“เดี๋ยวก่อนไอรา”
“คะคุณปู่” ไอรารีบขยับเท้ามาใกล้บรูซทันที
“โทร.หาเรเชลให้ปู่หน่อย”
“พี่เรเชลเหรอคะ”
“ใช่ บอกให้มาหาปู่ตอนนี้เลย”
“ค่ะ”
แม้จะแปลกใจอยู่มาก ทว่าไอราก็รับคำอย่างกระตือรือร้น หญิงสาวรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนพื้นขึ้นมา กดที่หน้าจออยู่ชั่วครู่ โชคดีที่มันยังคงใช้การได้ หญิงสาวจึงไม่รีรอที่จะกดโทร.ออก เพียงไม่นานปลายสายก็กดรับ
“ฮัลโหล”
“สวัสดีค่ะพี่เรเชล ไอราเองนะคะ”
“ไอราเหรอ โทร.หาพี่มีอะไรหรือเปล่า”
“คุณปู่ต้องการให้พี่เรเชลมาพบตอนนี้เลยค่ะ”
“ตอนนี้เลยเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“โอเค บอกคุณบรูซด้วยว่าพี่จะเข้าไปพบท่านเดี๋ยวนี้”
“ค่ะ”
พอเรเชลรับคำไอราจึงกดวางสาย หญิงสาวหันไปหาบรูซที่กำลังมองมาที่เธออย่างรอคอยคำตอบ
“เรเชลว่าไงบ้าง”
“พี่เรเชลบอกว่าจะรีบมาพบคุณปู่เดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
“ดี” บรูซคลี่ยิ้มออกมาได้ “ไอรามีอะไรจะทำก็ไปทำเถอะ ปู่อยากพักผ่อน แล้วถ้าเรเชลมา ฝากพาเรเชลมาหาปู่หน่อยก็แล้วกัน ปู่อยากคุยกับเรเชลเป็นการส่วนตัว”
“ได้ค่ะคุณปู่”
ไอรารับคำแล้วเดินออกจากห้องไป บรูซมองตามแผ่นหลังของหลานสาวบุญธรรมไปจนลับสายตา ทอดสายตาไปเบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
เขาจะไม่ยอมให้ฟลอเรนซาเข้ามาเหยียบในคฤหาสน์ฟรีเดลอีกเป็นอันขาด
ไม่มีทาง
คิ้วหนาที่พาดเหนือดวงตาเรียวรีขยับเข้าหากันจนแทบจะเป็นปม เมื่อจู่ๆ สายสนทนาระหว่างเขากับบรูซถูกตัดไปเสียดื้อๆ พอเขาโทร.กลับก็โทร.ไม่ติด เอริคจึงเดินมาที่เตียงหลังใหญ่ วางโทรศัพท์มือถือลงบนนั้น คิดเอาเองว่าหากมีเรื่องเร่งด่วนไอราคงติดต่อมาอีกครั้ง พอคิดได้แบบนั้นเอริคจึงไปหยิบเสื้อผ้าสำหรับใส่นอนออกมาจากกระเป๋า หยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนใหญ่ขึ้นมาแล้วสาวเท้าเข้าห้องน้ำไป
ฟลอเรนซาอยู่ในชุดนอนแบบสายเดี่ยวผ้าลื่น ความยาวของชายกระโปรงเหนือเข่าเล็กน้อย ร่างบอบบางสาวเท้ามาที่ตู้บิลด์อิน หยิบเสื้อคลุมแขนยาวขึ้นมาสวมใส่ เท้าเล็กขยับไปทางประตูเชื่อมเดินทะลุไปยังห้องนอนของเอเดรียน ก่อนจะหยุดเท้าที่ข้างเตียงของเด็กชายตัวน้อยที่กำลังหลับสนิท ฟลอเรนซาทิ้งตัวลงนั่งบนฟูกนุ่ม มือบางลูบที่ศีรษะของบุตร
ชายแผ่วเบา สีหน้าแสดงออกว่ากำลังกังวลอยู่หลายส่วน แม้เอเดรียนจะไม่เคยเรียกร้องอยากเจอบิดา ทว่าเธอรับรู้ได้ว่า เอเดรียนต้องการเจอคนเป็นพ่อบ้าง หลายครั้งที่เธอเห็นบุตรชายของเธอมองเด็กๆ ที่มาพร้อมบิดาและมารดา มีคนเป็นบิดาคอยโอบอุ้ม สีหน้าของลูกชายของเธอหม่นแสงลงอย่างน่าเห็นใจ และเธอก็หวังว่าเอเดรียนคงเข้าใจ เมื่อถึงวันที่เอริคต้องกลับนิวยอร์ก
ใช่
เธอควรต้องคุยกับเอริคในเรื่องนี้
พอคิดได้แบบนั้น ฟลอเรนซาจึงกดจูบลงบนหน้าผากของเอเดรียน ก่อนที่ร่างบอบบางจะขยับลุกขึ้นยืน ทิ้งสายตาที่เด็กชายตัวน้อยที่กำลังหลับสนิทอีกครู่หนึ่งแล้วขยับเท้าออกจากห้องไป
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก…
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก…
ฟลอเรนซาเคาะประตูห้องของเอริค ทว่ากลับไร้การตอบรับจากคนที่อยู่ด้านใน คิ้วสวยขมวดมุ่น มือบางยกขึ้นจับลูกบิดประตูแล้วลองขยับดู เมื่อพบว่าไม่ได้ล็อก จึงถือวิสาสะเปิดประตูแล้วพาตัวเองเข้าไปในห้อง ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆ ทว่าไม่พบร่างสูงอย่างที่ควรจะเป็น มีเพียงกระเป๋าสัมภาระกับโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนเตียงเท่านั้น
“หายไปไหนของเขา”
ฟลอเรนซาบ่นพึมพำ หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง ก่อนจะหยุดสายตาที่ประตูห้องน้ำที่ปิดสนิท เลยเดาเอาว่าเอริคคงอยู่ในห้องน้ำ พอคิดได้แบบนั้นจึงตัดสินใจขยับเท้าตั้งใจจะออกจากห้องไปก่อนแล้วค่อยมาพบอีกฝ่ายทีหลัง แต่เท้าเล็กขยับได้เพียงแค่สองก้าวก็ต้องชะงักอยู่ตรงนั้น เพราะเสียงประตูถูกปลดล็อกดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงทุ้มต่ำที่เธอคุ้นเคย
“เดี๋ยวฟลอนซ์ มาหาผมมีธุระอะไรหรือเปล่า”
ฟลอเรนซาหมุนตัวกลับมามอง ทว่าทันทีที่เห็นเอริคในสภาพที่ไม่เรียบร้อยนัก ร่างสูงมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่พันรอบสะโพกสอบเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ มีผ้าเช็ดตัวผืนเล็กพาดไว้บนบ่าข้างหนึ่ง เส้นผมสีน้ำตาลทองยังดูไม่แห้งสนิท หยดน้ำบางส่วนไหลลงบนเรือนกายสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างพอดิบพอดีไม่มากไม่น้อย ใบหน้าเนียนใสเห่อร้อนขึ้นมาฉับพลัน หญิงสาวปิดเปลือกตาแน่นแล้วรีบหมุนตัวหันกลับมาทางเดิม
“ฉันมีธุระจะคุยกับคุณค่ะ แต่ไว้ฉันค่อยมาใหม่ก็แล้วกัน”
ฟลอเรนซาบอกเพียงเท่านั้นแล้วรีบขยับเท้า แต่ร่างบอบบางไม่ทันได้ก้าวออกจากห้อง เอริคก็สาวเท้ามาขวางทางเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหน”
เอริคเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ดวงตาคมกริบจับจ้องที่ดวงหน้าของหญิงสาว ทว่าพอได้เห็นพวงแก้มทั้งสองข้างขึ้นสีเรื่อและไม่ยอมมองหน้าเขา เอริคจึงเข้าใจได้ในทันที มุมปากหยักยกยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนรอยยิ้มจะเลือนหายไปราวกับไม่เคยปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลามาก่อน