“ผมเข้าใจแล้ว”
“เข้าใจอะไรคะ”
ฟลอเรนซาแหงนหน้าขึ้นถามคนที่สูงกว่าอย่างเผลอตัว ลืมความเก้อเขินไปชั่วขณะ เธอยังไม่ทันได้พูดธุระของเธอเลยสักนิด แล้วคนตรงหน้าบอกว่าเข้าใจได้อย่างไรกัน
“คิดถึงผมละสิ ถึงได้เข้ามาในห้องผมดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้”
ดวงตาคู่สวยวาววับตอนที่ประโยคดังกล่าวออกมาจากริมฝีปากได้รูป ฟลอเรนซามองค้อนคนสูงกว่าที่กำลังแสดงสีหน้ายียวนราวกับต้องการจะป่วนประสาทเธอ และใช่ เขาทำมันสำเร็จ เธอพลาดเองที่ร้อนใจจนเกินควร เลยรีบมาพบเขาแบบปัจจุบันทันด่วนเช่นนี้
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
ฟลอเรนซาเลี่ยงที่จะต่อปากต่อคำกับเอริค หญิงสาวมองอีกฝ่ายเป็นเชิงขอทางให้เธอได้ก้าวออกไปนอกห้อง ทว่าคนที่สูงกว่ากลับไม่ยอมหลีกทางให้เธอ
“หลีกไปสิคะ”
สุดท้ายฟลอเรนซาต้องขอร้องเอริคแม้จะไม่เต็มใจนัก ดวงตาคู่สวยตวัดสายตามองคนสูงกว่าอย่างขุ่นเคือง คิ้วหนาข้างหนึ่งยกขึ้นสูงมองมาที่เธอชวนให้โมโห แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ไหวไหล่เบาๆ แล้วเบี่ยงตัวเพื่อหลีกทางให้เธอ
“โอเค”
“ขอบคุณ”
ฟลอเรนซาบอกด้วยน้ำเสียงที่ติดจะกระแทกกระทั้น ทว่าจังหวะที่เท้าเล็กขยับเดิน เอริคก็ยื่นขามาขวางทางเธอ ฟลอเรนซาคงหน้าขะมำไปแล้ว ถ้าไม่มีวงแขนแข็งแรงของเอริคมาคว้าร่างของเธอเอาไว้ แต่ไม่ใช่เพราะเขาหรอกหรือ เธอถึงได้เกือบหน้าขะมำแบบนั้น เรียวปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นอย่างเจ็บใจ พอเธอจะผละออกจากวงแขนแข็งแรง เอริคที่โอบกอดเอวบางเอาไว้กลับไม่ยอมปล่อยเธอ
“ปล่อยฉันนะคะ คุณทำแบบนี้ทำไม”
ฟลอเรนซาแหงนเงยใบหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงตีหน้านิ่งขรึมพลางถามอีกฝ่ายเสียงขุ่น ทว่าเอริค กลับเลิกคิ้วแล้วจ้องเธอกลับ ราวกับกำลังไม่เข้าใจในสิ่งที่หญิงสาวต้องการจะสื่อ
“ผมทำอะไรกันฟลอนซ์”
“ก็คุณเอาขามาขัดขาฉันทำไมคะ หน้าฉันเกือบขะมำแล้วไม่เห็นหรือไง”
“เห็น แต่ผมก็คว้าร่างของคุณเอาไว้ได้ทันนี่ ไม่เห็นหรือไง”
เอริคตอบกลับอย่างยียวน ชายหนุ่มยังคงตีหน้านิ่งเฉกเช่นเดิม ฟลอเรนซาขึงตามองเขา ทว่าอีกฝ่ายยังทำทีไม่รู้ไม่ชี้เช่นเดิม ลมหายใจพรืดใหญ่ถูกพ่นออกมาจากร่างเล็ก หญิงสาวยกมือขึ้นทาบลงบนแผ่นอกเปลือยเปล่า ออกแรงดันให้เขาปล่อยเธอ เพราะชั่งใจดูแล้วว่าคงป่วยการที่จะโต้เถียงกับคนอย่างเขา
“ปล่อยค่ะ ฉันจะกลับห้อง และคุณก็ไม่ควรมากอดฉันเอาไว้แบบนี้”
“ไม่เอาน่าฟลอนซ์ อย่าหวงตัวไปหน่อยเลยน่า ใช่ว่าเราจะไม่เคยกอดกัน เพราะมากกว่ากอดเราก็เคยทำมาแล้ว”
“คุณเอริค!” ฟลอเรนซาเรียกชื่อชายหนุ่มเสียงขุ่น
“ผมพูดเรื่องจริงทำไมต้องโมโหด้วยล่ะฟลอนซ์ โอเค เผื่อคุณจำไม่ได้ ผมจะเตือนความจำให้คุณเอง เราเคยจูบกันครั้งแรกตอนที่คุณแกล้งเป็นตะคริวในสระ เพื่อเรียกร้อกความสนใจจากผมไง”
“...”
“คุณพอจะจำได้ไหม หืม”
พอเอริคพูดออกมาแบบนั้น ฟลอเรนซาจึงหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่เขาเข้าใจผิด เธอไม่ได้แกล้งเป็นตะคริว
แต่เธอเป็นตะคริวจริงๆ ต่างหาก
“คุณเอริคคะ คุณเอริค”
‘หายไปไหนของเขานะ’
ฟลอเรนซาบ่นกระปอดกระแปดในใจ ร่างบอบบางขยับไปจนทั่วบ้านทว่าก็หาเอริคไม่เจอ คิ้วสวยที่พาดเหนือดวงตากลมโตขมวดมุ่น
“หรือว่าคุณเอริคจะไปที่โรงงาน”
ฟลอเรนซาหมายถึงโรงงานเจียระไนเพชรที่เอริคมักจะเข้าไปดูอยู่เป็นประจำ พอคิดได้แบบนั้น หญิงสาวจึงเดินกลับเข้าไปในห้องนอน หยิบชุดว่ายน้ำแบบทูพีชขึ้นมาสวมใส่ก่อนจะคว้าชุดคลุมผ้าลื่นขึ้นมาสวมทับ เท้าเล็กขยับไปที่สระน้ำที่อยู่หน้าบ้านของเอริค ตั้งใจจะลงไปว่ายน้ำเย็นๆ ให้สดชื่นในช่วงบ่ายคล้อยที่ไม่มีแดดเช่นนี้ ฟลอเรนซาถอดชุดคลุมออก แล้ววางไว้ที่เก้าอี้ริมสระ ก่อนที่หญิงสาวจะค่อยๆ ลงไปแช่น้ำในสระว่ายน้ำอย่างระมัดระวัง
“สดชื่นจังเลย”
ใบหน้าเนียนใสคลี่ยิ้มกว้าง ฟลอเรนซาว่ายน้ำจากขอบสระอีกฝั่งไปแตะขอบสระอีกฝั่งอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งเริ่มรู้สึกเหนื่อยจึงตั้งใจจะว่ายน้ำกลับไปที่ริมขอบสระ หญิงสาวว่ายน้ำมาจนถึงกลางสระ จู่ๆ เท้าทั้งข้างหนึ่งก็เกิดเป็นตะคริวขึ้นมาเสียดื้อๆ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
ฟลอเรนซาตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อพบว่าตัวเองกำลังจะจมน้ำ แขนเรียวทั้งสองข้างพยายามตะเกียกตะกาย แต่เพราะขาข้างหนึ่งไม่อาจขยับเขยื้อน เธอจึงไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ฟลอเรนซาสำลักน้ำอยู่หลายครั้ง ก่อนที่ร่างของหญิงสาวจะค่อยๆ จมหายลงไปในสระ เสียงทุ้มที่คุ้นหูก็ดังขึ้น
“ฟลอนซ์!”
ฟลอเรนซาได้ยินเพียงเท่านั้น การรับรู้ทั้งหมดของหญิงสาวก็ถูกปิดกั้นทันที เอริคที่กำลังวิ่งมารีบโดดลงไปในสระอย่างร้อนรน ชายหนุ่มดำลงไปใต้น้ำตรงบริเวณที่ร่างของฟลอเรนซาจมหายไป ใช้เวลาอยู่พักหนึ่ง ชายหนุ่มก็พาร่างไร้สติของหญิงสาวขึ้นมาที่ขอบสระ มือหนาสั่นเทายามที่ประคองใบหน้าแล้วเรียกเธอ
“ฟลอนซ์ ฟลอนซ์”
ไร้การตอบสนองจากฟลอเรนซา เอริคจึงก้มลงประกบปากของหญิงสาวแล้วเป่าลมเข้าไป ก่อนจะกดหน้าอกของเธอ
“ฟลอนซ์ ได้โปรด ลืมตาสิฟลอนซ์”
เอริคบอกขณะที่มือหนายังคงกดที่หน้าอกของฟลอเรนซา ดวงตาสีฟ้ายังจับจ้องที่ดวงหน้าของเธอ กล้ามเนื้อในอกข้างซ้ายของชายหนุ่มกระตุกวูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเจ็บอก เมื่อเปลือกตาบางใสยังคงปิดสนิท
“ฟลอนซ์ ได้โปรด”
เอริคร้องบอก มือหนาละจากอกของหญิงสาว โน้มใบหน้าลงเป่าปากของฟลอเรนซาอีกครั้ง แล้วกลับมากดหน้าอกของหญิงสาวอย่างร้อนรน
“ฟลอนซ์ ได้โปรด ลืมตาสิฟลอนซ์”
เอริคร้องเรียกเธอพลางกดหน้าอกไปด้วย อีกครึ่งนาทีฟลอเรนซาก็ไอแล้วสำลักเอาน้ำออกมา เอริครีบประคองหญิงสาวให้ลุกนั่ง
“ฟลอนซ์ คุณเป็นยังไงบ้าง โอเคแล้วใช่ไหม”
เอริคถามระรัว ฟลอเรนซายังคงมีอาการไออยู่บ้าง ทว่าหญิงสาวก็พยักหน้าหงึกๆ เป็นการตอบรับว่าเธอไม่เป็นอะไรแล้ว
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
“งั้นเข้าบ้านกันดีกว่า คุณควรไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
“ค่ะ”
ฟลอเรนซารับคำอย่างไม่เกี่ยงงอน ร่างบอบบางที่ตัวเปียกโชกพยายามจะขยับตัวลุกขึ้นยืน แต่ยังช้ากว่าเอริค เพราะชายหนุ่มถือวิสาสะช้อนเอาร่างของเธอขึ้นสู่อ้อมแขน แขนเรียวทั้งสองข้างยกขึ้นโอบรอบลำคอหนาเอาไว้อย่างกลัวตก เอริคไม่พูดพร่ำทำเพลง ชายหนุ่มสาวเท้าเข้าไปในตัวบ้านอย่างเร่งรีบ พลางบ่นคนในอ้อมแขนเสียงขุ่น