บทนำ-1
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก…
ร่างบอบบางขยับเท้าตรงดิ่งไปที่ประตูทันทีที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น มือเรียวจับที่ลูกบิดแล้วดึงประตูให้เปิดกว้าง เมื่อเห็นร่างสูงคุ้นตาที่อยู่ตรงหน้า เรียวปากอวบอิ่มจึงคลี่ยิ้มกว้าง ก่อนรอยยิ้มจะค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อกลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งลอยเข้ามาในทางเดินหายใจ ทำให้หญิงสาวยู่หน้าพร้อมๆ กับที่ยกหลังมือขึ้นมาปิดจมูกเอาไว้ ดวงตาคู่สวยสีเทาอ่อนมองใบหน้าหล่อเหลาที่ปราศจากรอยยิ้มพลางถาม
“คุณดื่มมาหรือคะ”
ไร้รอยยิ้มจากคนที่สูงกว่าเฉกเช่นทุกครั้ง คิ้วสวยขมวดมุ่นด้วยความสงสัย ทว่าก่อนที่หญิงสาวจะทันได้ถามซ้ำเพราะคนตัวสูงไม่ยอมให้คำตอบ ร่างสูงก็สาวเท้าเข้ามาประชิดตัวเธอเรียบร้อยแล้ว มือหนาทั้งสองข้างคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของเธอ ก่อนจะรั้งร่างของหญิงสาวเข้าไปใกล้จนแทบไม่เหลือพื้นที่ว่างระหว่างกัน
“อะไรกันคะ”
ฟลอเรนซาร้องถามอย่างตื่นตระหนก ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยคำถาม ทว่าไม่ถึงเสี้ยววินาทีดวงตาคู่สวยต้องเบิกกว้าง เมื่อจู่ๆ ริมฝีปากได้รูปก็กระแทกจูบลงมาบนริมฝีปากของเธออย่างดุดัน ทำเอาเจ้าของเรียวปากอวบอิ่มต้องครางท้วง
“อื้อ...”
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาและเธอจูบกัน ทว่าไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะจูบเธออย่างดุดันคล้ายกับต้องการลงทัณฑ์กันเช่นนี้ เธอทำอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ ฟลอเรนซาปรารถนาที่จะได้รู้ในเรื่องนั้น หากแต่พอเธอเผยอริมฝีปาก ปลายลิ้นอุ่นร้อนของคนที่สูงกว่าก็สอดแทรกเข้ามาในโพรงปากของเธอ ตวัดปลายลิ้นรัดรึงกับใบลิ้นเล็กของเธอออย่างจาบจ้วง คนตัวสูงพรากลมหายใจไปจากเธออย่างไร้ความปราณี ก่อนที่เขาจะยอมผละออกตอนที่ลมหายใจของเธอเริ่มขาดห้วง
“ผู้หญิงใจร้าย”
เอริคต่อว่าเธอ ใบหน้าหล่อเหลาดูเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พอฟลอเรนซาขยับปากจะถามว่าเธอทำอะไรผิดไป ริมฝีปากได้รูปก็กระแทกจูบลงมาอีกครั้ง
“คุณเอริค อื้อ…”
ฟลอเรนซาร้องถามได้เพียงเท่านั้น เสียงหวานก็ถูกลำคอหนาดูดกลืนไปจนหมดสิ้น จุมพิตไร้ความนุ่มนวลและความทะนุถนอมอย่างที่เคยเป็น ร่างสูงบดเบียดริมฝีปากลงบนเรียวปากอ่อนนุ่มอย่างไม่ออมแรงจนคนถูกกระทำรู้สึกเจ็บ ขอบตาของหญิงสาวร้อนผ่าว เพราะไม่เข้าใจการกระทำจาบจ้วงและหยาบคายของคนตรงหน้าเลยสักนิด
‘ทำไมคุณเอริคถึงได้ทำกับเราแบบนี้’
ฟลอเรนซาทำได้แค่ถามตัวเองในใจ ร่างเล็กพยายามดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแข็งแรงที่พันธนาการเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา ทว่าความพยายามของหญิงสาวก็เป็นได้แค่ความพยายาม เพราะสุดท้ายเธอก็ไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการของอีกฝ่ายได้เลย
เนิ่นนานกว่าที่เขาจะยอมถอนริมฝีปากออกจากเธอ
ดวงตาคู่สวยมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ เมื่อนัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองเธอด้วยสายตาแข็งกร้าว ดูวาวโรจน์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซ้ำยังเอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ปราศจากความนุ่มนวลและอ่อนโยนอย่างที่เคยเป็น
“คุณไม่เคยจริงใจกับผม ไม่เลยสักนิด”
“ฟลอนซ์เปล่านะคะ”
ฟลอเรนซาร้องปฏิเสธทันควัน เธอน่ะหรือที่ไม่เคยจริงใจกับเขา เขาต้องเข้าใจอะไรผิดไปแน่ๆ
“ฮึ คุณยังกล้าปฏิเสธอีกอย่างนั้นเหรอ ผมรู้ความจริงทุกอย่างหมดแล้ว”
“ความจริงอะไรกันคะ”
มาถึงตรงนี้ฟลอเรนซาก็ยังไม่เข้าใจ หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นมองคนที่สูงกว่าอย่างต้องการคำอธิบายมากกว่าแค่การยัดเยียดข้อกล่าวหา แต่เขากลับไม่มีมันให้เธอ ซ้ำยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันแข็งกระด้าง ทำเอาร่างบอบบางสะดุ้งจนสุดตัว
“เลิกเสแสร้งซะทีฟลอนซ์ ผมจะไม่ยอมเป็นผู้ชายหน้าโง่ให้คุณมาหลอกลวงได้อีกแล้ว”
“...”
“ในเมื่อคุณปรารถนาอยากจะครอบครองและเป็นเจ้าของมันขนาดนั้น”
“...”
“นอนกับผมสิ แล้วผมจะให้ในสิ่งที่คุณต้องการ”
ฟลอเรนซาไม่มีโอกาสได้ร้องค้านหรือแก้ต่างอะไรให้ตัวเองทั้งนั้น ร่างสูงก็ตวัดร่างของเธอขึ้นพาดบ่า ก่อนจะสาวเท้าฉับๆ ไปที่เตียงหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องนอน เขาวางร่างของเธอลงบนฟูกนุ่มอย่างไร้การทะนุถนอมอย่างที่ควรจะเป็น ฟลอเรนซาถึงกับจุกจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ และจังหวะนั้นคนที่สูงกว่าก็ตามขึ้นมาบนเตียง ยกตัวขึ้นเหนือร่างของเธอ ตรึงข้อมือเล็กทั้งสองข้างให้แนบไปกับฟูกนุ่ม
“คุณเอริคจะทำอะไรคะ”
ฟลอเรนซาร้องถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ดวงตาคู่สวยไหวระริก ลำคอของหญิงสาวแห้งผากตอนที่เห็นนัยน์ตาสีฟ้าเต็มไปด้วยความกระด้างและดูเย็นชาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ผมบอกแล้วไงว่านอนกับผม แล้วผมจะให้ในสิ่งที่คุณต้องการ ผมขอแค่สามวันเท่านั้น แลกกับของมูลค่ามหาศาลขนาดนั้น อย่างไรคุณก็คุ้ม แค่ปรนเปรอผมแค่สามวัน”
“ไม่เอานะคะอื้อ…”
ฟลอเรนซาร้องบอกได้เพียงเท่านั้น ริมฝีปากได้รูปก็กดลงบนเรียวปากอวบอิ่มอย่างดุดัน หญิงสาวต่อต้านโดยการเม้มเรียวปากเข้าหาแน่นตอนที่คนเหนือร่างพยายามสอดปลายลิ้นอุ่นร้อนเข้ามาในโพรงปากของเธอ แต่สุดท้ายความพยายามของเธอก็ไร้ผล เพราะสุดท้ายอีกฝ่ายก็สอดปลายลิ้นเข้ามาในโพรงปากของเธอได้สำเร็จ
เอริคกวาดชิมความหวานจากโพรงปากอ่อนนุ่มอย่างเรียกร้องเอาแต่ใจ ใบลิ้นหนาตวัดรัดรึงกับปลายลิ้นเล็กที่พยายามหดหนี แต่สุดท้ายความเชี่ยวชาญที่อีกฝ่ายมีเหนือกว่าทำให้ในหัวของฟลอเรนซาเริ่มหมุนคว้าง ขณะที่เอริคยังคงตักตวงความหวานจากโพรงปากนุ่มอย่างไม่ยอมลดละ เขาพรากลมหายใจจากหญิงสาวอย่างดุดัน มอบจุมพิตดิบเถื่อนเร่าร้อนมากกว่าครั้งไหนๆ ทว่าตอนที่เขาละริมฝีปากจากกลีบปากนุ่มแล้วเลื่อนมาแตะต้องที่ใบหูขาวสะอาดแทน ฟลอเรนซาได้โอกาสดึงสติที่หลงเหลือเพียงน้อยนิดกลับมาแล้วรีบร้องปราม
“คุณเอริคหยุดนะคะ คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
ฟลอเรนซาร้องบอกเสียงสั่น ดวงตาคู่สวยไหวระริกตอนที่อีกฝ่ายยอมละริมฝีปากจากใบหูของเธอแล้วเคลื่อนใบหน้ากลับมาสบตากัน
“คุณไม่สิทธิ์ห้ามผมฟลอนซ์ ในเมื่อคุณเป็นคนเลือกเอง”
“ฟลอนซ์เปล่าอื้อ…”
เป็นอีกครั้งที่ฟลอเรนซาร้องปฏิเสธได้เพียงเท่านั้น ริมฝีปากได้รูปก็กดลงบนริมฝีปากของเธอ ฟลอเรนซาดิ้นขลุกขลักพยายามให้ตัวเองได้รับอิสรภาพกลับคืนมา ทว่าความพยายามของเธอก็เป็นได้แค่ความพยายาม เพราะนอกจากหญิงสาวจะไม่ได้รับอิสรภาพแล้ว เรือนกายสูงใหญ่ยังพันธนาการร่างกายของเธอแน่นขึ้น ร่างสูงกดทับเรือนกายของเธอจนแทบจะจมหายไปกับฟูกนุ่ม ก่อนที่เขาจะใช้มือข้างหนึ่งปลดเปลื้องชุดนอนตัวสวยออกจากตัวเธอ
“อย่านะคะ”
ฟลอเรนซาร้องปรามได้เพียงเท่านั้น ชุดนอนตัวสวยก็ถูกกระชากออกไปจากตัว ผ้าชิ้นเล็กอีกสองชิ้นที่ปกปิดร่างกายด้านในเอาไว้ก็ถูกเขากระชากออกไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก กล้ามเนื้อในอกซ้ายเต้นถี่รัวจนเจ็บอก ความหวาดหวั่นเกาะกุมหัวใจของเธอจนน่ากังวล เนื้อตัวก็สั่นเทาอย่างน่าเห็นใจ
ทว่าคนเหนือร่างกลับไร้เมตตา
เอริคเลื่อนใบหน้าหล่อเหลาลงมาซุกซบที่ทรวงอกอวบอิ่ม ริมฝีปากได้รูปแตะลงบนยอดอกสีหวาน ก่อนจะงับเอาเข้าไปในโพรงปาก ดูดดื่มราวกับทารกที่กำลังหิวกระหาย เมื่อถูกคนเหนือร่างปลุกเร้ามากๆ เข้า สมองของฟลอเรนซาก็เริ่มหมุนคว้าง ร่างเล็กบิดเร่าเพราะถูกความหวามไหวโจมตีอย่างหนักหน่วง ตอนนี้มือทั้งสองข้างของหญิงสาวได้รับอิสรภาพแล้ว ทว่าหญิงสาวกลับไม่ได้ผลักไสร่างสูงให้พ้นตัวอย่างที่ควรจะเป็น มือบางทั้งสองข้างจับที่บ่าแกร่ง จิกปลายเล็บลงบนไหล่แข็งแรงผ่านเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เอริคสวมเอาไว้ หญิงสาวหยัดกายขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้อีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว