วันต่อมา...
"ขอบคุณนะคะ"
วิเวียนเอ่ยขอบคุณไปยังลุงคนขับรถที่มาส่งเธอที่มหาวิทยาลัย โดยพอเดินลงจากรถเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็รีบเดินตรงมาหาเพื่อนสาวอย่างพิมพ์สุขที่นั่งอยู่
"หาวววว..." แต่เพราะทนความง่วงของตัวเองไม่ไหว จึงหาวอ้าปากกว้าง
"หาวอะไรอ้าปากกว้างขนาดนั้น เป็นสาวเป็นแส้นะวิเวียน" พิมพ์สุขที่นั่งรออยู่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าคณะก็พูดออกมา
"ก็ฉันง่วงน่ะสิ" หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาอาทิตย์กว่า เธอก็ค่อนข้างที่จะพูดคุยกับอีกฝ่ายได้แบบสบายใจ
"ดูซีรีส์เหรอ ทำไมนอนดึก"
"ไม่ได้ดูซีรีส์ แต่พอดีฉันทำของขวัญให้กับคนที่ตัวเองชอบอยู่" เนื่องจากหลายวันที่ผ่านมา เธอมุ่งมั่นทำของขวัญให้กับคนที่ตัวเองแอบชอบ ครั้งแรกเธอว่าจะซื้อ แต่พอมาคิดดู เอาเป็นสิ่งที่ตัวเองตั้งใจทำ มันน่าจะดูมีอะไรมากกว่า
"หืม ของขวัญอะไร"
"ไม่บอกหรอก ความลับ" ของขวัญที่เธอตั้งใจทำ เธอไม่อยากบอกให้ใครรับรู้ว่าเป็นอะไร อยากให้เจ้าของวันเกิดเป็นคนเห็นคนแรก และคนเดียว
"ชิ เราไม่อยากรู้ก็ได้"
"แล้วทำอะไรอยู่" วิเวียนเดินมานั่งลง ก็เห็นเพื่อนสาวกำลังนั่งทำงานอะไรบางอย่าง
"การบ้านน่ะ"
"การบ้านอะไร ฉันจำได้ว่าเมื่อวานอาจารย์ไม่ได้สั่งนะ หรือฉันลืมทำ" พอนึกย้อนไปสามสี่วันที่ผ่านมาอาจารย์ไม่ได้สั่งงานอะไร แต่ทำไมพิมพ์สุขถึงมีงานกองโตอยู่ตรงหน้าได้
"ไม่ใช่ของพวกเราหรอก แต่เป็นของรุ่นพี่น่ะ พอดีเรารับจ้างทำการบ้าน"
"ฮะ! พูดจริงเหรอ" เธอพูดออกมาอย่างแปลกใจ เพราะงานอาจารย์สั่งในคลาสก็มีค่อนข้างเยอะแล้ว แต่เพื่อนสาวตรงหน้ากลับรับจ้างทำการบ้านอีก อะไรจะขยันขนาดนั้น
"จริงสิ อะไรที่ทำได้เงิน เราทำหมดนั่นแหละ"
"แล้วไม่ได้ทำงานหลังเลิกเรียนแล้วเหรอ"
"ก็ทำ แต่รับทำงานพวกนี้ด้วยไง แถมเสาร์อาทิตย์เรายังรับติวหนังสือให้กับเด็กม. ปลายเพื่อขึ้นมหาลัยด้วยนะ"
"ขยันมาก ฉันอยากแบ่งความขยันของเธอมาให้ตัวเองจัง" เธอพูดกับเพื่อนสาว พร้อมกับวางหน้าลงบนโต๊ะ "แล้วตอนไหนเวียงพิงค์จะมาเนี่ย โทรหาก็ไม่ยอมรับสาย"
"อาจจะตื่นสายก็ได้"
"แต่ปกติเวียงพิงค์ไม่เคยตื่นสายนะ หรือจะเป็นอะไรหรือเปล่า" วิเวียนพูดพึมพำออกมา พร้อมกับหยิบโทรศัพท์เพื่อจะโทรหาเพื่อนสาว
ซึ่งพอหยิบขึ้นมากดโทรหาเวียงพิงค์ เพื่อนสาวตัวเล็กก็ไม่ยอมรับสายอย่างเช่นเดิม
"เป็นยังไงบ้าง รับไหม"
"ไม่รับเลย" เธอพูดออกมาแบบนั้น แต่พอกำลังจะกดโทรหาเพื่ออีกครั้ง เวียงพิงค์ก็ดันโทรกลับมาพอดี วิเวียนจึงรีบกดรับสายทันที
"อยู่ไหน”
(ห้องพัก พอดีฉันไม่สบาย วันนี้ไม่ไปนะ)
"....."
(ฝากลาให้ด้วย)
"หนักเลยเหรอ"
(อืม แค่นี้ก่อนนะ)
โดยพอปลายสายตอบออกมาแบบนั้น ก็กดตัดสายเลย วิเวียนจึงวางโทรศัพท์ลง แล้วรีบบอกไปยังเพื่อนสาวตัวเล็กที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
"เวียงพิงค์บอกว่าไม่สบาย วันนี้ก็เลยไม่มา"
"งั้นวันนี้เราก็อยู่กันสองคน"
"ใช่" เธอตอบอีกคนไป ก็มานั่งเล่นโทรศัพท์เพื่อรอเวลาเรียน แต่เล่นไปสักพักก็เริ่มเบื่อจึงคิดอะไรบางอย่างได้ จึงกดโทรศัพท์เพื่อต่อสายหาคนคนหนึ่ง ซึ่งรอสายไม่นานปลายสายก็กดรับ
(ว่ายังไง)
"เฮียอยู่ไหนคะ ทำไมเสียงดังจัง"
(โรงอาหาร แล้วโทรมามีอะไร"
"คะ...คือวันนี้ตอนเที่ยงขอไปกินข้าวด้วยได้ไหมคะ"
(ตอนเที่ยงเฮียไม่ได้กินข้าวที่โรงอาหารหรอก วันนี้มีเรียนแค่คาบเช้า หลังเลิกเรียนจะกลับคอนโดเลย)
"ดีจัง หนูมีเรียนถึงเย็นเลย ทำไมคนจัดตารางเรียนถึงจัดแตกต่างกันแบบนี้ล่ะ"
(เฮียอยู่ปีสี่แล้วนะ ใกล้จบแล้ว งานมันก็ไม่เยอะ ส่วนเราอยู่ปีหนึ่ง งานมันก็ต้องเยอะเป็นปกติอยู่แล้ว)
"....."
(เพื่อนไม่มาเหรอ ทำไมถึงงอแงอยากมากินข้าวกับเฮีย)
"มาค่ะ แต่วิอยากกินข้าวกับเฮียควันหลงด้วย"
(วันนี้มันไม่มีเรียน)
"ไม่จริง หนูดูในตารางเรียนของเฮียควันแล้วว่าวันนี้มีเรียน ทำไมเฮียราชาต้องโกหกหนูด้วย" หญิงสาวพูดออกมาอย่างไม่พอใจ หลังจากที่ลูกพี่ลูกน้องของตัวเองโกหกเธอ
(ก็วันนี้มันมีเรียนแค่คาบเดียว แล้วอาจารย์ของมันยกคลาสไง)
"อ๋อ โอเคค่ะ งั้นแค่นี้ก่อนใกล้ถึงเวลาเรียนวิแล้ว"
(อืม ตั้งใจเรียนด้วย)
"ค่ะ" เธอตอบปลายสายไปพร้อมกับกดตัดสาย แล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าของตัวเองไว้ ก็เห็นพิมพ์สุขที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋าใบโตตัวเองเช่นกัน
"ไปเรียนกันเถอะ เพื่อนในคลาสเริ่มเข้าห้องกันแล้ว"
โดยพอเธอได้ยินเพื่อนพูดแบบนั้นก็รีบลุกขึ้น เราสองคนก็เดินตามกันเข้ามาในอาคารเรียน
หลังจากที่ราชาคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว มันก็เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าพร้อมกับหันมาจ้องมองเขา ส่วนเขาที่นั่งกินข้าวอยู่พอเห็นเพื่อนจ้องมองแบบนั้น ก็วางช้อนลงพร้อมกับจ้องมองมันกลับไป
"อะไร"
"ยัยวิบอกว่าจะมาหามึง แต่กูโกหกว่าวันนี้มึงไม่มีเรียน"
"ก็ดีแล้ว" เขาตอบแบบไม่ใส่ใจ
"มึงไม่ชอบน้องกูจริง ๆ เหรอวะ" ราชาถามเขาออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ใช่ ไม่ชอบ และไม่คิดที่จะชอบด้วย"
"ทำไม น้องกูไม่สวยเหรอ"
"มันไม่ใช่ว่าสวยหรือไม่สวย แต่คือกูไม่ชอบไง มึงก็รู้ว่าน้องมึงหยุดกูไม่ได้หรอก"
"ยังไม่ลองคบเลย มึงรู้ได้ยังไงว่าน้องกูหยุดมึงไม่ได้"
"อย่ามายุ่งเรื่องของกู เอาตัวเองให้รอดเถอะ" เขาตอบไปแบบนั้น ราชาที่นั่งมองเขาอยู่ ก็หันกลับไปทานข้าวของตัวเองต่อ
และในตอนนั้นเอง นาเนียร์เพื่อนสาวเพียงคนเดียวของกลุ่มก็เดินถือจานข้าวลงมานั่งด้านข้างเขา
"กินข้าวผัดหมูอีกแล้ว"
"ก็ฉันชอบนี่นา ขนาดนายยังกินแต่ก๋วยเตี๋ยวเลย"
เขายักไหล่ใส่อีกคน พร้อมกับหยิบน้ำขวดของนาเนียร์มาดื่มอย่างหน้าตาเฉย
"พรุ่งนี้งานวันเกิดนายใช่ไหมควัน"
"อืม" ควันหลงพยักหน้าตอบ แล้ววางขวดน้ำไว้ที่เดิม
"แล้วตกลงนี่แม่นายจะจัดให้ไหม"
"แม่มันอยากจัด แต่ไอ้เจ้าของวันเกิดไม่อยากให้จัด"
"อ้าว ทำไมล่ะ"
"มันไม่ชอบให้คนมาที่บ้านเยอะ ๆ เธอก็รู้"
"แต่ทุกปีที่ผ่านมาก็จัดนะ"
"ก็เพราะว่าทุกปีที่ผ่านมาห้ามไม่ได้ไง แต่ปีนี้มันขอร้องแม่มันแบบจริงจัง"
"วันเกิดทั้งทีนะ ไม่จัดจริงเหรอ อย่างน้อยก็ไปจัดที่ผับก็ได้"
"ไม่" เขาตอบคนตรงหน้าไป จนนาเนียร์ที่นั่งรอเขาอยู่ก็แสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
"ชิ"
ในระหว่างที่เขานั่งรอเพื่อนทั้งสองกินข้าวอยู่นั้น ในตอนนั้นเองนาเนียร์ก็ยกมือโบกทักทายใครสักคน
"อะไรกัน คิดว่าจะเดินมาหาซะอีก"
"ใคร" ราชาที่นั่งทานข้าวของตัวเองอยู่ ก็เอ่ยออกมา
"อะไร"
"คนที่เธอโบกมือให้ ใครเหรอ"
"เด็กปีหนึ่ง ชื่อน้องภีม"
"ไปรู้จักได้ยังไง"
"ร้านหมูกระทะข้างคอนโดฉัน น้องก็ทำงานพาร์ตไทม์ที่นั่น เป็นไงหล่อไหม"
"ก็พอใช้ได้" ราชาพูดออกมา
"ไม่เห็นหล่อเลยไอ้ราชา หน้าตางั้น ๆ" ควันหลงที่นั่งเงียบอยู่ก็พูดออกมา เพราะจากดูหน้าตาแล้วก็ไม่เห็นหล่ออะไรเลย
"งั้น ๆ บ้านแกสิ หล่อขนาดนี้" นาเนียร์ต่อว่าเขาด้วยความไม่พอใจ
"ฉันพูดความจริง" เขายังพูดยืนยันคำเดิม ว่าผู้ชายที่เพื่อนสาวสนใจไม่ได้หล่ออะไรเลย
"นายเงียบเลย ฉันจะบอกให้นะ น้องมันหล่อกว่านายเป็นล้านเท่า"
"ฉันพูดความจริงก็ยังมาโกรธ" ชายหนุ่มหยิบจานข้าวของตัวเองพร้อมกับลุกขึ้นเดินออกมาเพื่อจะเอาจานไปเก็บ
แต่ในระหว่างที่เดินออกมานั้นก็ได้ยินเสียงด่าทอจากเพื่อนสาว แต่เขาเลือกที่จะไม่สนใจ