“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะฟลอนซ์ คุณทำผมใจหายหมดเลย หัวใจของผมแทบหยุดเต้นตอนที่เห็นร่างของคุณจมหายลงไปในสระ อย่าทำแบบนี้อีกรู้ไหม”
เอริคว่า ชายหนุ่มยังคงขยับไปเรื่อยๆ ฟลอเรนซาอยากจะร้องค้านว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตัวเองต้องจมน้ำเสียหน่อย ทว่าน้ำเสียงดุๆ บวกกับใบหน้าหล่อเหลาที่ดูเคร่งขรึม ทำให้ความกล้าโต้แย้งลดลงไปหลายส่วน หญิงสาวจำต้องน้อมรับอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ฟลอเรนซารับคำเสียงอ่อน และเอริคเองก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก ร่างสูงอุ้มเธอเข้ามาในห้องนอน พาเธอมาส่งถึงในห้องน้ำ ทันทีที่เท้าเล็กแต่พื้น เอริคก็เอ่ยกำชับเสียงเข้ม
“อาบน้ำให้เรียบร้อย ผมจะไปชงชาอุ่นๆ มาให้ ดื่มชาสักหน่อย แล้วค่อยนอนพัก”
เพราะดวงตาคมดุจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเธอ ฟลอเรนซาจึงรีบพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน เอริคจึงสาวเท้าออกจากห้องไป ทันทีที่แผ่นหลังกว้างลับสายตา ฟลอเรนซาก็รีบจัดการทำตามที่ชายหนุ่มกำชับทันที
ฟลอเรนซาในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดก้าวออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าเอริคนั่งรอที่ปลายเตียงอยู่ก่อนแล้ว ในมือของชายหนุ่มมีถ้วยชาที่มีควันสีเทาจางลอยวนเหนือขอบแก้ว เท้าเล็กชะงักไปนิด หญิงสาวตั้งใจจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าก่อน ทว่าเสียงทุ้มรั้งเธอเอาไว้
“มาดื่มชาก่อน”
เอริคไม่ได้ทำเพียงออกปากสั่ง ทว่าดวงตาคมกริบจับจ้องมาที่เธออย่างบีบบังคับ ฟลอเรนซาอยากจะเลี่ยงไม่ทำตามที่อีกฝ่ายบอก เพราะว่าภายใต้เสื้อคลุมอาบน้ำไม่มีอาภรณ์ชิ้นใดในร่างกายเธออีกแล้ว หญิงสาวกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ เรียวปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น
“เอ่อ คุณเอริคคะ”
“ผมบอกให้มาดื่มชาก่อน”
ไม่ใช่แค่เพียงสายตาเท่านั้นที่มองมาอย่างคาดคั้น น้ำเสียงที่ดูเข้มขึ้นนั่นก็ด้วย ฟลอเรนซากลั้นหายใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะขยับเท้าไปที่เตียงแล้วนั่งลงข้างๆ เอริค พลางสบเข้ากับนัยน์ตาคมกริบที่ฉายแววว่ากำลังพึงพอใจอย่างไม่ปิดบัง ฟลอเรนซาหลบสายตาคู่คม เพราะนั่นเป็นเหตุให้กล้ามเนื้อในอกซ้ายเต้นถี่รัว เอริคทิ้งสายตาที่ฟลอเรนซาอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มลงเป่าลมไล่ความร้อนจากถ้วยชาในมือ แล้วยกขึ้นจ่อที่ริมฝีปากของฟลอเรนซา หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นมองเขา
“เอ่อ คุณเอริคคะ เดี๋ยวฟลอนซ์จัดการเองค่ะ ฟลอนซ์หมายถึง เดี๋ยวฟลอนซ์ถือถ้วยชาเองค่ะ”
คำขอของฟลอเรนซาได้รับการปฏิเสธเมื่อเอริคส่ายหน้า พลางมองเธอสลับกับมองถ้วยชาที่จ่ออยู่ที่ริมฝีปากของเธอ ฟลอเรนซาพยายามข่มอาการประหม่า แล้วแตะริมฝีปากลงบนขอบถ้วยชา ดื่มชาลงคอไปอึกใหญ่โดยมีเอริคช่วยป้อน ก่อนจะละริมฝีปากออกมา
“ดื่มให้หมด”
เอริคบอก ดวงตาคมกริบยังจับจ้องอยูที่ใบหน้าของเธอ ฟลอเรนซาสบตากับเขาด้วยอาการประหม่า แต่เพราะสายตาที่จ้องมองมาอย่างคาดคั้น ฟลอเรนซาจึงจำต้องดื่มชาที่เหลือจนหมด โดยมีเอริคช่วยป้อน ก่อนที่ชายหนุ่มจะวางถ้วยชาลงบนโซฟาเล็กที่อยู่ปลายเตียง
“ดีขึ้นไหม”
เสียงทุ้มถามเธอ ฟลอเรนซารีบพยักหน้ารับหงึกๆ เพราะไม่อาจปฏิเสธได้ว่าชาอุ่นๆ ช่วยให้ร่างกายของเธออบอุ่นขึ้นมาก
“ดีขึ้นมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ฟลอเรนซายิ้มบอก แต่เอริคยังไม่วางใจ ชายหนุ่มยกหลังมือขึ้นแตะที่แก้มข้างหนึ่งของหญิงสาว ความเย็นจากผิวแก้มของฟลอเรนซาปะทะเข้ากับหลังมือของเอริค นั่นเป็นเหตุคิ้วหนาขยับเข้าหากันจนเกือบชิด
“อะ อะไรคะ”
เพราะเห็นใบหน้าหล่อเหลาดูเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น ฟลอเรนซาจึงร้องถามอย่างตื่นตระหนก เอริคหันมามองเจ้าของคำถาม
“ตัวคุณเย็นมากเลยนะฟลอนซ์”
“งั้นเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฟลอนซ์จะนอกซุกตัวในผ้าห่มก็แล้วกันค่ะ ตัวจะได้อุ่นขึ้น”
ฟลอเรนซาบอกแล้วขยับตัวขึ้นเตียง มือบางหยิบผ้าห่มผืนใหญ่มาคลุมตัว พลางมองใบหน้าหล่อเหลาแล้วยิ้มให้เป็นเชิงบอกให้เขาไม่ต้องกังวล
แต่ดูเหมือนว่าความกังวลของเอริคยังไม่หายไปเสียทีเดียว เห็นจากที่คิ้วหนายังคงไม่คลายออกจากกัน
“มานี่ดีกว่า เดี๋ยวผมจะช่วยทำให้ร่างกายของคุณอุ่นขึ้นเอง”
เอริคบอกแล้วรวบเอาร่างเล็กที่มีผ้าห่มห่อตัวขึ้นมานั่งตักแล้วโอบกอดหญิงสาวเอาไว้ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาฉับพลัน
“คะ คุณเอริคคะ”
“อยู่เฉยๆ น่าฟลอนซ์”
เอริคดุเธอ ฟลอเรนซาจึงทำได้เพียงเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น และร่างกายของเธอเกร็งเครียดอย่างไม่อาจควบคุมได้
“ไม่ต้องเกร็ง ผมแค่จะช่วยให้ร่างกายของคุณอุ่นขึ้นก็เท่านั้นเอง”
ใช่ว่าเธออยากจะเกร็งเสียเมื่อไรกัน แต่เธอบังคับร่างกายของเธอได้เสียที่ไหน ฟลอเรนซาคิดแบบนั้น ทว่าหญิงสาวไม่กล้าค้านออกไป ได้แต่ปล่อยให้เอริคโอบกอดเธอเอาไว้แบบนั้น แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการที่ถูกร่างสูงโอบกอดเอาไว้แบบนี้ ก็รู้สึกอบอุ่นดีเหมือนกัน
บทสนทนาของทั้งคู่สิ้นสุดลงตรงนั้น ความอบอุ่นจากเรือนกายสูงใหญ่ที่โอบล้อมร่างเล็กเอาไว้ทำให้ฟลอเรนซารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาก และหญิงสาวก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลาย เปลือกตาบางใสคงปิดลงไปเรียบร้อยแล้ว หากไม่ติดว่าเอริคใช้ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาแตะลงบนเรียวปากของเธอ
“ริมฝีปากของคุณยังเย็นอยู่เลยฟลอนซ์ เห็นทีผมคงต้องช่วยทำให้ริมฝีปากของคุณอุ่นขึ้นแล้วละมั้ง”
“ยังไงคะ อื้อ…”
ฟลอเรนซาไม่ทันได้ถามจนจบประโยค ริมฝีปากอุ่นจัดของเอริคก็ทาบลงบนเรียวปากของเธอ หญิงสาวไม่อาจขัดขืนดิ้นรนได้เลย เพราะนอกจากร่างกายของเธอจะถูกห่อหุ้มด้วยผ้าห่มผืนใหญ่ที่เธอเป็นคนจัดการคลุมร่างกายเอาไว้ เรือนกายของเธอก็ยังถูกวงแขนแข็งแรงโอบกอดเอาไว้อย่างแนบแน่นอีกชั้นหนึ่ง ในทางกลับกัน ฟลอเรนซาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าจุมพิตของเอริคมอบความอบอุ่นให้เธอมาก หญิงสาวรับรู้ได้จากการที่ความร้อนอาบไล้ไปทั่วเรือนกายของเธอ และไม่ได้อยู่เฉพาะที่ริมฝีปากเท่านั้น สติของฟลอเรนซาถูกพรากไปจนหมดสิ้นจากความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ของเอริค ทั้งคู่แลก
เปลี่ยนลมหายใจกันอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเอริคดังขึ้น สติของฟลอเรนซาจึงกลับคืนมา หญิงสาวรีบขืนตัวออกจากร่างสูง
“พอแล้วค่ะ ตอนนี้ฟลอนซ์ร้อน เอ่อ ไม่ใช่ค่ะ ฟลอนซ์หมายถึงตอนนี้ฟลอนซ์รู้สึกอบอุ่นมากขึ้นแล้วค่ะ”
ฟลอเรนซาบอกแล้วหลุบสายตาลงต่ำ ครั้นจะขยับตัวลงจากตักแกร่ง หญิงสาวก็ไม่อาจทำได้อย่างที่ใจต้องการ เพราะร่างกายของเธอถูกพันธนาการเอาไว้ทั้งผ้าห่มและวงแขนแข็งแรง แต่เพราะเอริคไม่ยอมขยับตัว และเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ยังคงส่งเสียงกรีดร้องไม่หยุด ฟลอเรนซาจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อจะได้บอกเขา
“คุณเอริคไม่รับโทรศัพท์เหรอ...คะ”
เสียงท้ายประโยคของฟลอเรนซาติดขัด เมื่อดวงตาคมกริบที่มองมาทำให้หญิงสาวเกิดอาการประหม่าระคนขัดเขิน ฟลอเรนซากำลังจะก้มหน้าลงเพื่อเลี่ยงสายตาที่พราวระยับจนเกินควรของเอริค ทว่าร่างสูงกลับไม่ยอมให้เธอได้ทำแบบนั้น มือหนาเชยคางของเธอขึ้น บีบบังคับให้สบตากัน และแน่นอนว่าชายหนุ่มไม่ได้ให้ความสนใจโทรศัพท์ที่ส่งเสียงกรีดร้องจนกระทั่งเสียงเรียกเข้าเงียบหายไปเอง
“ผมไม่แน่ใจว่าริมฝีปากของคุณอุ่นขึ้นแล้วจริงๆ หรือยัง”
“...”
“ผมขอพิสูจน์ดูอีกทีนะฟลอนซ์”
ฟลอเรนซาดึงตัวเองออกมาจากเหตุการณ์ในอดีต หญิงสาวสบตากับคนที่ยังโอบกอดเธอเอาไว้ ไม่ควรเลยสักนิดที่เธอต้องมาตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาแบบนี้
“ปล่อยค่ะ ฉันจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ฉันจะกลับห้อง”
ฟลอเรนซาพยายามขืนตัว ทว่าความพยายามของหญิงสาวก็เป็นได้เพียงแค่ความพยายามเพราะเอริคไม่ยอมปล่อยให้เธอได้เป็นอิสระ ซ้ำยังเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเป็นการแสดงออกว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เธอกล่าวอ้างเลยสักนิด
“คุณจำไม่ได้จริๆ งอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ ฉันจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น กรุณาปล่อยฉันด้วยค่ะ ฉันจะกลับห้อง”
ฟลอเรนซาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยสายตาฟาดฟัน เอริคเองก็จ้องเธอกลับ แต่สุดท้ายเขาก็ยอมคลายวงแขนออกอย่างง่ายดายแล้วยอมหลีกทางให้ แต่ก่อนที่หญิงสาวจะขยับเท้าออกจากห้องไป เอริคก็เอ่ยไล่หลัง
“ตอนนี้คุณจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
“...”
“เดี๋ยวผมจะหาโอกาสรื้อฟื้นความทรงจำให้คุณเอง”
ฟลอเรนซาหยุดเท้าไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าวออกมาจากริมฝีปากหยักลึก ทว่าหญิงสาวไม่ได้หันกลับไปโต้ตอบอีก ร่างบอบบางรีบขยับเท้าอย่างเร่งรีบตรงดิ่งกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง โดยมีสายตาคมกริบมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวไปจนลับสายตา พลางกระตุกยิ้มมุมปาก
“คุณยังตัวหอมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะฟลอนซ์”
เอริคคิดแบบนั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะดึงประตูปิด แล้วผิวปากเดินกลับไปที่เตียงนอนอย่างอารมณ์ดี