“ฮึ คุณแน่ใจจริงๆ อย่างนั้นเหรอฟลอนซ์ว่าผมเป็นคนนอก”
“ใช่ค่ะ คุณเป็นคนนอก ไม่เกี่ยวอะไรกับครอบครัวของฉันทั้งนั้น แล้วกรุณาอย่าเรียกฉันอย่างสนิทสนมแบบนั้น ฉันชื่อฟลอเรนซา โปรดเข้าใจไว้ด้วยนะคะคุณฟรีเดล”
“ฮึ” เอริคแค่นเสียงขึ้นจมูก คิ้วหนาข้างหนึ่งยกขึ้นสูง ริมฝีปากได้รูปเหยียดยิ้มอย่างกวนอารมณ์ ก่อนที่เขาจะเปิดปากโต้ตอบกลับอย่างเผ็ดร้อน
“แล้วเมื่อก่อนใครกันที่ออดอ้อนให้ผมเรียกอย่างสนิทสนมแบบนั้น”
“นั่นมันเป็นแค่อดีต และตอนนี้มันจะไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่”
ฟลอเรนซาตอบกลับอย่างชัดถ้อยชัดคำ ร่างเล็กพยายามขัดขืนดิ้นรนอีกครั้ง แต่ความพยายามของหญิงสาวยังคงไม่เป็นผลเช่นเดิม ดวงตาคมกริบมองเธอด้วยสายตาดุดันทว่าริมฝีปากได้รูปกลับเหยียดยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นผมควรพาคุณรำลึกเหตุการณ์ในอดีตระหว่างเราดีไหม”
“ไม่ อย่ามายุ่งกับฉัน”
ฟลอเรนซาบอกเสียงขุ่น แต่เพราะร่างกายของหญิงสาวถูกพันธนาการเอาไว้ จึงไม่อาจทำอะไรไปได้มากกว่าการใช้วาจาโต้ตอบคนสูงกว่ากลับไป
“ปล่อยฉันสิ ฉันบอกให้ปล่อยไง”
“พูดจาให้น่ารักหน่อยสิฟลอนซ์”
“ฉันบอกว่าอย่ามาเรียกฉันอย่างสนิทสนมแบบนั้นไง ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”
ฟลอเรนซายังคงขัดขืนดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่พอหญิงสาวทำแบบนั้น เอริคก็ยิ่งกอดรัดร่างเล็กแน่นขึ้นจนหญิงสาวเริ่มหายใจไม่สะดวก
“ไม่ปล่อย”
เอริคเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นตอนที่โต้ตอบกลับ ริมฝีปากได้รูปเหยียดยิ้มอย่างกวนอารมณ์ ฟลอเรนซามองใบหน้าหล่อเหลาอย่างเจ็บใจ
“ฉันจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง จะปล่อยหรือไม่ปล่อย”
“ไม่”
“เอาอย่างนั้นก็ได้”
ฟลอเรนซาบอก แม้ร่างกายส่วนบนจะถูกพันธนาการเอาไว้ แต่แน่นอนว่าร่างกายส่วนล่างไม่ได้ถูกพันธนาการเอาไว้ด้วย เท้าเล็กกระแทกลงบนเท้าของเอริคอย่างเต็มรัก โดนส้นสูงเข้าไปเต็มเปาแบบนั้น เอริคถึงกับร้องโอดครวญพลางสูดปาก
“แสบนักนะฟลอนซ์”
วงแขนแข็งแรงปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระ ดวงตาคมกริบมองใบหน้าหวานซึ้งอย่างคาดโทษ ฟลอเรนซาไม่ยี่หระ หญิงสาวเหยียดยิ้มใส่ ก่อนจะรีบสาวเท้าไปที่โต๊ะทำงาน หยิบสเปรย์พริกไทยออกมาแล้วยื่นไปข้างหน้าในท่าเตรียมพร้อมจะพ่นสเปรย์พริกไทยใส่หน้า หากอีกฝ่ายยังไม่ยอมเลิกคุกคามเธอ
“ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันพ่นสเปรย์พริกไทยนี่ใส่หน้าคุณแน่”
ฟลอเรนซาขู่ฝ่อ ทว่าเอริคกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวเลยสักนิด ใบหน้าหล่อเหลากระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะขยับเท้าเข้ามาหาคนตัวเล็กกว่าอย่างใจเย็น
“ฉันทำจริงๆ นะ”
ฟลอเรนซาร้องบอกอีกครั้ง ทว่าตอนนี้ร่างเล็กกลับเป็นฝ่ายขยับถอยหนีเมื่ออีกฝ่ายไม่เกรงกลัวในสิ่งที่เธอข่มขู่ ซ้ำยังขยับเท้าเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น จนระยะห่างระหว่างกันเหลือเพียงไม่ถึงหนึ่งช่วงตัว
“ก็เอาสิฟลอนซ์ ถ้าคุณอยากทำร้ายพ่อของลูกคุณ ก็เอาเลย”
“ฉันบอกแล้วไงว่าที่นี่ไม่มีลูกของคุณ ออกไปเดี๋ยวนี้”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมจะไปก็ต่อเมื่อคุณบอกผมมาก่อนว่าพ่อของเอเดรียนเป็นใคร”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
ฟลอเรนซาเน้นย้ำทีละคำตอนที่โต้ตอบกลับไป ทว่าอีกฝ่ายกลับยกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาคมกริบมองมาที่เธออย่างดูแคลน
“ฮึ ห้าปีก่อนคุณเป็นยังไง ตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างกันเลยสักนิดเลยนะฟลอนซ์”
“คุณหมายความว่าไง” ฟลอเรนซาตวัดเสียงถาม
“ช่างวางแผน โกหก หลอกลวง เห็นแก่ตัว”
กลีบปากนุ่มเม้มเข้าหากันแน่น ดวงตาคู่สวยมองนัยน์ตาคมกริบที่มองเธอด้วยสายตาดูแคลนอย่างตัดพ้อ ก่อนจะแผดเสียงใส่อีกฝ่ายดังลั่น
“ถ้าอย่างนั้นก็ออกไป อย่ามายุ่งกับฉัน”
เอริคเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นสูง มือหนาทั้งสองข้างสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เหยียดยิ้มร้ายยามที่มองร่างเล็กตรงหน้า ชายหนุ่มไม่ได้มีท่าทีเดือดร้อนกลับดวงตาคู่สวยที่กำลังวาววับ
“ผมไม่ไป”
เอริคเน้นย้ำทีละคำ ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองฟลอเรนซาด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ กลีบปากนุ่มเม้มเข้าหากันแน่น ขึงตาโตมองคนที่สูงกว่าที่กำลังไหวไหล่อย่างกวนอารมณ์
“คุณมัน…”
“ผมมันทำไมเหรอครับ”
เอริคแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มและสุภาพ ทว่าฟลอเรนซาทราบดีว่าคนตรงหน้ากำลังเสแสร้ง เมื่อเขาทำให้เธอไร้ทางเลือก เธอก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจคนตรงหน้าอีกต่อไป ปลายนิ้วเรียวกำลังจะกดขวดสเปรย์พริกไทยเพื่อพ่นใส่อีกฝ่าย ทว่าเอริคไวกว่า ร่างสูงขยับเท้าเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว แย่งขวดสเปรย์พริกไทยไปจากเธอแล้วโยนไปที่มุมห้อง ก่อนจะใช้ความได้เปรียบของสรีระดันร่างเล็กให้จนมุม แผ่นหลังบอบบางกระแทกเข้ากับผนังเย็นเฉียบ ก่อนที่ร่างสูงจะทาบมือลงบนผนัง แล้วกักร่างเล็กเอาไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงต่ำ พลางกระซิบบอกแทบจะชิดเรียวปากอวบอิ่มด้วยน้ำเสียงยียวนชวนโมโห
“คิดจะทำร้ายผมอีกงั้นเหรอฟลอนซ์ คุณไม่มีทางทำมันได้สำเร็จหรอก แค่ครั้งเดียวมันก็มากเกินพอแล้ว”
เอริคแค่นยิ้ม มองฟลอเรนซาที่ตัวสั่นเทาและกำลังส่ายหน้าปฏิเสธอย่างดูแคลน ก่อนที่เอริคจะค่อยๆ ยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ขณะที่ดวงตาคมกริบยังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเนียนใส
“ฮึ โอเค คุณไม่ต้องบอกก็ได้ว่าใครเป็นพ่อของเอเดรียน”
“...”
“แต่ผมขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่า…”
“...”
“ผมจะพาเอเดรียนไปกับผม และคุณก็ไม่มีทางห้ามผมได้แน่”
“ฉันไม่ยอม เอเดรียนเป็นลูกของฉัน”
“งั้นเหรอ” เอริคเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นแล้วดันลิ้นไปข้างกระพุ้งแก้มอย่างยียวน “แต่ผมเป็นพ่อ ผมจะพาเอเดรียนไปกับผมด้วย ไม่ว่าคุณจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม”