บทที่ 3-3

1663 คำ
ใบหน้าหล่อเหลาแค่นยิ้ม มองฟลอเรนซาที่กำลังส่ายหน้าอย่างไม่ยอมรับด้วยสายตาวาววับ ก่อนที่ร่างสูงจะก้าวออกจากห้องไป เอริคไม่ลืมทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่เจ็บแสบ “ส่วนแม่ของลูก” “...” “ผมไม่ต้องการ” กล่าวจบร่างสูงก็สาวเท้าออกจากห้องไปทันที ปล่อยให้เจ้าของห้องมองตามแผ่นหลังกว้างไปจนลับสายตา แผ่นหลังบอบบางพิงเข้ากับผนังห้อง ก่อนจะค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาคู่สวยขังคลอไปด้วยหยาดน้ำตา หญิงสาวจุกแน่นในอกจนแทบจะหายใจไม่ไหว กลีบปากนุ่มเม้มเข้าหากันแน่น ร่างเล็กกลืนก้อนสะอื้นที่ตีตื้นขึ้นมาอยู่ที่ลำคออย่างยากลำบาก ก่อนที่มือเล็กจะยกขึ้นเกลี่ยน้ำตาอย่างลวกๆ พลางขยับตัวลุกขึ้นยืนแล้วทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้อย่างอ่อนแรง แต่ถึงกระนั้นเธอก็จะไม่ยอมให้เขาเอาลูกไปจากเธอเป็นอันขาด เธอต้องเข้มแข็ง เธอควรทำแบบนั้น ฟลอเรนซาเน้นย้ำกับตัวเอง หลังมือบางยกขึ้นเช็ดน้ำใสๆ ที่ขังคลอที่หน่วยตาอีกครั้ง แล้วพยายามโฟกัสอยู่ที่การออกแบบเครื่องประดับที่ทำค้างเอาไว้ แม้ว่าภาพของเอริคจะยังคงวนเวียนเข้ามาในหัวของเธอแทบตลอดเวลาก็ตามที เอริคทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตัวหรูของห้องพักในโรงแรมอย่างกระแทกกระทั้น ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึม กรามแกร่งบดเข้าหากันแน่นจนเป็นสันนูน ครู่หนึ่งก็ลุกพรวดพราดไปที่มุมบาร์เล็กๆ ในห้อง ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้บาร์ หยิบแก้วใสก้านสั้นแล้วเทน้ำสีอำพันลงไปในนั้นเกือบครึ่ง ยกขึ้นกระดกรวดเดียวหมดก่อนจะวางแก้วเปล่าลงบนเคาน์เตอร์ มือหนายังกำรอบแก้วเอาไว้แน่น ขณะที่ดวงตาสีฟ้ายังคงวาวโรจน์ คิ้วหนาที่พาดเหนือดวงตาเรียวรีขยับเข้าหากันจนแทบจะเป็นปม ยามที่นึกถึงดวงหน้าหวานซึ้งที่คุ้นเคย ‘คุณใจร้ายมากฟลอนซ์’ เอริคคิดในใจ ก่อนจะเทน้ำสีอำพันลงไปในแก้วที่ยังคงกำเอาไว้แน่นอีกครั้ง ยกขึ้นกระดกรวดเดียวหมด นัยน์ตาสีฟ้าฉายแววมุ่งมั่นมากกว่าครั้งไหนๆ “ผมคงใจดีกับคุณมากเกินไปฟลอนซ์ ต่อจากนี้ผมจะไม่ปล่อยให้คุณได้อยู่อย่างสบายอกสบายใจทั้งที่ผมต้องจมอยู่กับความทุกข์มาหลายปี” “ผมเปลี่ยนใจแล้ว” “...” “ลูกต้องไปกับผม” “...” “คุณก็ด้วย” ฟลอเรนซากลับมาที่คฤหาสน์ลิลลี่ตอนเกือบๆ สองทุ่ม พี่เลี้ยงของเอเดรียนโทร.มาบอกว่าเด็กชายตัวน้อยเข้านอนเรียบร้อยแล้ว และยังแจ้งกับเธอด้วยว่ามีแขกมารอพบ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร เพราะคนที่มารอพบไม่ยอมบอกชื่อ นอกจากแสดงเจตจำนงค์ว่าต้องการพบเธอเพียงเท่านั้น ‘หวังว่าจะไม่ใช่เขาหรอกนะ’ ใบหน้าเนียนใสเต็มไปด้วยความกังวล นัยน์ตาสีเทาอ่อนฉายชัดว่ากำลังหวาดหวั่น หญิงสาวเกรงว่าคนที่มารอพบจะเป็นเอริค เพราะเขาตามไประรานเธอถึงที่ร้าน ร่างเล็กก้าวเข้ามาในตัวตึกสีขาวหลังใหญ่ หยุดเท้าที่ห้องโถง ดวงตาคู่สวยมองไปที่โซฟา เห็นเพียงแค่ศีรษะและแผ่นหลังบางส่วนของคนที่นั่งหันหลังอยู่ตรงนั้น กล้ามเนื้อในอกซ้ายของหญิงสาวก็เต้นเร็วขึ้น ลมหายใจของหญิงสาวกระชั้นถี่ ดวงตาคู่สวยไหวระริกอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้ “คุณเอริค!” คนถูกเรียกเหยียดยิ้มมุมปาก ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นเต็มความสูง แล้วหันมาเผชิญหน้ากับเธอ “พอดีผมเบื่อที่ต้องนอนโรงแรม ผมอยากจะขอมาพักที่บ้านของคุณ หวังว่าคุณคงไม่ว่าอะไร” ฟลอเรนซาพ่นลมหายใจพรืดใหญ่ออกมาอีกครั้ง ร่างบอบบางสาวเท้ามาหยุดตรงหน้าเอริคที่กำลังยืนเอามือล้วงกระเป๋าแล้วเลิกคิ้วมองเธออย่างกวนอารมณ์ “ฉันไม่อนุญาตค่ะ เชิญคุณกลับไปได้แล้ว” “ชู่ว์” เอริคยกนิ้วชี้มือขวาขึ้นแนบริมฝีปากของตัวเอง ทว่านัยน์ตาคมกริบยังคงจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้าเนียนใสของฟลอเรนซา “ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คุณไม่ควรปฏิเสธผม” “ทำไม” ฟลอเรนซาถามเสียงแข็ง เอริคมองคนตัวเล็กกว่า รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปากก่อนที่เขาจะตอบเธอ “คุณจำไม่ได้แล้วงั้นเหรอว่าตอนที่คุณไปนิวยอร์ก ผมเป็นคนให้ที่พักแก่คุณ ดูแลคุณเป็นอย่างดี และผมก็ไม่อยากนอนโรงแรมคนเดียว” พอเอริคตอบออกมาแบบนั้น บทสนทนาระหว่างเขากับเธอในอดีตก็ลอยเข้ามาในหัว “คือฟลอนซ์ไม่อยากนอนโรงแรมคนเดียวน่ะค่ะ ฟลอนซ์ว่าฟลอนซ์บินกลับโรมก่อนดีกว่าค่ะ ไว้เพื่อนของ ฟลอนซ์ว่าง แล้วค่อยนัดกันใหม่ดีกว่า” “เอาอย่างนี้ดีไหมครับ คุณฟลอนซ์เพิ่งจะมาถึง กลับไปเฉยๆ คงเสียเที่ยวแย่ ถ้าไม่รังเกียจมาพักที่บ้านผมได้นะครับ ผมอยู่…” “ขอบคุณนะคะ” เอริคเหยียดยิ้มเมื่อเห็นคิ้วสวยขมวดเข้าหากันจนแทบจะเป็นปม เขามั่นใจว่าหญิงสาวต้องจำคำพูดของตัวเองในอดีตได้แน่ หรือต่อให้เธอลืม เขาก็จะเป็นคนบอกเธอเองว่าเธอเคยพูดอะไรเอาไว้บ้าง “ถ้าคุณต้องการทวงบุญคุณแล้วละก็ บอกมาว่าคุณต้องการเงินเท่าไร ฉันจะเขียนเช็คให้เดี๋ยวนี้” ฟลอเรนซาทำท่าจะล้วงสมุดเช็คออกมาจากกระเป๋าแต่เอริคปรามเธอเอาไว้ “ผมไม่ได้ต้องการเงินฟลอนซ์” “แล้วคุณต้องการอะไร ถ้าคุณต้องการเอเดรียน บอกเลยว่าไม่มีทาง ฉันไม่ยอม เอเดรียนเป็นลูกของฉัน” เอริคกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อฟลอเรนซาพูดออกมาแบบนั้น “ใจเย็นหน่อยสิฟลอนซ์ เดี๋ยวคนในบ้านก็ตื่นกันพอดี” “ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้น เอเดรียนเป็นลูกชายของฉัน และตอนนี้คุณก็ควรออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว” “ไม่เอาน่าฟลอนซ์ ใจเย็นๆ หน่อย” เอริคบอกพร้อมๆ กับที่เขาถือวิสาสะยึดข้อมือเล็กข้างหนึ่งเอาไว้ ฟลอเรนซาขึงตาโตมองคนที่สูงกว่า พลางบิดข้อมือ ทว่ากลับไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของอีกฝ่ายได้ “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ คุณไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้” “ผมจะปล่อย แต่คุณต้องฟังผมพูดให้จบก่อน โอเค๊” ทั้งคู่ต่างจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของกันและกัน ฟลอเรนซาชั่งใจดูแล้วว่าหากเธอไม่ฟังเขา เขาก็คงไม่ยอมปล่อยเธอ หญิงสาวจำต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจนัก “โอเค คุณจะพูดอะไรก็พูดมา แล้วก็ปล่อยฉันได้แล้ว” เอริคปล่อยมือของหญิงสาวทันทีเมื่ออีกฝ่ายรับปาก แม้จะดูไม่เต็มใจนัก แต่ชายหนุ่มไม่สน เพราะสิ่งที่เขาสนก็คือความต้องการของตัวเองเท่านั้น “ผมไม่ได้จะมาแย่งลูกไปจากคุณ ผมแค่อยากอยู่ใกล้ชิดลูกบ้างก็เท่านั้น” “แต่เอเดรียนไม่ใช่…” “อย่าปฏิเสธฟลอนซ์ ความจริงก็คือความจริง ผมไม่อยากต้องพาลูกไปตรวจดีเอ็นเอ แต่ถ้าคุณต้องการให้มันเป็นแบบนั้นผมก็ยินดี เพราะผลการตรวจจะเป็นหลักฐานชั้นดีที่ผมจะมีสิทธิ์ในตัวเอเดรียน” เอริคจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่กำลังไหวระริก เรียวปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น ทว่าก่อนที่หญิงสาวจะทันได้พูดอะไร เอริคก็ชิงเอ่ยออกมาก่อน” “เอาเป็นว่าผมขอโทษก็แล้วกันที่ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าจะแย่งลูกไปจากคุณ ผมมาคิดๆ ดูแล้ว ผมไม่ควรทำแบบนั้น แต่คุุุณก็ต้องยอมรับในข้อหนึ่งว่า ผมกับลูกควรมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันบ้าง ผมไม่คิดจะอยู่ที่นี่ไปตลอดหรอกน่า ผมมีบ้าน มีครอบครัว มีกิจการที่ต้องดูแล ยังไงผมก็ต้องกลับไปอยู่ดี” ฟลอเรนซาเข้าใจทั้งหมดที่เอริคพูดออกมา แต่สิ่งประโยคหนึ่งที่ทำให้หญิงสาวสะเทือนใจไม่น้อยนั่นก็คือคำว่า มีครอบครัว ‘ใช่สิ ภรรยาของเขาคงจะรอเขาอยู่ เขาคงจะอยู่ที่นี่ไม่นานนักหรอก’ ฟลอเรนซาข่มความรวดร้าวเอาไว้ในอก หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดไปเฮือกใหญ่ก่อนจะให้คำตอบแก่คนตรงหน้า “ถ้าคุณรับปากแบบนั้น ฉันก็โอเค และฉันหวังว่าคุณจะรักษาคำพูดของตัวเอง ไม่คิดเปลี่ยนใจทีหลัง เพราะฉันไม่มีทางยอมแน่” “ต้องไม่อยู่แล้ว ผมรักษาคำพูดของตัวเองเสมอ” “ถ้าอย่างนั้นก็ตามฉันมาค่ะ ฉันจะพาคุณไปที่ห้องพัก” “โอเค” เอริครับคำเสียงนุ่มจนฟลอเรนซาถึงกับมองค้อนเพราะอาการดีใจจนออกนอกหน้า ก่อนที่เอริคจะรีบปรับสีหน้าให้ราบเรียบพลางยกคิ้วมองอีกฝ่ายเป็นเชิงถาม ฟลอเรนซาทิ้งสายตาที่ใบหน้าหล่อเหลาอีกแวบหนึ่ง ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำขึ้นบันได้วนเป็นก่อน เอริคมองตามแผ่นหลังบอบบาง มือหนาเอื้อมไปหยิบกระเป๋าสัมภาระของตนเองขึ้นมาสะพายบนบ่าข้างหนึ่ง แล้วสาวเท้าเดินตามฟลอเรนซาไป ในใจคิดอย่างมาดหมาย ‘ผมไม่ได้คิดจะแย่งลูกไปจากคุณแล้วฟลอนซ์ แต่ผมคิดจะพาทั้งแม่และลูกไปอยู่กับผมด้วยต่างหาก ไม่ว่าคุณจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม