ฌาริยาเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพราะมีนัดสัมภาษณ์งาน ตำแหน่งที่เธอสมัครไปนั้นเป็นตำแหน่งพนักงานบัญชี ฌาริยารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากในขณะที่นั่งรอสัมภาษณ์ หญิงสาวกำมือแน่น มือทั้งสองข้างเหงื่อชื้นออกมา ฌาริยารอจนกระทั่งถึงคิวสัมภาษณ์ของเธอ
และแล้วการสัมภาษณ์งานก็ผ่านพ้นไป เธอได้งานนี้ด้วยเงินเดือนสองหมื่นห้าพันบาท โดยเริ่มงานสัปดาห์หน้า ฌาริยาดีใจเป็นอย่างมาก เธอรีบโทรบอกข่าวดีกับผู้เป็นป้า ก่อนจะรีบเดินทางกลับเชียงรายในค่ำคืนนั้น
“ป้าไปอยู่กับฌาที่กรุงเทพฯ มั้ยคะ?”
“ป้าว่ารออีกสักหน่อยดีกว่านะ..รอให้อะไรมันเข้าที่เข้าทางเสียก่อน ส่วนน้องเฌอ ฌาไม่ต้องเป็นห่วงป้าจะดูแลให้ดีที่สุด”
“ใจจริงฌาก็ไม่อยากจะทิ้งลูกไป ตั้งแต่น้องเฌอเกิดมาฌาไม่เคยอยู่ห่างจากลูกเลยสักวัน เอาไว้ถ้าฌาทดลองงานผ่านโปรเมื่อไหร่ ป้ากับน้องเฌอย้ายไปอยู่กับฌาที่กรุงเทพฯ นะคะ น้องเฌอจะได้ไปโรงพยาบาลได้สะดวก ไม่ต้องเดินทางไกล”
“ป้าว่าแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน”
“แม่ฌา จะไปไหนเหรอคะ ให้น้องเฌอไปด้วยได้มั้ย?”
“แม่ต้องไปทำงานที่กรุงเทพฯ ค่ะ น้องเฌออยู่กับยายนะคะ”
“ไม่เอา..น้องเฌอจะอยู่กับแม่ฌา”
“แม่จะไปหาเงินมารักษาน้องเฌอไงคะ น้องเฌอจะได้หายป่วยยังไงคะลูก น้องเฌอไม่ดื้อไม่งอแงนะคะ อยู่กับยายก่อน แล้วเดี๋ยวแม่จะมารับน้องเฌอกับยายไปอยู่ด้วยกัน โอเคมั้ยคะ?”
“ก็ได้ค่ะ..แต่แม่ฌาต้องโทรมาหาน้องเฌอทุกวันนะคะ”
“ได้เลยค่ะ” และในค่ำคืนนั้นฌาริยาก็นอนกอดลูกสาวร้องไห้ทั้งคืน เพราะต้องอยู่ห่างจากลูก แต่เพราะความจำเป็นทำให้เธอต้องฝากลูกไว้ให้ผู้เป็นป้าดูแล ถ้าทุกอย่างลงตัวเธอจะรีบมารับลูกกับป้าไปอยู่ด้วยกัน
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
ฌาริยาขึ้นรถทัวร์มากรุงเทพฯ ในวันเสาร์ เนื่องจากเธอต้องมาหาที่พักที่อยู่ใกล้ๆ กับบริษัท โชคดีที่มีห้องพักราคาไม่แพงมาก เป็นตึกแถวสามชั้นแต่ละชั้นก็มีหลายห้องติดกัน แต่เป็นห้องเปล่าๆ ที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย มีแค่พัดลมเพดานเท่านั้น ฌาริยาตกลงเช่าทันทีเพราะอยู่ใกล้กับบริษัท เธอสามารถเดินไปทำงานได้ หลังจากที่ ฌาริยาจ่ายค่ามัดจำเสร็จเรียบร้อย เธอจึงไปหาซื้อของใช้จำเป็นเข้าห้อง เมื่อจัดห้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจึงพักผ่อน ก่อนที่จะโทรหาลูกสาวในช่วงค่ำๆ
“น้องเฌอทำอะไรอยู่คะ..ทานข้าวกับอะไรเอ่ย”
(น้องเฌอกำลังเล่นตุ๊กตาอยู่ค่ะ น้องเฌอทานกับแกงจืดค่ะ)
“แม่คิดถึงน้องเฌอนะคะ”
(น้องเฌอก็คิดถึงแม่ฌาค่ะ)
“น้องเฌอห้ามดื้อกับยายนะคะ”
(น้องเฌอเป็นเด็กดี ไม่ดื้อค่ะ)
“ดีมากค่ะ น้องเฌอของแม่เก่งที่สุดเลย”
“น้องเฌอนอนได้แล้วนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่โทรหาใหม่ ฝันดีนะคะ”
(ฝันดีค่ะ)
หลังจากวางสาย ฌาริยาก็อาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอน เธอลองคำนวนคร่าวๆ ว่าเงินเดือนที่ได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วจะเหลือเก็บเดือนละเท่าไหร่ ค่าเช่าห้องสองพันบาทถ้ารวมค่าน้ำค่าไฟก็น่าจะประมาณสามพันบาท ค่าอาหารหนึ่งมื้อก็ประมาณห้าสิบบาท ถ้าเธอกินแค่สองมื้อหนึ่งวันก็ตกวันละหนึ่งร้อยบาท หนึ่งเดือนก็สามพันบาทรวมค่าเช่าห้อง ก็เป็นหกพันบาท เธอจะเหลือเงินเก็บเดือนละหนึ่งหมื่นเก้าพันบาท
บริษัทที่ฌาริยาทำนั้นหยุดเสาร์อาทิตย์ เธอกำลังคิดว่าเธอจะหางานพิเศษทำ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลองไปเดินหางานพิเศษแถวนี้ดูที่สามารถทำได้เฉพาะเสาร์อาทิตย์
และในที่สุด ฌาริยาก็ได้งานพิเศษที่ทำเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ นั่นก็คืองานเสริฟอาหารที่ร้านขายอาหารตามสั่ง ทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงสองทุ่มได้ค่าแรงวันละสี่ร้อยบาท
วันจันทร์
วันนี้เป็นวันเริ่มงานวันแรกของฌาริยาอยู่ในตำแหน่งพนักงานบัญชี หัวหน้าฝ่ายบุคคลให้เธออ่านรายละเอียด กฎข้อบังคับต่างๆ ของบริษัท จากนั้นก็พาเธอไปแนะนำให้แต่ละฝ่ายได้รู้จักพนักงานใหม่ และสุดท้ายก็พาเธอไปส่งยังฝ่ายบัญชี
“สวัสดีพี่ๆ ทุกท่านค่ะ ชื่อฌาริยาค่ะ เรียกฌา เฉยๆ ก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักพี่ๆ นะคะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” ฌาริยากล่าวแนะนำตัวเอง ก่อนที่ผู้จัดการฝ่ายบัญชีจะแนะนำพนักงานทุกคนในฝ่ายให้เธอได้รู้จัก
ฌาริยาต้องเรียนรู้งานจากผู้จัดการฝ่ายบัญชีโดยตรง ซึ่งหัวหน้าของเธอนั้นเป็นผู้หญิงสูงวัย ดูท่าทางใจดี ฌาริยาจึงลดความประหม่าลง เธอเรียนรู้งานได้ไวจนผู้จัดการฝ่ายบัญชีเอ่ยชม
“ฌาก็เก่งนะ เรียนรู้ไว พี่บอกแป๊บเดียวฌาก็เข้าใจแล้ว”
“ขอบคุณมากค่ะพี่ดา” ดาริกาผู้จัดการฝ่ายบัญชีของเธอ
“ค่อยๆ เรียนรู้ไป มีอะไรไม่เข้าใจถามพี่ได้นะ”
“ค่ะ..ขอบคุณอีกครั้งค่ะ”
ฌาริยาทำงานที่นี่ด้วยความสบายใจ มีหัวหน้าที่ดี มีเพื่อนร่วมงานที่ดี ฌาริยารู้สึกโชคดีที่ได้งานที่บริษัทแห่งนี้
“ฌา..เที่ยงแล้วไปทานข้าวกันเถอะ” เสียงของ แพรวาเอ่ยชวน เพื่อนร่วมงานคนนี้ของเธอที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ทำให้ฌาริยาสนิทกับแพรวามากกว่าคนอื่น
“แป๊บนึงนะแพร..ฌาเก็บของก่อน”
“โอเคจ่ะ” จากนั้นสองสาวก็พากันไปทานอาหารกลางวันที่ร้านขายอาหารตามสั่งที่ฌาริยาไปรับจ๊อบพิเศษอยู่
“อ้าวฌา เอาอะไรดีวันนี้”
“ฌาเอากะเพราหมูสับค่ะเจ๊ แพรเอาไร” ฌาริยาตอบเจ้าของร้านก่อนจะหันไปถามแพรวา
“แพรเอากรฝะเพราหมูกรอบจ่ะ”
“โอเค รอแป๊บเดียว เหลืออีกสองคิว”
“เออฌา แพรถามไรหน่อยสิ”
“อืม..ถามมาสิ”
“เราอายุเท่ากันทำไมแพรถึงพึ่งเรียนจบล่ะ..จริงๆ ต้องเรียนจบเมื่อสองปีที่แล้วๆ นะ”
“คือฌามีปัญหานิดหน่อยหลังจากที่เรียนจบมอหกน่ะ ฌาก็เลยหยุดเรียนไป แล้วพึ่งได้มีโอกาสกลับไปเรียนเมื่อสี่ปีที่ผ่านมา”
“อ่อๆ ปัญหาอะไรบอกได้ปะ?” แพรวาถามด้วยความอยากรู้
“ถ้าฌาบอกแพรแล้ว แพรอย่าไปบอกใครนะ”
“โอเค แพรสัญญา”
“ฌาท้อง”
“เฮ้ย! จริงดิ แล้วตอนนี้ลูกฌาอยู่ที่ไหน? ผู้หญิงหรือผู้ชาย? แล้วชื่ออะไร?” แพรวาถามจนฌาริยาไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี
“ลูกแพรอยู่กับป้าที่เชียงราย เป็นผู้หญิงชื่อน้องเฌอ อายุห้าขวบแล้ว”
“ชื่อน่ารักจัง ต้องสวยเหมือนแม่แน่ๆ เลย”
“เดี๋ยวฌาเอารูปให้ดู” พูดจบฌาริยาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปลูกสาวให้แพรวาดู
“ลูกฌาน่ารักมากๆ เลย โตมาต้องสวยมากแน่ๆ”
“ลูกฌาป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ที่ฌาต้องมาหางานทำที่กรุงเทพฯ ก็เพราะต้องการเงินไปรักษาลูก”
“จริงเหรอฌา..น่าสงสารจัง แล้วสามีของฌาล่ะ”
“ฌาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวน่ะ”
“จริงเหรอ..แพรขอโทษนะที่ถาม”
“อืม..ไม่เป็นไร”
“ถ้าฌามีอะไรให้แพรช่วยบอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบใจแพรมากๆ เลยนะ”
“อืม”
จากนั้นทั้งสองคนก็ทานอาหารกลางวันและพากันกลับไปทำงาน