ตอนที่ 9 เจ้านายคนใหม่

1438 คำ
สามเดือนผ่านไป ฌาริยาทำงานที่บริษัทแห่งนี้มาได้สามเดือนแล้วเหลืออีกแค่หนึ่งเดือนเธอก็จะผ่านการทดลองงานแล้ว และในทุกๆ เดือน ฌาริยาจะขอลาเพื่อพาลูกสาวไปโรงพยาบาลตามที่หมอนัดเดือนละหนึ่งครั้ง โดยป้านิภาเป็นผู้พาลูกสาวของเธอขึ้นรถทัวร์มาหาเธอ และเธอกับป้านิภาก็พาเด็กหญิงเฌอริตาไปหาหมอ ป้านิภามากรุงเทพฯ ครั้งละสองถึงสามวันเพื่อให้ฌาริยาได้อยู่กับลูกสาว ทางด้านธนัทธาม ตอนนี้เขาถูกเรียกตัวให้กลับเมืองไทยด่วน เนื่องจากว่าคุณธีทัช บิดาของชายหนุ่มเกิดป่วยกะทันหันด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง คุณหญิงพิมาลาโทรไปร้องห่มร้องไห้จนธนัทธามตัดสินใจกลับเมืองไทย เขาไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญูที่ปล่อยให้ผู้เป็นมารดาต้องเผชิญกับปัญหาเพียงลำพัง บิดาของธนัทธามกลายเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงล่างลงไปไม่สามารถเดินได้ และไม่สามารถพูดได้ หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล คุณธีทัชก็กลับไปรักษาตัวอยู่ที่บ้านโดยจ้างพยาบาลส่วนตัวไว้คอยดูแล “ธามอยู่กับแม่ได้ไหมลูก? ธามไม่ต้องกลับไปอังกฤษได้ไหม?” ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามบุตรชายเมื่อสามีของเธอกลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านแล้ว “ได้ครับคุณแม่ ผมจะอยู่ที่นี่กับคุณพ่อคุณแม่ ผมไม่กลับไปอังกฤษแล้วครับ” โชคดีที่บริษัทที่เขาร่วมหุ้นกับเพื่อนไม่มีปัญหาอะไร เขาจึงกลับมาอยู่ที่เมืองไทยได้อย่างสบายใจ “ขอบใจมากนะลูก..แม่ดีใจที่สุดที่ลูกกลับมาอยู่กับแม่” “ครับคุณแม่” ค่ำคืนนี้ธนัทธามนอนไม่หลับ เขาจึงออกมาเดินเล่นสูดอากาศยามค่ำคืน หกปีกว่าที่เขาไม่ได้กลับมาที่นี่ บ้านที่มีความทรงจำของเขากับเธอคนนั้น คนที่สัญญาว่าจะรอเขากลับมา คนที่บอกว่าจะไม่มีคนอื่น แต่เธอกลับเป็นฝ่ายที่ทรยศหักหลังเขาได้อย่างเลือดเย็น เขาไปได้ไม่นานเธอก็มีผู้ชายคนอื่น และหนีตามกันไป ข้อความที่เธอส่งมาให้เขาครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาจะติดต่อไม่ได้ ยังคงอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเขา เขาไม่เคยลบข้อความนั้นทิ้งเลย ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนโทรศัพท์ไม่รู้กี่เครื่องต่อกี่เครื่อง เขาก็ยังเก็บไว้ เขาเอาไว้เตือนตัวเองว่าเขามันเป็นแค่ผู้ชายโง่ๆ คนหนึ่งเท่านั้น หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ทางด้านฌาริยา วันนี้ที่บริษัทมีข่าวลือเรื่องเปลี่ยนผู้ถือหุ้นรายใหม่ ส่งผลให้ภายในบริษัทเกิดความระส่ำระสายต่างก็หวั่นเกรงว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เช่น การปรับเปลี่ยนโครงสร้างของบริษัท สาเหตุอันเนื่องมาจากเจ้าของผู้ถือหุ้นใหญ่รายเดิม หรือว่าเจ้าของบริษัทนั้นสุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง มีโรคประจำตัวและไม่มีลูกหลานมาสืบทอดกิจการ ทำให้เจ้าของบริษัทต้องเทขายหุ้นทั้งหมด “นี่ฌา..ได้ข่าวเจ้าของบริษัทคนใหม่มั้ย? เห็นเค้าว่ากันว่าหล่อลากดินเชียวแหละ แต่จริงจังเรื่องทำงานมากเลย ใครทำไม่ถูกใจไล่ออกหมด เห็นเค้าคุยกันว่าจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ทั้งหมด ไม่รู้ว่าฝ่ายเราจะโดนอะไรบ้าง” “ขนาดนั้นเลยเหรอแพร..ฌาจะโดนคนแรกของฝ่ายมั้ยเนี่ย? ยังไม่ผ่านทดลองงานเลยด้วย” น้ำเสียงของฌาริยาคล้ายกับมีความกังวล “อย่าพึ่งคิดมาก อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ รอดูไปก่อน” แพรวาปลอบใจเพื่อน “อืม..เเล้วเจ้าของคนใหม่จะมาเมื่อไหร่เหรอ?” ฌาริยาเอ่ยถามออกไปอีกครั้ง “น่าจะพรุ่งนี้นะ เห็นหัวหน้าแต่ละฝ่ายเรียกประชุมด่วนบ่ายนี้” “เราก็ทำตามหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดนั่นแหละ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด” ฌาริยากล่าวออกไปราวกับให้กำลังใจตัวเอง วันต่อมา ทันทีที่ผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ามาในบริษัทก็ได้รับการต้อนรับจากผู้ถือหุ้นรายเก่าและผู้บริหารฝ่ายต่างๆ ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ มีใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนา ไว้ผมรองทรงต่ำ ดวงตาแหลมคมประดุจเหยี่ยว แต่กลับมีเสน่ห์ที่ชวนให้น่าหลงใหล หล่อราวกับเทพบุตร สาวๆ ที่ออกมายืนต้อนรับต่างพากันกรี้ดกร๊าดราวกับเจอพวกเหล่าดาราคนดังทั้งหลาย ชายหนุ่มถูกเชิญเข้าห้องประชุมที่จัดไว้อย่างสวยงามเพื่อต้อนรับผู้ถือหุ้นรายใหม่ พร้อมกับผู้บริหารระดับสูงของฝ่ายต่างๆ “ลุงฝากบริษัทนี้ให้ธามดูแลด้วยนะ..ลุงไม่อยากเห็นบริษัทที่ลุงสร้างมันมากับมือต้องพังลงต่อหน้าต่อตาของลุงเอง ลุงเชื่อว่าธามทำได้” คุณณวัตน์ เจ้าของบริษัทหรือที่พนักงานในบริษัทเรียกเขาว่า ท่านประธาน เอ่ยกับ ธนัทธาม ซึ่งเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทของเขานั่นก็คือธีทัช ที่ตอนนี้ป่วยเป็นอัมพาต สังขารของคนเรามันไม่เที่ยงจริงๆ เมื่ออายุมากขึ้นโรคหลายโรคก็มารุมเร้า และตัว ณวัตน์เองก็ไม่มีลูกหลานมาสืบทอดกิจการ เขาจึงขอร้องให้ลูกชายของเพื่อนซึ่งเขาเองก็รักและเอ็นดูธนัทธาม เหมือนลูกเหมือนหลาน ให้มาช่วยสืบทอดกิจการของเขา ธนัทธามที่พึ่งจะกลับมาจากต่างประเทศจึงรับปากว่าจะช่วย ชายหนุ่มเห็นว่าเขาน่าจะทำกำไรจากบริษัทแห่งนี้ได้ เขาจึงตกลงซื้อหุ้นทั้งหมดและเข้ามาบริหารด้วยตัวเอง ตอนนี้ธนัทธามกลายเป็น ท่านประธานคนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว “ขอบคุณมากครับคุณลุง ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ” ธนัทธามรับปากกับเพื่อนของบิดา “พนักงานทุกคนที่นี่ทำงานดีกันทุกคน ถ้าธามจะปรับโครงสร้างใหม่ลุงก็ไม่ว่า แต่ลุงอยากให้กระทบกับพนักงานน้อยที่สุด” “ผมเข้าใจครับ แต่ถ้าคนไหนที่ไม่ไหวจริงๆ ผมคงไม่เอาไว้นะครับ” “ตามใจธามก็แล้วกัน” คำพูดของท่านประธานคนใหม่ทำให้เหล่าบรรดาผู้บริหารระดับสูงที่อยู่ในห้องประชุมตอนนี้เกิดเสียงซุบซิบออกมาด้วยความหวาดกลัวว่าฝ่ายของตนเองจะเจอกับอะไรบ้าง เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง ผู้บริหารระดับสูงของแต่ละฝ่ายก็พาท่านประธานคนใหม่ไปเยี่ยมชมตามฝ่ายต่างๆ และแนะนำพนักงานให้รู้จัก ทุกฝ่ายที่ชายหนุ่มไปเหล่าบรรดาพนักงานสาวๆ ต่างก็ตกตะลึงและหลงใหลในความหล่อของท่านประธาน แต่ภายใต้ใบหน้าที่นิ่งเฉย ดูน่าเกรงขามของท่านประธานก็ทำให้พนักงานสาวๆ เหล่านั้นหวาดกลัวกันทุกคน จนมาถึงฝ่ายสุดท้ายนั่นคือฝ่ายบัญชี พนักงานทุกคนซึ่งมีอยู่สิบคนได้มายืนต้อนรับท่านประธานคนใหม่ โดยมีผู้จัดการฝ่ายบัญชีเป็นคนแนะนำพนักงานให้ท่านประธานรู้จัก ดาริกาแนะนำชื่อของแต่ละคนเรียงตามที่ยืนเป็นแถวจนมาถึงคนสุดท้ายนั่นก็คือ ฌาริยา ที่ยืนก้มหน้านิ่งไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตา แต่พอดาริกาพูดชื่อของเธอขึ้นมา เธอจำเป็นต้องเงยหน้าและยกมือไหว้ท่านประธานคนใหม่ ทันใดนั้นเอง..โลกทั้งโลกเหมือนหยุดหมุน ร่างของเธอแทบจะทรุดลงกับพื้นดีที่มีเก้าอี้อยู่ข้างๆ ตัวเธอให้เธอได้จับไว้เพื่อพยุงตัวเอง หน้าของเธอซีดเผือด เลือดที่ไหลเวียนเหมือนจะสูบฉีดไปกองกันอยู่ที่หัวใจของเธอ ที่ตอนนี้มันเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมาข้างนอก ธนัทธาม.. คุณธาม.. เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ท่านประธานคนใหม่คือธนัทธามอย่างนั้นหรือ? ฌาริยารีบไหว้ท่านประธานคนใหม่ก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาที่คมกริบของเขาที่จ้องมองมายังเธอ ทางด้านธนัทธามเองก็รู้สึกตกใจไม่น้อยที่ได้เจอฌาริยาที่นี่ เขาเห็นหน้าเธอซีดราวกับไก่ต้ม หลังจากที่ผู้จัดการฝ่ายบัญชีแนะนำชื่อของเธอ เขาก็พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะทำหน้าเรียบเฉยเหมือนกับที่แสดงออกกับคนอื่นๆ ทั้งที่ภายในใจของเขามันเต้นแรงจนรู้สึกได้ ดีใจที่ได้เจอ หรือ เสียใจที่ได้เจอ เขาเองก็ตอบไม่ได้เช่นกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม