วันนี้อากาศสดใส ต้นไม้กลับมามีใบเขียวเต็มต้นอย่างมีชีวิตชีวา ช่างเป็นภาพที่สวยงามเหลือเกินสำหรับชิงเถาที่อยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างมากมายมาก่อน มาเจอแบบนี้ช่างสบายตาสบายใจนัก วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่นางต้องไปจับจ่ายซื้อของตามคำสั่ง แต่เอ๊ะ!! ทำไมวันนี้ผู้คนเยอะแยะผิดปกติ
นางจะต้องสืบให้รู้ความเสียแล้ว
“ท่านน้าเจ้าคะ ทำไมวันนี้ผู้คนเยอะผิดปกติ” ชิงเถาเดินเข้าไปถามแม่ค้าที่อยู่ข้างถนนที่นางเดินผ่าน
“อ่า แม่หนูคงไม่รู้ อีกไม่กี่วันข้างหน้าสำนักทางทิศตะวันออกของเมืองจะเปิดรับสมัครศิษย์ใหม่ผู้ที่สนใจจึงเริ่มเดินทางมากันแล้ว” แม่ค้าที่ชิงเถานางเอ่ยตอบออกมาตามที่ตนรู้
“งั้นรึเจ้าค่ะ ขอบคุณมากเจ้าค่ะ” ชิงเถาหลังจากรู้ในสิ่งที่สงสัยแล้วก็ไปทำหน้าที่ของตนต่อ นางไม่ได้สนใจมากนักถึงจะสนใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหาเงิน เมื่อมีเงินนางถึงจะไปสนใจอย่างอื่น เรื่องการศึกษาก็สำคัญอยู่แต่เอาไว้ทีหลัง
หากคนเยอะๆ แบบนี้แล้วเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ชิงเถาก็คงจะวิ่งเข้าใส่แล้วล่ะ
“ท่านพ่อท่านแม่เจ้าค่ะ ข้าไม่อยากเป็นบ่าวแล้ว!!” ชิงเถาพูดขึ้นในเย็นวันหนึ่งด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นจริงจัง จริงๆ เรื่องนี้นางต้องบอกตั้งแต่แรกแล้วแต่ก็ไม่มีโอกาส นึกว่าที่ตนลุกขึ้นมาหาเงินตอนนั้นทุกคนจะรู้เองว่านางไม่อยากจะอยู่เป็นบ่าว
แต่ไม่เลย ทุกคนแค่คิดว่านางอยากมีเงินเยอะๆ แค่นั้น ซึ่งอาจจะจริงที่บ่าวส่วนมากไม่ค่อยจะไถ่ถอนตัวเองจากการเป็นบ่าวเพราะมันต้องตามมาด้วยปัญหามากมาย ทั้งค่าไถ่ถอนตัวเอง ที่อยู่อาศัย อาชีพที่ต้องหาใหม่อีก ทำให้คนที่อยู่เป็นบ่าวก็ชินไป ไม่ได้อยากออกไปใช้ชีวิตที่ไหนอยู่ที่นี่ก็ดีแล้วที่ไม่อดอยาก
ชีวิตเป็นบ่าวที่นี่ก็ไม่ได้ถูกบังคับใช้งานหนักหนา เหมือนทาสที่ทำผิดแล้วถูกตัดสินโทษสั่งเป็นทาสใช้แรงงานหนักอะไรแบบนั้นเสียหน่อย
“พ่อไม่คิดว่าเจ้าจะคิดมากเรื่องนี้ พ่อขอโทษนะที่ทำให้ครอบครัวเราต้องอยู่อย่างนี้” จิ้นสิงพูดขึ้นเสียงเศร้าหลังจากได้ยินสิ่งที่ลูกสาวเอ่ยออกมา ไม่มีใครจะอยากอยู่อย่างนี้แต่มันก็เลือกไม่ได้มากในเมื่อเราอยากจะมีชีวิตรอดต่อไป
“แม่ก็ด้วยต้องทำให้ทุกคนมาลำบากแบบนี้” นางลี่จูเอ่ยออกมาพร้อมน้ำตาที่เริ่มไหลหลังจากได้ยินประโยคนี้จากปากบุตรสาว
“ไม่ใช่ความผิดของใครหรอกเจ้าค่ะ ข้าแค่บอกสิ่งที่คิดกับทุกคน ข้าเห็นท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ แล้วก็น้องๆ ทำงานหนักมานาน ข้าก็แค่อยากให้ทุกคนได้สบายมีชีวิตอยู่เป็นของตัวเอง ไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่บนการชี้นิ้วสั่งของใคร ข้าฝันอยากจะมีบ้านหลังเล็กๆ อยู่กับทุกคน ทุกคนยิ้มทุกคนหัวเราะ มีเวลาอยู่ด้วยกันทั้งวันโดยไม่ต้องมีใครอื่นมาสั่งให้ไปทำงาน” ชินเถาพูดสิ่งที่นางอยากจะเห็นออกมาทั้งน้ำตา เพราะนี่ไม่ใช่เพียงความฝันของนางคนเดียว แต่มันยังเป็นของชิงเถาเจ้าของร่างตัวจริงอีกด้วย
นางเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็กๆ ไหนเลยจะกล้าฝันไกลเกินตัว แต่นางไม่ใช่แค่ฝันเปล่าแล้วปล่อยความฝันลอยหนีไปเลย แต่นางก็ยังสู้หาหนทางทำตามฝันเก็บเงินไถ่ถอนตัวทุกคนในครอบครัวให้ได้ แต่สุดท้ายก็ต้องจำจากทุกคนไปก่อน ไม่ได้เห็นว่าที่ทุกคนได้เป็นอิสระ
‘แต่ไม่เป็นไรนะชิงเถาเจ้าเด็กน้อย พี่สาวคนที่จะสานต่อความฝันของเธอเอง’ ชิงเถาต่อประโยคในใจหวังให้ส่งไปถึงเจ้าหนูน้องชิงเถาเจ้าของร่างตัวจริง
“ฮือๆ ข้า ก็ก็อยากมีบ้านของตัวเอง”
“ข้าด้วยขอครับ” สองแฝดเริ่มร้องไห้ตามหลังจากได้ยินความคิดของพี่สาว
“ข้าก็อยากให้ท่านพ่อท่านแม่ได้อยู่อย่างสบาย ฮือๆ” ลี่ถิงก็เช่นกัน
ตอนนี้ทั้งครอบครัวเริ่มพูดกันด้วยเสียงร้องให้ หลังปลอบกับไปกันมาจนพอแล้ว ชินเถาเลยเริ่มเสนอหนทางขึ้น
“ข้ามีข้อเสนอแล้วค่ะ ตอนนี้เรามีเงินอยู่ 30 กว่าตำลึง ซึ่งมีพอสำหรับค่าไถ่ถอนตัวพวกเราทุกคน แต่ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะเจ้าคะ” ชินเถาหันไปถามบุพการี
“ทั้งพ่อ และแม่เจ้าก็ไม่ได้มีบ้านเก่าให้กลับกันด้วย ถ้าจะซื้อบ้านที่เมืองหลวงแห่งนี้ก็แสนแพง เราไปอยู่ที่เมืองอื่นกันดีไหม พ่อได้ยินมาว่าที่ต่างเมืองมีภูเขาลูกใหญ่ ทุ่งหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตาทีเดียว” จิ้นสิงเสนอออกมา
“ดีๆ ขอรับ ข้าจะได้วิ่งเล่นทุกวันเลย” หมิงลู่ร้องตอบหลังได้ยินสิ่งที่บิดาพูด
“แต่ใช่ว่าการเดินทางไปต่างเมืองจะเป็นเรื่องง่าย เราไม่เคยออกว่าเมืองหลวงหรือว่าออกนอกเมืองด้วยซ้ำ แล้วเราจะอยู่ได้รึ ข้างกลัวว่าต่างเมืองจะไม่ปลอดภัย บางครั้งระหว่างทางก็อาจจะเจอโจรดักปล้นเอาก็ได้” นางลี่จูว่าด้วยน้ำเสียงติดหวาดกลัว
“ทะ ท่านแม่ น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอขอรับ” หมิงลู่ได้ยินก็อดจะกลัวตามไปด้วยไม่ได้
“งั้นเรามาหาวิธีให้ได้เงินมาเยอะๆ ก่อนดีไหมเจ้าค่ะ ข้าว้าเรื่องบ้านค่อยคิดทีหลัง หาบ้านในเมืองซักหลังจะได้ตัดปัญหาเรื่องเดินทางไหล” ชิงเถาเสนอออกมาหลังเล่นทุกคนเริ่มหาที่ตั้งบ้านแล้ว
“ที่น้องรองพูดก็มีเหตุผลนะเจ้าค่ะ ช่วยกันหาเงินก่อนเมื่อแน่ใจว่าพอซื้อบ้าน เรื่องออกจากที่นี่ พวกเราค่อยว่ากันอีกที” ลี่ถิงเห็นด้วยกับน้องสาว
“แล้วเราจะทำยังไงให้ได้เงินเยอะๆ ล่ะขอรับ หรือว่าจะทำตาข่ายดักฝันร้ายไปขายอีก”
“ใช่ขอรับ มันขายดีมากเลย” สองแฝดเริ่มเสนอ
“ก็ขายดีอยู่หรอก แต่ในไม่มีงานให้เราไปขายนะสิ เราไม่มีเวลาไปนั่งขายตอนกลางวันเหมือนคนอื่นหรอกนะ นี่คือปัญหาทำให้เราหาเงินไม่ได้” จิ้นสิง
“งั้นเราทำแล้วไปฝากขายได้มั้ยเจ้าคะ” ชิงเถาเสนอออกมา เหมือนในโลกก่อนของนางที่แม่ค้าบางส่วนก็ไม่ได้มีหน้าร้านเป็นของตนเองก็อาศัยฝากร้านอื่นขาย โดยจะต้องตกลงค่าจ้างหรือส่วนแบ่งกันอีกที
“ฝากขายงั้นรึ น่าสนใจดี แต่ใครจะให้เราไปฝากขายได้ละ” นางลี่จูถามออกมาด้วยใบหน้าที่ยังติดแววกังวล
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ แต่ปัญหาคือเราจะทำอะไรไปขายดี” ชิงเถาว่า
“นั่นนะสิ แม่ก็นึกไม่ออก”
“พ่อก็เช่นกัน”
“พี่ก็ยังไม่รู้”
“พวกข้าก็ขอรับ” หลังจากที่ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่รู้ ดังนั้นชิงเถาเลยให้ทุกคนแยกย้ายไปนอน พร้อมกับให้การบ้านไปคิดมาว่าจะขายอะไรกันดี จะเอาคำตอบในการหารือกันครั้งหน้า