จบการขายวันแรกลงไปแล้วสำหรับการขายตาข่ายดักฝันร้ายของครอบครัวชิงเถา แผนการตลาดของนางถือว่าใช้ได้ผลเป็นอย่างมาก ขายไป 2 ชั่วยาม ได้ตั้ง 32 อันเลยทีเดียว ถือว่าเหนือความคาดหมายของทุกคนมา ราคาถึงจะทั้งลดทั้งแถมแล้วก็ไม่ถือว่าต่ำจนเกินไป เพราะนางตั้งราคาไว้ให้ต่ออยู่แล้ว เนื่องจากนางรู้ดีว่าของที่ได้ต่อราคาคนซื้อจะรู้สึกดีแค่ไหน
จากประจบการตรงเลยล่ะ
ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนแล้วร้านรวงต่างๆ ในงานก็เริ่มเก็บร้านกันบ้างแล้วเช่นเดียวกับร้านของชิงเถาที่ทำลังเดินจับกลุ่มกันกลับจวน ทุกคนช่วยกันถือของด้วยความขมักเขม่นไม่มีเหน็ดมีเหนื่อยเลยหลังจากได้ยินจำนวนเงินที่ได้ในวันนี้ แค่วันนี้วันเดียวยังได้ถึง 5 ตำลึงเชียวนะ จนทุกคนอยากจะรีบกลับไปทำเพิ่มเยอะๆ ด้วยซ้ำเพราะกลัวว่าจะไม่พอขาย
ผ่านการขายตาข่ายดักฝันมาหลายวัน ทุกคนในครอบครัวของชิงเถาก็ถือว่าคุ้นชินกับงานขายกันแล้ว จนกระทั่งวันนี้เป็นงานปีใหม่วันสุดท้าย แต่ตาข่ายดักฝันนั้นหมดตั้งแต่ 7 วันแรกแล้ว ตอนแรกทุกคนก็ทำเพิ่มอยู่หรอกแต่ได้ไม่เกินวันละ 7 อัน ชิงเถาเลยเสนอว่าเราน่าจะปิดการลงเสีย เพราะเวลานอนหลายวันมานี้ก็ไม่ค่อยพอ จะมี 2 วันที่แล้วจึงถือว่าได้นอนเต็มที่
ส่วนวันนี้เป็นงานวันสุดท้าย ทุกคนเลยตกลงจะมาเที่ยวงานกัน หลังจากทำงานอย่างหนักแล้วได้ค่าตอบแทนถึง 32 ตำลึง!! นี่ถือว่าเป็นเงินก้อนที่เยอะที่สุดที่ครอบครัวเคยมีอยู่ในมือ วันนี้นางลี่จูจึงใจดีเป็นอย่างมาก อนุญาตให้ใช้เงินได้ตั้ง 2 ตำลึง ทำให้เด็กๆ ดีใจที่สุดในรอบหลายๆ ปีมานี้หรือจะตั้งแต่จำความได้นะ
พวกเขาอยากได้อะไรก็วิ่งเข้าไปชี้อยากได้ แต่พอถามราคาก็เป็นอันไม่อยากได้เสียอย่างนั้น เดินจนเหนื่อยเพราะร้านค้าถือว่าเยอะพอสมควรเยอะกว่าปีที่แล้วด้วยซ้ำ เนื่องจากค่าเช่าที่ที่ถูกกว่าปีก่อนจึงทำให้งานที่จัดบนถนนสายหลักต้องยาวเกือบสองลี้เลยทีเดียว สุดท้ายจิ้นสิงต้องเสนอให้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ให้ลูกๆ แทน เพราะทุกคนดูเหมือนจะไม่กล้าใช้เงินซื้ออะไรเลย นอกจากเลือกซื้อขนมมาแบ่งกับชิมรสไม่กี่ชิ้น
หลังจากงานปีใหม่ผ่านไปครอบครัวชิงเถาก็กลับมาทำงานตามเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือผู้คนในเมืองยังพูดถึงสินค้าจากงานปีใหม่ที่ผ่านมานั่นก็คือตาข่ายดักฝันร้ายนั้นเอง หลายคนบอกว่าซื้อไปแล้วไม่ฝันร้ายจริงๆ ทั้งใช้เอง หรือจากผู้ใช้งานอย่างพวกเด็กๆ ในบ้านก็ไม่ละเมองอแงร้องไห้กลางคืนอีกเลย จนทำให้หลายคนที่ไม่ได้ซื้อตอนนั้นรู้สึกเสียใจเลยทีเดียว จนทำให้พ่อค้าในเมืองบางรายเริ่มทำของเลียบแบบขึ้นมาขายแล้ว แถมขายดีได้ราคาสูงกว่าของชิงเถาขายเสียอีก เรื่องนี้ชิงเถาแล้วก็คนในครอบครัวไม่อาจจะรู้ได้เนื่องจากไม่ได้ออกไปด้านนอกเท่าไหร่ แม้แต่ชิงเถาที่ได้ออกไปบ่อยสุดยังไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย เพราะถ้าชิงเถามารู้เรื่องนี้นางจะต้องกระอักเลือดแน่นอน
“อาเถา คุณหนูมีเรื่องจะคุยกับเจ้า” สาวใช้เป่ยเอ่ยขึ้นกับชิงเถา ยามเมื่อนำชุดสำรับอาหารมาคืนยังโรงครัว ซึ่งชิงเถาก็ไม่ได้อิดออดติดตามนางไปโดยง่าย
“คารวะคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ” ชิงเถาพูดขึ้นหลังจากที่เข้ามาในห้องนั่งเล่นในเรือนไผ่แล้ว
“อ่า อาเถามาแล้วรึ ข้ามีของจะให้เจ้านิดหน่อย” คุณหนูใหญ่เทียนซืออิ๋งพูดขึ้นเมื่อเห็นชิงเถา
“ไม่ทราบว่าคืออะไรหรือเจ้าคะคุณหนูใหญ่” ชิงเถาถาม
“ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ ข้ามีชุดเก่าใส่ไม่ได้แล้วจะให้กับเจ้าน่ะ” คุณหนูใหญ่เทียนซืออิ๋งบอกพร้อมให้สาวใช้เป่ยไปหยิบมาให้นาง นางได้ตกลงเรื่องนี้กับสาวใช้ส่วนตัวแล้ว เนื่องจากว่าเป็นชุดที่เล็กกว่าตัวนางแล้วก็สาวใช้ เลยเลือกที่จะยกให้แก่ชิงเถาแทน
“ไม่รังเกียจเลยเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่ แต่เกรงใจมากกว่าตัวข้าน้อยไม่ได้ทำคุณประโยชน์อะไรให้คุณหนูเลย แต่คุณหนูกลับใจดีกับบ่าวตัวน้อยขนาดนี้” ชิงเถาพูดขึ้นด้วยความเกรงใจจริงๆ
“ถ้าไม่มีเจ้าอาเป่ยก็อาจจะไม่มีชีวิตอยู่ดูแลข้าอีกก็ได้ เรื่องแค่นี้เล็กน้อยนัก อีกอย่างข้าอยู่ในเรือนกับรอบๆ บริเวณนี้ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดสวยๆ ก็ได้” คุณหนูใหญ่เทียนซืออิ๋งพูดอย่างตัดพ้อ ถึงนางจะถูกเนรเทศให้มาอยู่ท้ายจวนแต่ยังดีที่ทางเรือนใหญ่ยังส่งเสื้อผ้ามาให้นาง ถึงจะไม่ใช่ดีมากแต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดลูกหลานชาวบ้านใส่กัน ถือว่าฮูหยินใหญ่ยังต้องรักษาภาพลักษณ์ตนเองยู่บ้างหรือว่าจะเกิดเห็นใจนางอยู่นะ แต่นางก็รู้ว่าจริงๆ แล้วจะต้องได้ผลประโยชน์เป็นแน่กับการส่งชุดใหม่มาให้นางทุกฤดู โดยเหตุผลของฮูหยินใหญ่นั่นก็คือนางล่วงรู้ว่าในหนึ่งเดือนจะต้องมีสักวันที่สามีของนางเดินเล่นมาทางท้ายจวนนี้ ดังนั้นนางต้องสวมบทแม่พระไว้ให้ดี
“แล้วทำไมคุณหนูไม่ใส่ชุดสวยๆ ไปเดินเล่นล่ะเจ้าค่ะ” ชิงเถาถามขึ้น
“จะให้คุณหนูออกไปได้ยังไงละ เจ้าก็รู้” สาวใช้เป่ยพูดขึ้นอย่างอารมณ์ไม่ดีหลังจากได้ยินชิงเถาถาม ไม่ได้ไม่พอใจชิงเถาผู้ตั้งคำถาม หากแต่นึกไปถึงคนที่ออกอุบายขังคุณหนูของนางต่างหากล่ะ
“พอน่าอาเป่ย ข้าก็อยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้วไม่ต้องโกรธเรื่องนี้แล้ว ส่วนเจ้าอาเถาน้อยจะให้ข้าใส่ชุดไปเดินเล่นที่ไหนหละ เดินออกไปข้างหน้าคนก็เห็นแล้ว” คุณหนูใหญ่เทียนซืออิ๋งบอกกับชิงเถาอย่างปลดปลง
“ถ้าไม่ไปข้างหน้า แต่ไปข้างหลังยังไงหล่ะเจ้าคะ” ชิงเถาเสนอขึ้น
“หืม ข้างหลังงั้นเหรอ ไม่ใช่ว่าข้างหลังเป็นป่าไผ่หรือยังไงกัน”
“ไม่ไม่ว่าเจ้าหมายถึงให้คุณหนูเข้าไปเดินเล่นในป่าไผ่หรอกนะอาเถา” สาวใช้เป่ยเอ่ยขำๆ หลังจากได้ยินชิงเถาแนะนำ
“ไปทางป่าไผ่ล่ะใช่เจ้าค่ะ แต่จุดสิ้นสุดมาใช่ตรงป่าไผ่ เราจะไปไหนต่อก็ได้หลังจากผ่านไป่ไผ่ไปแล้ว” ชิงเถาพูดบอกออกมา แต่อีกสองคนก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“เจ้าหมายความว่า” เทียนซืออิ๋งรู้สึกสนใจขึ้นมาจนหัวใจสั่นไหวขึ้นมา
“อีกด้านหนึ่งของป่าไผ่เป็นอารามชีเจ้าค่ะ ใช้เวลาเพียงเค่อก็ผ่านออกไปได้ คุณหนูสามารถออกไปข้างนอกได้โดยไม่มีใครรู้” ชิงเถาอธิบายออกมาด้วยเสียงที่เบาลง
“จริงรึ? ข้าอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิดยังไม่รู้เลย” คุณหนูใหญ่เทียนซืออิ๋งถามด้วยความแปลกใจพร้อมหันไปมองหน้าสาวใช้ของตนเพื่อรอคำยืนยัน
“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะคุณหนู ว่าแต่เจ้ามาบอกกับคุณหนูทำไม” สาวใช้เป่ยถามด้วยความไม่ไว้วางใจ
“ข้าน้อยแค่เห็นคุณหนูอุดอู้อยู่แต่ในเรือน เลยอยากบอกเท่านั้นเจ้าค่ะ เผื่อคุณหนูอยากออกไปเห็นโลกภายนอก” ชิงเถาบอกออกมาด้วยความใสซื่อ ข้าไม่หลอกพวกเจ้าไปฆ่าหรอกน่า ก็แค่เสนอแนวทางสู่ความเป็นอิสระเท่านั้น ชิงเถาคิดในใจ
“อย่าว่าอาเถาเลยอาเป่ย อาเถาก็แค่เป็นห่วงข้าจริงๆ เอาเป็นว่าขอบใจเจ้ามากนะ หากวันใดข้าอยากออกไปข้างนอกข้าจะให้เจ้าเป็นคนนำทางเอง ส่วนวันนี้เจ้ากลับไปก่อนเถอะหายไปนานเดี๋ยวจะโดนดุเอา” เทียนซืออิ๋งเอ่ยบอกแก่นางยิ้มๆ รอยยิ้มนางช่างแสนอ่อนโยนหากใครได้พบเป็นอันต้องสดุดไปชั่วขณะหนึ่ง
แม้แต่ชิงเถาเองยามได้เห็นเป็นต้องเหมาะจ้องอยู่ชั่วขณะเวลาหนึ่นเลยล่ะ เทียนซืออิ๋งให้ความรู้สึกเหมือนนางเอกมีชื่อเสียงที่กำลังสวมชุดโบราณอยู่อย่างไรอย่างนั้น... หากนางอยู่ในโลกที่ชิงเถาจากมาแล้วเป็นนักแสดง จะต้องมีแฟนคลับเยอะแน่นอน
“เจ้าค่ะคุณหนู ข้าน้อยลาก่อน” ชิงเถาบอกพร้อมเดินจากมาพร้อมกับชุดที่คุณหนูใหญ่ให้มา 3 ชุด ชิงเถาได้แต่คิดในใจทำไมนางไม่ให้ข้าก่อนปีใหม่ ไม่งั้นข้าก็ไม่ต้องซื้อชุดให้เปลืองเงินหรอก โถวววววว
‘เฮ้อ... เจ้านี่นะ คนให้ของตอนไหนก็เรื่องของเขาตัดสินใจ ยังจะมาโอดควรญอีก’ ได้เชี่ยนเชี่ยนบ่นออกมาหลังจากได้ยินชิงเถานึกอยู่ในใจ
‘มันก็ใช่ แต่ขอบคุณที่นางให้ชุดแก่ข้า แต่ก็ขอคิดไปเรื่อยได้ไหมเล่า เชอะ! ไม่พูดกับเจ้าแล้ว รีบเอาชุดไปเก็บดีกว่าจะได้รีบไปทำงานต่อ วันนี้ท่านรองพ่อบ้านบอกว่าจะรวมตัวบ่าวไปช่วยกันขัดพื้นทำความสะอาดครั้งใหญ่ด้วย ทั้งงานหยาบงานละเอียดเลยล่ะ’