เส้นผมสีน้ำตาลเงางามชี้โด่เด่ไปมาอย่างไร้ทิศทาง เมื่อผู้เป็นเจ้าของขยับตัวขยุกขยิกเพื่อหาท่านอนที่ทำให้หลับสบาย ร่างเล็กบอบบางบนเตียงนอนหลังกว้างซุกใบหน้าลงยังหมอนใบโต แต่ทว่าพลิกซ้ายพลิกขวาก็แล้วแต่ก็ยังไม่สามารถหาท่านอนที่สบายตัวได้
จันทร์เจ้าค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ พร้อมกับอ้าปากหาวหวอดเพื่อขับไล่อาการง่วงงุนออกไป มือเล็กๆ ค่อยๆ ยกขึ้นขยี้ตาอย่างเชื่องช้า เพราะเพิ่งตื่นจากห้วงนิทรา ทำให้สติของจันทร์เจ้าตอนนี้ยังไม่เต็มที่
โดยปกติแล้วในพักหลังเขามักถูกปลุกจากสามีอยู่เสมอ ร่างสูงจะคอยหอมแก้มเขาซ้ำๆ จนกว่าจะตื่นนอน ทว่าวันนี้นั้นต่างออกไปเพราะคนตัวเล็กตื่นนอนมาท่ามกลางความว่างเปล่าของคนข้างกาย
เมื่อคืนเขาถูกปล้ำจูบจนเลยเวลาเข้านอน ทำให้เช้าวันนี้มีเพียงผู้เป็นสามีเท่านั้นที่เดินทางไปทำงานคนเดียว
‘ตอนเย็นแต่งตัวสวยๆ นะ’
ก่อนออกไปทำงานพี่รามได้กระซิบที่ข้างหูเขาเอาไว้แบบนี้ จันทร์เจ้าในตอนนั้นที่อยู่ในความง่วงงุนทำได้แค่พยักหน้าตอบกลับไปก่อนที่จะหลับใหลลงไปอีกครั้ง
แม้ตื่นขึ้นมาแล้วจะสงสัยว่าเหตุใดเขาต้องแต่งตัวสวยๆ รอสามีตอนเย็น แต่จันทร์เจ้าก็ปัดความสงสัยนั้นทิ้งไปจากหัว เพราะความหิวที่แล่นเข้ามาอย่างกะทันหัน
“หิวจัง” เสียงหวานเอ่ยอย่างแผ่วเบา
แต่จะว่าไปแล้ว พออาการง่วงงุนเริ่มหายไป ความทรงจำเมื่อคืนก็กลับมา…
‘ความรู้สึกรักมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่พี่ไม่รู้นะ แต่ตอนนี้พี่รัก พี่รักจันทร์’
งื้อออ ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแก้มเนียนก็ยิ่งแดงก่ำเพราะความรู้สึกเขินอายที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
สรุปได้ว่า ตอนนี้เขากับพี่รามเป็นทั้งคู่ชีวิตเป็นทั้งแฟน
พลันกระแสความอบอุ่นแล่นเข้าสู่กลางใจจนคนตัวเล็กต้องสองมือขึ้นมากุมอก คำพูดทุกคำที่ร่างสูงได้เอื้อนเอ่ยไปเมื่อคืนล้วนมีอิทธิพลกับหัวใจดวงน้อยๆ ของเขา จันทร์เจ้าคลี่รอยยิ้มออกอย่างช้าๆ กับทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะว่าเร็วก็เร็ว จะว่าช้าก็ช้า แต่จันทร์เจ้ายินดีมากเหลือเกินที่สักครั้งหนึ่งในชีวิตเขาได้มีคนที่มอบความรักให้อย่างไม่มีข้อแม้ ได้มีพี่รามเป็นครอบครัวที่อบอุ่น
“คุณจันทร์ทานอันนี้เยอะๆ ค่ะ”
“...”
“อันนี้ป้าทำสุดฝีมือเลยนะคะ ทานอีกค่ะ”
“...”
“เดี๋ยวป้าตักแกงให้ค่ะ”
“พอก่อนป้าผ่องงง จันทร์กินไม่ทันแล้ว”
การทานอาหารเช้าในวันนี้ไม่เงียบเหงาอย่างที่คิด แม้ว่าจะไม่มีผู้เป็นสามีร่วมรับประทานด้วยอย่างในทุกครั้ง หลังจากที่คนตัวเล็กอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ จึงลงมาออดอ้อนป้าผ่องแม่ครัวประจำคฤหาสน์หัสวอนันต์อย่างน่าเอ็นดูในสายตาของคนที่อายุมากกว่า
เมื่อจัดโต๊ะอาหารเสร็จ เจ้านายตัวเล็กก็งอแงราวกับเด็กน้อยให้ป้าผ่องกับน้อยหน่านั่งทานเช้าเป็นเพื่อน แต่มีหรือสาวใช้ทั้งสองจะกล้าทานอาหารร่วมกับเจ้านาย เลยยอมเพียงแค่นั่งร่วมโต๊ะแต่ขอไม่รับประทานอาหาร
“คุณจันทร์ต้องทานเยอะๆ นะคะ ดูสิตัวเล็กนิดเดียว” น้อยหน่าว่า
“ไม่เล็กซะหน่อย” น้อยหน่าส่ายหน้าครู่หนึ่งเมื่อถูกเจ้าน้อยตัวน้อยเถียงกลับทันควัน
คุณหนูของเธอพักหลังมาทานเก่งเหลือเกิน แต่ก็แปลกใจที่ไม่อ้วนขึ้นสักที ทานเก่งทั้งของหวานของคาวทั้งขนมนมเนย จนคุณรามต้องเอ่ยกำชับบรรดาแม่ครัวให้ซื้อขนมและของขบเคี้ยวติดบ้านไว้ตลอดห้ามขาด
“ว่าแต่ทำไมวันนี้คุณจันทร์ไม่ออกไปบริษัทกับคุณรามคะ”
น้อยหน่าถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะปกติเจ้านายทั้งสองของเธอจะออกไปบริษัทพร้อมกันในตอนเช้า และกลับเข้าบ้านพร้อมกันในตอนเย็น เป็นแบบนี้ทุกวันจนคนงานภายในคฤหาสน์หัสวอนันต์เห็นจนชินตา
“จันทร์ตื่นสาย แหะๆ” ร่างเล็กยิ้มเขินๆ เมื่อบอกเหตุผลไปก่อนจะตักกุ้งตัวโตในจานเข้าปาก
“ว่าแต่เย็นนี้ทำเมนูอะไรครับ จันทร์จะได้เตรียมท้องรอ”
“หืม คุณรามไม่ได้บอกคุณจันทร์เหรอคะว่าเย็นนี้จะพาไปงานเลี้ยงวันเกิดคุณทศ”
“อ่า จันทร์จำได้แค่พี่รามบอกให้แต่งตัวรอครับ ว่าแต่คุณทศคือใคร?” จันทร์เจ้าไม่คุ้นกับชื่อนี้เลย ความทรงจำที่ได้รับมาจากจันทร์เจ้าคนเก่าก็ไม่มีชื่อนี้
“คุณทศเป็นเพื่อนคุณรามค่ะ เป็นทายาทของบริษัทที่ทำเกี่ยวกับสื่อโทรทัศน์ อันนี้ป้าก็ไม่ค่อยแน่ใจ”
“แต่จันทร์ไม่มีชุด…”
“คุณจันทร์ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เดี๋ยวช่วงบ่ายคุณกรกับคุณพะแพงจะเอาชุดที่จะใส่ไปงานมาให้ เมื่อเช้าคุณรามแจ้งป้าไว้แบบนี้ค่ะ”
“อ่อ ครับ”
พยักหน้าตอบรับไปอย่างมึนงง เขายังจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูกสักเท่าไร เป็นบาปกรรมของคนที่ตื่นสายเหรอ T^T
เมื่ออิ่มท้องคนตัวเล็กจึงเลือกไปเดินเล่นที่ริมสระว่ายน้ำ วันนี้อากาศเย็นสบาย ไม่ค่อยร้อนเท่าไร ไหนๆ ก็อยู่บ้านล่ะเลยขอออกมาเดินเล่นสักหน่อย
ช่วงหลังมานี้เขาไม่ค่อยได้ออกมาเดินเล่นรอบๆ บ้านเหมือนเมื่อก่อน อาจจะเป็นเพราะออกไปบริษัทกับสามีตั้งแต่เช้า แล้วกว่าจะกลับถึงบ้านก็เย็นย่ำไปแล้ว
ร่างเล็กค่อยๆ นั่งลงยังขอบสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมกับหย่อนท่อนขาเรียวขาวลงไปตีน้ำเล่นจนเกิดเป็นระลอกคลื่นเล็กๆ
ท่ามกลางความเงียบสงบของบรรยากาศโดยรอบ ริมฝีปากสวยเปล่งเสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะถึงตอนเย็น เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ไปออกงานเลี้ยงพร้อมกับสามี
Rrrr Rrrr
มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ครั้นเมื่อดวงตาคู่สวยเห็นรายชื่อของคนที่โทรเข้ามาก็แย้มรอยยิ้มขึ้นมาจนตาเป็นสระอิ
“พี่ราม…” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปยังปลายสายเต็มไปด้วยความดีใจ
‘ทานข้าวหรือยัง?’
“เรียบร้อยแล้ว ทำไมพี่รามไม่ปลุกจันทร์” จันทร์เจ้ายู่ปากเล็กน้อย
‘เห็นหลับสบาย พี่ไม่อยากกวน’
“ทิ้งจันทร์ให้นอนคนเดียว ใจร้ายมาก”
‘พี่ยอมให้ทำโทษ’
“ทำโทษยังไงดี”
‘จูบพี่จนกว่าพี่จะร้องขอชีวิตดีไหม?’
“สวยมากน้องจันทร์ สวยมากกก”
พะแพงกรีดร้องออกมาเสียงดังเมื่อเธอแต่งตัวให้กับภรรยาตัวน้อยของเพื่อนสนิทเสร็จสิ้นแล้ว
จันทร์เจ้าอยู่ในชุดสูทสีเทาขนาดพอดีตัวที่ทำให้เห็นสัดส่วนของผู้สวมใส่อย่างชัดเจน ใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางยี่ห้อหรูจากฝีมือของพะแพง นั่นยิ่งทำให้จันทร์เจ้าดูน่ารักและน่ามองมากยิ่งขึ้น
คนถูกชมเม้มริมฝีปากเล็กน้อยเมื่อถูกเอ่ยชมซึ่งๆ หน้า ดวงตาสวยเหลือบขึ้นมองดูภาพของตัวเองที่สะท้อนจากในกระจกบานใหญ่…นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาจะได้ออกงานพร้อมกับผู้เป็นสามี จะได้ออกไปเจอผู้คนมากมาย แม้จะแอบหวั่นใจ แต่คนตัวเล็กมั่นใจว่าพระรามจะต้องดูแลเขาเป็นอย่างดี
ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองคนเปลี่ยนไปแล้ว…การกระทำทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นจากความฝืนใจอย่างเมื่อก่อน
“จันทร์เป็นผู้ชาย ต้องชมจันทร์ว่าหล่อสิ”
จันทร์เจ้ายู่ปากเล็กน้อย แต่การกระทำเหล่านั้นกลับทำให้คนที่มองอยู่มันเขี้ยวจนอยากดึงมาฟัดแก้มสักสองสามที
“สวย ไม่เชื่อรอถามไอ้ราม”
พะแพงเถียงกลับทันทีอย่างไม่ยอมแพ้ อย่างน้องจันทร์เจ้าจะเรียกว่าสวยก็ยังน้อยไป แบบนี้ต้องเรียกว่างามล่มเมือง! เพราะน้องงดงามราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดของจิตรกรชื่อดังจริงๆ
“พี่พะแพงชมจันทร์เกินไปแล้ว”
“พี่พูดจริง ไม่ขี้โม้ จริงไหมไอ้กร” เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่เชื่อคำที่เธอกล่าว พะแพงจึงรีบหันไปขอความเห็นจากกิดากรที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆ
“น้องจันทร์สวยมากกก สวยเกินไป สวยจนพี่อิจฉาไอ้รามแล้วเนี่ยที่ได้แต่งงานกับน้องจันทร์ เอางี้…ถ้าเบื่อไอ้รามก็โทรหาพี่ได้ พี่สัญญาว่าจะดูแลน้องจันทร์อย่างดี– อ๊ะ!”
กิดากรร้องเสียงหลงเมื่อโดนผลักหัวเข้าเต็มแรง คนโดนประทุษร้ายขบกรามแน่น หวังจะเอาคืนคนที่กล้าดีมาผลักหัวเขาซะเต็มแรง แต่พอหันขวับมาเจอผู้ร้าย ร่างโปร่งก็ถึงกับยกสองมือขึ้นพนมเหนืออก