วันหนึ่งในกลางฤดูใบไม้ผลิ โรงครัวทำงานกันอย่างรีบเร่ง ชิงเถาเองก็วิ่งวุ่นทำงานช่วยทุกคนไม่มีได้พัก ทั้งความร้อนจากเตาไฟที่ลุกไหม้อยู่ทำอาหารอยู่ตลอด หรือจะเป็นเพราะใช้แรงไปมากก็ไม่อาจจะรู้ได้ แต่ว่าวันนี้ที่อากาศเย็นสบายแต่นางกลับได้เหงื่อแล้ว
วันนี้ถือเป็นวันสำคัญอีกวันของจวนท่านรองกรมพิธีการ เพราะเป็นวันที่บุตรชายคนโตอย่างเทียนลู่ฉี เขากลับมาหลังจากจบการศึกษาจากสำนักใหญ่อย่างสำนักพยัคฆ์โลกันต์ที่อยู่ทางตอนใต้ของแคว้น เทียนลู่ฉีเป็นบุรุษรูปร่างดีอายุ 17 ปี ถือเป็นบุคคลที่มีอนาคตไกลอย่างยิ่งเนื่องจากมีความสามารถทั้งบู้และบุ๋น แล้วยังมีข่าวมาว่าคุณชายใหญ่กลับมา ก็เพื่อเตรียมตัวสอบเข้ารับราชการในปลายฤดูใบไม้ผลินี้
“เร็วๆ เข้า เร่งมือๆ เราต้องออกไปต้อนรับคุณชายใหญ่ที่หน้าจวนด้วยนะ ต้องรีบทำงานให้เสร็จก่อน” หัวหน้าโรงครัวเร่งทุกคนให้รีบทำงานเนื่องจากใกล้ได้เวลาแล้ว ทั้งตอนนี้ทุกคนก็กำลังเตรียมอาหารเที่ยงกันอย่างวุ่นวายอาหารมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ทั้งๆ ที่คนงานก็ มีเท่าเดิมจะไม่ให้วุ่นวายได้เยี่ยงไรละ
“คุณชายใหญ่ใกล้จะถึงแล้วๆ” เสียงเด็กชายผู้หนึ่งวิ่งผ่านมาทางโรงครัว แล้วก็วิ่งผ่านไปเพื่อที่จะบอกกล่าวกับทุกคนให้ไปเตรียมรอต้อนรับคุณชายได้แล้ว เป็นคำสั่งของเจ้านายของจวนที่ให้บ่าวทาสในจวนไปตั้งแถวรอต้อนรับคนที่กำลังจะกลับมา
“ไปๆ ทุกคนออกไปต้อนรับคุณชายก่อน ที่เหลือก็กลับมาทำให้เรียบร้อย เหลือไม่มากแล้วเพียงแค่จัดจานเท่านั้น” หลังจากได้ยินทุกคนก็วางมือจากงานที่ทำอยู่ แล้วเดินตามกันออกไปทางหน้าจวนทันที จะมีก็แต่สาวใช้บางคนที่กลับไปแต่งเนื้อแต่งตัวใหม่ให้เป็นที่น่าสนใจแก่คุณชายเท่านั้น
“ทุกคนเข้าแถวให้เป็นระเบียบ เร็วเข้าๆ” พ่อบ้านของจวนออกมาสั่งการกับทุกคนให้เข้าแถวตั้งแต่หน้าประตูทางเข้าจวน ตอนนี้ยาวจะถึงเรือนรับรองที่อยู่หน้าสุดอยู่แล้ว ก่อนที่เจ้านายทุกผู้จะออกมาจากเรือน บ่าวที่ดีก็ต้องออกมาตั้งแถวก่อนเป็นธรรมดา
“ไหนว่ามาแล้วไงเจ้าค่ะท่านแม่ นี่ข้ายืนรอจนเมื่อยขาไปหมดแล้ว” ชิงเถาบ่นขึ้นหลังยืนรอมาสักพักแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครมาเลย ทำตัวยิ่งใหญ่เหมือนคนประเทศไหนกันล่ะเนี่ย
“อีกสักพักก็คงมากันแล้ว ทนหน่อยนะลูก” ลี่จูมองลูกๆ อย่างเข้าใจ
เมื่อเจ้านายของจวนเดินออกมารอกันอยู่หน้าประตูทางเข้าจวนได้ไม่นาน ก็มีขบวนม้ามาถึงหน้าประตูไม้บานใหญ่ที่เปิดออกกว้างจนสุด รอท่าไว้ก่อนแล้ว
ผู้นำขบวนเล็กๆ นี้ก็คือชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินเข้มลวดลายน่าเกรงขาม เขากระโดดลงจากม้าสีดำเงาด้วยท่วงท่าสง่างาม เดินเข้ามาอย่างมั่นใจก่อนที่จะคำนับผู้เป็นบิดา มารดา และย่าที่ออกมาต้อนรับ พร้อมรับการคารวะจากอนุภรรยาของบิดา คุณชาย คุณหนูทุกคนในจวนตระกูลเทียนแห่งนี้
“หลานคำนับท่านย่า ลูกคำนับท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านสบายดีนะขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ทั้งคุณหนูและสาวใช้ต้องยิ้มตามจนแก้มปริตัวบิด
“ลู่ฉีหลานรักของย่าเจ้ากลับมาแล้ว เป็นอย่างไรบ้างคงลำบากมากสินะ” ฮูหยินผู้เฒ่าถามออกมาพร้อมเข้าไปจับมือเขาไว้ด้วยความห่วงใย ใบหน้าแกชราตามวัยที่เวลาปกติมักจะเคร่งครัดเอ่ยสั่งงานบ่าวทาสอย่างเด็ดขาด คล้ายว่าจะยอมทำตามที่หลายคนนี้สั่งทุกอย่างเพียงแค่เขาเอ่ยปากบอกออกมา
“หลานสบายดีขอรับท่านย่า” เทียนลู่ฉีตอบกลับพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
“ท่านแม่ ลู่ฉีกลับมาเหนื่อยๆ ให้กลับเข้าไปพักก่อนเถอะขอรับ แล้วค่อยคุยกันต่อ” ท่านรองเจ้ากรมพิธีการบอกกับผู้เป็นมารดา
“ใช้เจ้าค่ะ ลู่ฉีวันนี้แม่ให้ทางครัวเตรียมอาหารไว้มากมายเลย เข้าไปนั่งพักสักครู่ก่อน แล้วค่อยรับอาหารเที่ยงพร้อมกัน อีกอย่างท่านแม่ก็จะได้นั่งพักคุยกันลูกด้วย ดีหรือไม่เจ้าคะท่านแม่” ฮูหยินใหญ่เอ่ยเสริมขึ้นมาอย่างประจบเอาใจแม่สามี
“ข้าก็จะพาที่ใหญ่ไปพักเช่นกันเจ้าค่ะ” เทียนหลิ่งเจียคุณหนูรองเอ่ยพร้อมเข้าไปจับแขนอีกด้านพร้อมเดินเข้าไปข้างใน
“ปะๆ ย่าจะพาเจ้าไปเช่นกัน” ยามเข้าใจตรงกันแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าเดินนำพร้อมกับคุณชายใหญ่และคุณหนูรองที่เข้ามาประคองคนละข้างเข้าไปในเรือน ตามด้วยท่านรองเจ้ากรมกับฮูหยินใหญ่
มองดูแล้วช่างเป็นภาพครอบครัวที่สุขสันต์เหลือเกิน แต่ยังไม่หมดเท่านี้ ยังมีเหล่าอนุภรรยา คุณหนู คุณชายคนอื่นๆ ที่เดินตามเข้าไปด้วยมีบ้างก็ยิ้มยินดี บ้างก็มีสายอิจฉาที่ตนไม่อาจจะเข้าไปร่วมวงวนทนานี้ได้ ได้โอกาสแค่มายืนต้อนรับแล้วก็ต้อนกลับเรือนของตนเอง
เมื่อเดินผ่านเหล่าทาส บ่าว ที่เดินรอรับอยู่สองข้างถนนเล็กในจวน ทุกคนก็ก้มหน้ายกมือคำนับพร้อมเอ่ยคำว่า “ยินดีต้อนรับคุณชายใหญ่” หลังจากทุกคนเข้าไปในเรือนแล้ว บ่าวก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่กันอย่างขันแข็ง โดยเฉพาะคนของโรงครัวที่เหมือนจะวิ่งแข่งกันอยู่แล้วเนื่องจากกลัวอาหารเสร็จไม่ทันขึ้นโต๊ะ
“อ่าาาา วันนี้เหนื่อยมากเลยเพิ่มคุณชายมาแค่คนเดียวทำอาหารเพิ่มเป็นเท่าตัว นี่คุณชายเป็นหมูหรือยังไงกัน” ชิงเถาที่กำลังบีบนวดข้อมือน้อยๆ ของตนเองอยู่อดจะบ่นออกมาไม่ได้
‘ยัยตัวขี้เกียจจะพูดเสียงดังทำไมเนี่ย เดี๋ยวก็มีคนมายินหรอก’
“ช่างประไร ก็ข้าเหนื่อย!!”