บทนำ
ตึก ตึก ตึก
เสียงหัวใจที่เต้นระรัวดังอยู่ภายในคล้ายกับว่าแทบจะหลุดออกมาในขณะที่เรียวขาก้าวไปข้างหน้า อีกทั้งทางเดินที่เงียบสงัดของเขตพื้นที่บริษัทให้ความรู้สึกที่บีบคั้นจิตใจของหญิงสาวไปในตัว
หวังว่าสิ่งที่เธอกังวลคงไม่เกิดขึ้นจริง
เกรซ ในชุดมินิเดรสสีพีชสว่าง ย่างกรายด้วยรองเท้าส้นสูงสีเทาเงางามราคาแพงไปตามทางเดิน พร้อมมือเรียวที่กำกระเป๋าถือใบเล็ก
สีเงินไว้แน่น
ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อเม้มเข้าหากันจนรู้สึกชา สายตาคู่สวยสีดำดุจเพชรสีนิลระยิบระยับมองไปข้างหน้าด้วยใจที่สั่นไหว และพยายามไล่สายตาหาคนที่เธอต้องการพบในเวลานี้
คนที่เธอคาดหวังว่าเขาจะได้ครองคู่กับเธอ
คนที่เธอรักและทุ่มเทใจให้เขามาตลอด
ตึก...
แสงไฟจากห้องทำงานที่เปิดอยู่ถัดไปอีกชั้น ดึงสายตาของเธอให้หันขึ้นไปมอง
เธอกลืนน้ำลายอึกหนึ่งลงลำคอที่แห้งผาก คล้ายกับมีลางสังหรณ์ของมัจจุราชกำลังเตือนเธอ แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ เธอยิ่งอยากรู้ อยากเจอ อยากเห็นด้วยตาตัวเอง
ไม่รอช้าร่างบางก็ก้าวเดินขึ้นมาจนถึงชั้นบน เธอยืนอยู่หน้าประตูกระจกขุ่นที่มีไฟลอดออกมา ทั้ง ๆ ที่เวลานี้ไม่ควรจะมีใครอยู่ที่นี่ แต่ดูเหมือนว่ามันจะตรงกันข้าม
เกรซยังเลือกที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วกดโทร.ออกไปที่เบอร์ปลายสาย โดยที่ยืนมองอยู่ด้านหน้าประตูไปด้วย
แต่มันกลับไม่มีคนรับเช่นเดิม...
เธอหลับตาลงวูบหนึ่งเหมือนคนที่กำลังเตรียมตัวเตรียมใจกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปนี้
มือเรียวชักมือถือกลับลงมาและตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในทันที ใบหน้าสวยมองไปยังโต๊ะทำงานที่ว่างเปล่าภายในห้องขนาดใหญ่ที่เปิดไฟอยู่ การที่เธอไม่เห็นใครในห้องเหมือนจะทำให้เธอผ่อนคลายลง
แต่...มันไม่จบแค่นั้น
เมื่อเธอได้ยินเสียงหอบหายใจกระเส่าดังมาจากด้านในที่เป็นห้องที่ต่อกัน เป็นส่วนบริเวณสำหรับการทำอาหารชงกาแฟเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับระดับผู้บริหาร
หญิงสาวเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อเสียงชายและหญิงดังสลับกันจนฟังไม่ได้ศัพท์ แววตาของเธอเริ่มแดงและร้อนผ่าวคล้ายจะร้องไห้
เมื่อเรียวขาก้าวไปข้างหน้าช้า ๆ และลงน้ำหนักแผ่วเบา จนในที่สุดเธอก็มาถึงต้นเสียงที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม
"พะ...พี่พิชญ์!"
น้ำเสียงสั่นเครือของเธอที่เอ่ยออกไปดึงความสนใจของชายในชุดทำงาน ที่ตอนนี้เสื้อเชิ้ตของเขาหลุดลุ่ยไม่เรียบร้อย เพราะกำลังนัวเนียกับผู้หญิงอีกคนบนเคาน์เตอร์สำหรับชงกาแฟ
“เกรซ!?”
“พี่ทำงี้ได้ไง!” น้ำตาของเธอเอ่อล้น อารมณ์ผิดหวังเสียใจและโกรธแค้นปนกันมั่วไปหมด ยิ่งหันไปมองหน้าผู้หญิงอีกนางที่รีบทำท่าใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ยิ่งอารมณ์ขึ้นเพราะหล่อนคือเพื่อนเก่าตัวดี!
“นี่มัน...”
“เกรซใจเย็นนะ...คือพี่...” ชายหนุ่มที่สลัดตัวออกมาจากผู้หญิงในชุดทำงานตรงหน้า พยายามเดินเข้ามาหาเกรซและเรียกเธอด้วยเสียงอ่อน
“พี่พิชญ์ทำงี้กับเกรซได้ไงคะ”
“เกรซ คือพี่ไม่ได้ตั้งใจ ฟังพี่ก่อนนะ”
เพียะ!
ใบหน้าหล่อ ๆ ที่ริมฝีปากยังมีรอยคราบลิปสติกจากการจูบ ถูกตบจนหันไปอีกทางอย่างแรง
เหอะ บอกว่าไม่ได้ตั้งใจแต่เห็นตำตาชัดเจน คิดว่าเธอโง่มากขนาดนั้นเลยเหรอผู้ชายคนนี้ เสียทีที่เคยชอบเคยรักมาหลายปี
“วันนี้...” เกรซปาดน้ำตาไปมาจนเครื่องสำอางเปื้อนเล็กน้อย “เราจบกันเถอะค่ะ”
“เกรซ...”
หญิงสาวพูดจบก็รีบหันหลังเดินออกมาทันที เจ็บจี๊ดเข้าไปข้างใน แต่ให้มันเจ็บแค่วันนี้พอ
แต่ชายหนุ่มรีบเดินตามมารั้งเธอไว้ไม่ช้าไปกว่ากัน เขาดึงแขนเรียวของเธอไว้ โดยไม่ได้หันกลับไปสนใจอีกคนด้านหลังที่ยืนมองสถานการณ์ด้วยแววตาตื่นตระหนกตกใจ
“เกรซฟังพี่อธิบายก่อน”
“ต้องฟังอะไรอีกเหรอคะ ทุกอย่างชัดเจนแล้วค่ะ ชัดเจนมาก ๆ จนเกรซคาดไม่ถึงเลยค่ะ อ้อ...ลืมไปค่ะ เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน ดังนั้นจริง ๆ พี่ก็ไม่ผิดนะคะ”
“...”
“งั้นเชิญพี่ตามสบายเลยค่ะ เพราะเกรซคงไปต่อไม่ไหว”
“เกรซ พี่แค่พลาด” พิชญ์พยายามบ่ายเบี่ยง เขาจับไหล่สองข้างของหญิงสาวไว้พร้อมส่งแววตาเว้าวอน
“พี่ไม่ได้พลาดค่ะพี่พิชญ์ พี่ก็รู้ว่ามันเล็งพี่มานานแล้ว” เกรซตวัดสายตาเฉียบที่เอ่อล้นด้วยน้ำตาไปทางคนด้านหลัง “พี่รู้ดีนี่คะ”
ผู้หญิงอีกคนด้านหลังสะอื้นขึ้นมาด้วยสีหน้าตกใจและรู้สึกผิด พิชญ์หันไปมองเล็กน้อยก่อนถอนหายใจกับสถานการณ์ตรงหน้า
“แต่พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่ก็แค่...”
“ก็แค่อะไรคะ หรือเพราะพี่ยังไม่ได้เกรซสักที รอเกรซไม่ได้จนต้องไปคว้ามัน”
“...”
“ไม่ตอบก็เพราะว่าจริงสินะคะ” เกรซกัดฟันแน่น เธอสลัดมือหนาที่จับไหล่มนของตัวเองออกด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียนเกินทน
“เกรซทนมองหน้าพี่ไม่ไหวแล้วค่ะ เราจบกันแค่นี้เถอะ”
“แต่พี่ไม่อยากจบนะเกรซ”
เห็นแก่ตัวที่สุด เกรซนึกในใจ
“เรื่องของพี่ค่ะ แต่เกรซจะจบ!”