู่ก่อนก็ได้เจ้าค่ะพวกเราอยู่ได้ เนาะๆ” ชิงเถาพูดออกมายิ้มและรีบหาแนวร่วม นางคิดในใจได้ที่ว่างก็ดี นางจะได้บ้านใหม่ไม่ต้องอยู่ต่อจากใครแล้วนางจะออกแบบบ้านให้ไม่มีใครเคยเห็นเลย
“ใช่ขอรับรับท่านพ่อบ้านของเราหลังเล็กๆ พวกเราก็อยู่ได้”
“เราเลือกที่นี่เถอะขอรับที่พี่รองพูดมาน่าสนใจมาก” สองแฝดเสนอออกมาเพราะพวกเขาก็อยากจะอยู่ที่นั้นตั้งแต่แรกแล้วเหมือนกัน
“งั้นเอาตามลูกก็ดีนะเจ้าคะท่านพี่ ถ้ายังขายดีอยู่อย่างนี้เราหาอีกสักเดือนก็น่าจะพอซื้อที่แล้ว แล้วบ้านเราก็สร้างแค่พออยู่ได้ก่อน ถ้ามีเงินค่อยขยับขยายไป เพราะที่เราทำอยู่ทุกวันทุกคนก็สงสัยกันมากอยู่แล้วจนไม่รู้ข้าจะตอบคนอื่นยังไง ทั้งกลัวว่าเจ้านายรู้แล้วพวกเราจะถูกทำโทษ” นางลี่จูเอ่ยสนับสนุนลูกออกมาเพราะนางก็ยังอยากให้ลูกได้อยู่ในที่ดีๆ เช่นกัน
การเป็นตัวนายชีวิตตนเอง คือสิ่งที่พวกเราโหยหาที่สุดในเวลานี้...
“ก็ได้ เช่นนั้นสรุปเราเลือกที่นี้แล้วกัน แต่จากที่เราขายน้ำดับกลิ่นกายอีกเท่าไหร่ล่ะเนี่ย...” จิ้นสินเอ่ยออกมาตามที่เขาได้จดบันทึกไว้พร้อมเริ่มคำนวณแต่เขาไม่ได้มีการศึกษาเพียงแค่อ่านออกเขียนได้แต่เรื่องคำนวณนั้นเขาจะต้องได้เวลาอย่างยิ่ง
“แต่น้ำดับกลิ่นกายคงหายได้อีกไม่นานแล้ว เราคงต้องการอย่างอื่นมาขายเพิ่มแล้วล่ะ” ชิงเถาว่า
“ใช่แล้วเจ้าค่ะเข้าฤดูใบไม้ร่วงอากาศก็เย็นลงแล้ว แล้วน้องรองมีความคิดอย่างไรกับสินค้าอย่างใหม่ล่ะ” ลี่ถิงถามออกมา เพราะนางก็เห็นด้วยว่าอีกหน่อยน้ำดับกลิ่นกายของพวกนางจะไม่มีประโยชน์นั กอีกทั้งอาหารที่ทำขายทุกวันพวกนางก็ไม่สามารถเพิ่มปริมาณได้แล้วเพราะเวลาไม่พอ ผ้าปักของนางก็ขายได้บ้างแต่ก็ไม่เป็นที่นิยมมากนัก ส่วนหญ้าหวานของน้องรองถึงจะขายได้ดีแต่ก็มีอยู่ไม่มาเท่าไหร่
“ข้ายังคิดไม่ออกเลยเจ้าคะ แต่ตอนนี้เรามีสารส้มที่ซื้อมาตุนไว้เป็น 100 จิน ข้าว่าจะลองเอานำมาเป็นของประดับลองดู” ชิงเถาพูดออกมา นางนึกถึงโลกก่อนที่นำสารส้มจำนวนมากพอไปละลายโดยการต้มแล้วจากนั้นปล่อยในเย็นมันก็จะเกิดผลึกขึ้นซึ่งนางคิดว่ามันสวยทั้งเพราะสามารถเติมสีลงไปได้ด้วยผู้คนน่าจะสนใจ รึเปล่านะ? (1 จิน = 500 กรัม)
“สารส้มทำเครื่องประดับได้ด้วยเหรอ” ลี่ถิงถามออกมาด้วยความสงสัย เพราะแค่ที่มันใช้ดับกลิ่นกายได้นางก็ทึ่งกับประโยชน์ของมันแล้ว แล้วนี่จะทำเป็นเครื่องแระดับได้อีก!
“ข้าก็ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าเครื่องประดับได้ไหม แต่มันน่าจะเป็นของประดับบ้านมากว่าเจ้าค่ะ” ชิงเถาตอบออกมา เพราะตอนนี้นางนึกถึงผลึกสารส้มหลายสีที่ติดอยู่กับเชือกแล้วถูกนำไปแขวนไว้ที่ต่างๆ หรือจะเกาะอยู่กับไม้หลายๆ อันใส่ในแจกันก็น่าสนใจ
“งั้นก็ทำเลยสิขอรับท่านพี่ข้าอยากเห็น” หมิงเลี่ยนพูดออกมาเมื่อได้คิดว่ามันจะต้องสวยแน่ๆ แต่เรื่องสวยเขาไม่ได้สนใจมาก เขาสนใจว่ามันจะทำเงินเท่าไหร่เสียมากกว่า
“ทำก็ทำได้ แต่ต้องพรุ่งนี้นะลูก วันนี้ดึกแล้วเข้านอนได้แล้ว” นางลี่จูบอกกับลูกๆ จากนั้นทุกคนจึงแยกย้ายไปนอน ซึ่งกว่าชิงเถาจะได้นอนก็ต้องตอบข้อสงสัยของสองแฝดในการประดิษฐ์เจ้าสินค้าอย่างใหม่เสียก่อนถึงจะถูกปล่อยตัวให้ไปนอนได้
“หูววว พี่รองมาดูเร็วสวยมากเลย”
“พี่รองตื่นเร็วๆ” สองแฝดกำลังปลุกชิงเถาที่ยังไม่ตื่นนอน วันนี้พวกเขาตื่นเช้ากว่าปกติเพราะเมื่อวานชิงเถาพาทำผลึกสารส้ม แล้วบอกว่าต้องทิ้งไว้รอดูวันต่อไปพวกเขาเลยพากันตื่นแต่เช้ากว่าปกตินั่นเอง ทั้งๆ ที่ปกติก็ต้องตื่นแต่เช้ามากๆ แล้ว
“อืมมมม อะไรกันสองแฝด ปลุกพี่แต่เช้า” ชิงเถาถามสองแฝดด้วยเสียงงัวเงีย ตานางก็ยังไม่ลืมด้วยซ้ำ
“สารส้มๆ เป็นก้อนแล้วพี่รอง ไปดูกันเร็ว” ทั้งสองยังพยายามดึงนางให้ลุกจากที่นอนให้ได้เพราะทั้งสองไม่กล้าจับเพียงแต่เห็นมันแขวนอยู่ในแก้วเท่านั้น
“ได้ๆ ตื่นแล้วๆ” สุดท้ายชิงเถาก็ต้องยอมแพ้กับทั้งสองนางจึงจำต้องลุกจากที่นอนเพื่อไปดูสิ่งที่ทำไว้เมื่อคืนที่วางอยู่มุมห้อง (จริงๆ เดิน 2 ก้าวก็ถึง)
“ไหนดูสิ ว้าววว สวยงาม ใช้ได้ๆ” ชิงเถานั่งลงข้างแก้วที่ใส่ผลึกสารส้มไว้จากนั้นจึงยกขึ้นไม้ที่ทำคาดไว้บนปากแก้วที่แขวนเชือกไว้ ซึ่งผลึกที่นางทำนั้นมีหลายสีเนื่องจากเมื่อวานนางได้เข้าไปซื้อของในตลาดจึงถือโอกาสซื้อเปลือกไม้ที่ใช้ย้อมผ้ามาด้วย โดยนางซื้อมาแค่ 3 คือ แดง เหลือง และฟ้า เพราะมันเป็นแม่สีนางสามารถผสมให้เป็นสีอื่นๆ ได้อีก แล้วนางยังลงทุนซื้อแก้วน้ำดินเผาใบขนาดเท่าแก้วน้ำในโลกเก่าอีกกว่า 60 ใบ เพราะนางจะทำขายเพราะงั้นอุปกรณ์ก็ต้องเยอะตามเพื่อที่จะได้ผลิตทัน
“ข้าลองจับได้ไหมพี่รอง” หมิงลู่ถามขึ้นหลังจากเห็นว่านางยกขึ้นมาแล้วมันดูสวยงามนักเขาไม่เคยเห็นอะไรสวยขนาดนี้มาก่อน เพราะผลึกของสารส้มที่พวกเขาเห็นและใช้กันมันเป็นสีขุ่นๆ รูปทรงของก้อนก็บู้ๆ บี้ๆ ไม่ได้สวยงามเหมือนตอนนี้เลยแม้แต่น้อย
“ได้สิ นี่พวกเจ้าทำเองเลยนะ สวยไหม” ชิงเถายื่นผลึกที่อยู่ในมือให้หมิงลู่แล้วก็หยิบอีกอันให้หมิงเลี่ยนได้ดูใกล้
“สวยขอรับ” ทั้งสองตอบ
วันนี้ชิงเถานางได้นางทำผลึกสารส้มได้ 60 อัน โดยนางจะนำมาร้อยเรียงต่อกัน 3 อันแบบคละสีซึ่งสามารถนำไปแขวนที่ต่างได้ ซึ่งวันนี้ตอนเย็นนางว่าจะลองให้บิดาเหลาไม้ไผ่แล้วให้ผลึกเกาะกับไม้ดูถ้ารวมกันอยู่หลายๆ อันก็น่าจะสวยดี สามารถเสียบไว้ในแจกันหรือแก้วได้
หลังจากชิงเถาทำผลึกสารส้มได้ 2 วัน ได้ทั้งแบบร้อยเชือกและเป็นไม้ วันนี้นางก็นำสินค้าออกขายกับบิดาตามเคย ซึ่งนางตั้งชื่อมันว่าผลึกสี โดยราคานั้นแบบร้อยเชือกแล้วก็แบบไม้ ถึงราคาจะแพงไปหน่อยแต่เพราะมันเป็นของประดับ เพราะฉะนั้นคนที่จะซื้อต้องมีเงินเหลือใช้อยู่แล้วชาวบ้านทั่วไปถ้าไม่มีประโยชน์พวกเขาก็ไม่ยอมเสียเงินที่จะซื้อแน่นอน ซึ่งก่อนจะขายชิงเถาก็ลองถามแกมขอร้องสะใภ้ร้านไก่ว่านางมีสินค้าใหม่มาขายแต่ขอไม่ให้นางหักเงินนางจากสินค้าชนิดใหม่นี้ เนื่องจากพวกนางต้องการใช้เงินจริงๆ หลังจากสะใภ้ร้านขายไก่ได้ฟังนางก็ไม่ได้คิดอะไรจึงตอบตกลงไป เพราะทุกวันนี้นางก็ได้ส่วนแบ่งจากการขายหลายร้อยอีแปะอยู่ เพียงจะมีน้ำใจไม่คิดเงินเพิ่มก็ไม่เห็นเป็นไร ดีกว่าพวกชิงเถาไม่พอใจนางแล้วเปลี่ยนไปฝากร้านอื่นขาย แต่หลังจากได้เห็นสินค้าชนิดใหม่พร้อมรู้ราคานางก็เสียใจไม่น้อยสำหรับรายได้ที่นางพลาดไป
“วันนี้มีสินค้าใหม่เจ้าค่ะ เป็นสิ่งไว้ประดับเรือนสวยๆ เจ้าค่ะ เข้ามาดูกันก่อน ไม่ซื้อไม่ว่ากันเจ้าค่ะ” ชิงเถาหลังจากจัดของเสร็จแล้วนางก็เริ่มร้องเรียกลูกค้าเพราะวันนี้มีสินค้าใหม่ นางจะต้องประกาศขายเองก่อน วันต่อๆ ไปเมื่อคนรู้แล้วก็ไม่ต้องร้องเรียกลูกค้ามากนัก
“วันนี้มีสินค้าอะไรใหม่หรือแม่หนู” หญิงกลางคนคนหนึ่งเอ่ยถาม เพราะนางก็เป็นลูกค้าร้านนี้เหมือนกัน เคยมาซื้อน้ำดับกลิ่นกายไปให้สามีไหนจะซื้อข้าวทีละหลายห่อไปเลี้ยงลูกน้องของสามีที่เปิดร้านขายขายไม้
“ผลึกสีเจ้าค่ะ มีหลายสีเลยนะเจ้าคะนำไปประดับในห้องได้” ชิงเถาเอ่ยอธิบายให้ลูกค้าที่หลังได้ยินเสียงนางจากร้านที่ขายสินค้าแปลกๆ ตะโกนว่ามีสินค้าใหม่ก็เริ่มเดินเข้ามาดูกันหลายคนแล้ว
“สิ่งนี้สวยดีนะแม่หนู ทำจากอะไรรึ” ชายผู้หนึ่งถามออกมาเพราะเขาไม่เคยเป็นสิ่งนี้มาก่อน
“เป็นผลึกที่เกิดจากการทำขึ้นเจ้าค่ะ แต่ข้าบอกไม่ได้จริงๆ ว่ามีอะไรบ้าง” ชิงเถาบอกออกมาซึ่งทุกคนก็เข้าใจดี เพราะเป็นของขายจะมาบอกกันคนอื่นก็ไม่ซื้อแต่ไปทำมาขายแข่งกับนางพอดี
“สวยดี ราคาก็ถือว่าสมเหตุสมผล” สตรีอีกคนพูดขึ้นหลังมองพิจารณาสินค้าแล้วมองป้ายราคาที่ติดไว้อย่างชัดเจน
“ใช่เจ้าค่ะ ต้องทำขึ้นแต่ละชิ้นเลยนะเจ้าคะพวกข้าตั้งใจทำมากเรา ฉะนั้นทุกชิ้นออกมาสวยงามเหมาะสมกับราคาแน่นอน” ชิงเถากล่าวเสริมออกมา
“ได้ งั้นข้าเอาแบบร้อยเชือก 5 อัน” ลูกค้าคนแรกนางเป็นทำงานดูแลอยู่ที่หอนางโลม ลองคิดที่จะซื้อไปประดับซักห้องดูก่อนเริ่มเอ่ยซื้อออกมา เมื่อมีคนแรกซื้อคนต่อๆ มาก็กล้าที่จะซื้อเช่นกัน
เมื่อเห็นมาสินค้าใหม่ของนางผู้คนเริ่มรู้จักขายได้หลายชิ้นแล้ว นางกับบิดาก็กลับจวนไปทำงานตามเดิม