"ฝันลูก...ยายฝัน..ลูกสาวผมเป็นไงบ้างครับ"
ธานีหันไปถามภาคินที่ยืนอยู่ไม่ห่าง
ตามฝันยังไม่รู้สึกตัวหลังจากเกิดเรื่องเขาพาเธอมาส่งโรงพยาบาลและให้ลูกน้องไปแจ้งให้พ่อเธอทราบ ตอนนี้เธอยังอยู่ในห้องพักฟื้น
"หมอบอกไม่มีอะไรหน้าเป็นห่วงมีแค่แผลหัวแตกอย่างที่เห็น"
ภาคินตอบแบบมะนาวไม่มีน้ำ
"มันเกิดอะไรขึ้นครับ"
"ถูกสั่งเก็บ...พวกคุณไปมีศัตรูไว้ที่ไหนบ้างละ"
ภาคินนั่งลงที่โซฟา มองมาที่ธานีด้วยสายตาที่ยากจะอ่านออก
คุณธานีเริ่มคิดหนัก นี้เขากำลังดึงลูกสาวให้มาอยู่ในอันตรายหรือเปล่า
"ผมไม่มีศัตรูที่ไหน ยิ่งยายฝันยิ่งแล้ว"
"หึ..คนหากินไม่ซื่อแบบคุณผมว่าศัตรูรอบด้านมากกว่ามั่ง"
ภาคินพูดออกมาตรงๆ
"คุณหมายความว่าไงคุณภาคิน"
คุณธานีหันไปหานักธุระกิจหนุ่มรุ่นลูก ที่ตอนนี้ธุระกิจของเขากำลังรุ่งเรือง ขยายกิจการไปในหลายพื้นที่
"ก็หมายความอย่างที่พูด"
ภาคินก็จ้องหน้าธานีไม่ลดละ
"คุณพูดมาตรงๆเลยดีกว่าคุณภาคิน ว่าคุณไม่พอใจอะไรผม เพราะผมเองก็มั่นใจว่าไม่เคยไปทำอะไรให้คุณ"
ภาคินหันไปส่งสัญญาณให้ตะวันไปเฝ้าหน้าห้องไว้อย่าเพิ่งให้ใครเข้ามาตอนนี้
"ดี...เรามาคุยกันแบบลูกผู้ชายเลยก็ดี"
ภาคินบอก
"คุณว่ามาได้เลย"
"คุณให้คนไปว่างเพลิงที่โกดังเก็บเรือผมเมื่อ2 ปีก่อนใช่ไหม"
คุณธานีขมวดคิ้วทันที
"ผมไม่ได้ทำ"
"หึ...นั้นสินะ ใครจะมายอมรับว่าเป็นคนทำ"
ภาคินหัวเราะแต่เป็นเสียงหัวเราะที่มีความเจ็บปวดซ่อนอยู่
"ผมไม่ได้ทำจริงๆ ผมไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้น ผมทำธุระกิจมาหลายปีผมไม่เคยมีประวัติแบบนี้และเรื่องแบบนี้ผมไม่ทำแน่นอน"
"แต่ไอ้คนที่มันมาวางเพลิงมันบอกว่าคุณจ้างมันมา"
ภาคินบอกเสียงเย็น
"ผมยืนยันคำเดิมว่าผมไม่ได้ทำ"
"พูดแต่ปากใครก็พูดได้ ผมมีหลักฐานว่าคุณจ้างแล้วคุณมีหลักฐานหรือเปล่าว่าไม่ได้ทำ"
คุณธานีนิ่งไป
"เพราะแบบนี้ใช้ไหมคุณถึงห้ามไม่ให้ลูกค้าเก่ามาต่อสัญญาซื้อขายกับผม"
"หึ...คุณจะไม่เจอแค่นี้หรอกคุณธานีใครที่มันทำกับผมมันต้องได้รับคืนอย่างสาสมคุณไม่ต้องห่วง"
ภาคินพูดเสร็จก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะเดินออกไป
"เดียวก่อนคุณภาคิน"
คุณธานีเรียกเขาไว้ ภาคินหยุดแต่ก็ไม่ได้หันกลับมา
"ผมยังยืนยันคำเดิมว่าผมไม่ได้ทำ และก็ขอบคุณที่คุณช่วยลูกสาวผมไว้"
คุณธานีพูดเสร็จภาคินก็เดินออกจากห้องไปทันทีโดยที่ไม่พูดอะไร
ตามฝันนอนดูอาการที่โรงพยาบาลหนึ่งคืนและก็ไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจต่อ
"ฝันไปอยู่บ้านกับพ่อก่อนไหมลูก"
กว่าจะเสร็จเรื่องทุกอย่างก็เย็นมากแล้วคุณธานีถามลูกสาว เขารู้สึกเป็นห่วงที่จะให้ลูกสาวไปอยู่คอนโดคนเดียว
"ไม่ดีกว่าคะพ่อ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะคอนโดของฝันมีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมาก"
ตามฝันบอกบิดาด้วยรอยยิ้มเธอไม่อยากให้บิดาต้องกังวลใจ
"ขอบคุณนะคะคุณพ่อ..."
ตามฝันกอดบิดาก่อนจะลงรถเมื่อรถมาจอดหน้าคอนโดเธอแล้ว
"ดูแลตัวเองด้วยนะลูก"
"คะ ฝันรักพ่อนะคะ"
"พ่อก็รักหนู"
คุณธานีมองตามลูกสาวไปจนรับสายตาก่อนจะบอกให้คนขับออกรถ
ตามฝันแอบมองผ่านกระจกของคอนโดเห็นว่ารถของพ่อเธอออกไปแล้วเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดโทรออก ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
"ขออนุญาตครับนาย"
ตะวันรีบเข้ามาหาเจ้านายที่ห้องทำงาน
"มีอะไร"
ภาคินถาม
"เอ่อ...มีคนขอพบนายครับ"
"ใคร"
ภาคินถามทั้งที่ตายังจ้องมอง หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ
"คุณตามฝันครับ"
ภาคินหันมามองหน้าตะวันทันที
"ว่าไงนะ"
"คุณตามฝันโทรมาจะขอนัดพบนาย นายจะว่าไงครับ"
ตะวันถามย้ำอีกรอบ
ภาคินเอนหลังพิงเก้าอี้ยกมือสอดเข้าท้ายทอยกระตุกยิ้มมุมปากอย่างถูกใจ
[ปิ๊งป่อง..ๆ]
หลังจากที่เธอยืนชั่งใจอยู่นาน เธอก็ยกมือขึ้นกดออดหน้าประตู
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเธอไม่รู้เลยว่าห้องใหญ่สุดที่อยู่ตรงข้ามกับเธอนั้นคือห้องของเขา และเธอก็เป็นหมากตัวหนึ่งที่เขาจับให้เดินตามเกมของเขามาโดยตลอด
"เชิญครับ"
เข้าเปิดประตูให้เธอ และเชิญให้เธอเข้าไปด้านใน
"เอ่อ..เราไปคุยกันข้างล้างได้ไหมคะ"
ตามฝันบอกเขา เธอไม่อยากอยู่กับเขาสองต่อสอง
ภาคินก้มมองตัวเองเขาอยู่ในชุดกางเกงนอนเสื้อยืดเป็นชุดที่เขาพร้อมนอนแล้ว
"ชุดผมมันพร้อมออกไปข้างนอกหรือไง"
เขายืนมองหน้าเธอ
ตามฝันก็ยังไม่ก้าวเข้าไปในห้องเขา
"คุณก็เปลี่ยนชุดสิค่ะ"
เธอบอกเขา
"ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ผมจะได้นอน"
ภาคินทำท่าจะปิดประตู
"สะดวกค่ะ ฉันสะดวก"
ตามฝันรีบบอกเขา
"เชิญ"
ภาคินบอกและหันหลังเดินเข้าไปด้านในทำให้ตามฝันไม่เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ที่ปรากฏบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา
ตามฝันสูดหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องเขา และหันไปปิดประตูห้องให้เขาเรียบร้อย
เธอเดินเข้ามาด้านใน เฟอร์นิเจอร์ในห้องเขาและห้องเธอมาจาก แบรนด์เดียวกัน การจัดแต่งเหมือนกันแทบทุกอย่าง
ตามฝันเดินมานั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่ที่เขานั่งรออยู่แล้วแต่เธอเลือกที่จะนั่งห่างๆเขาหน่อย
"ถ้าจะนั่งห่างขนาดนั้นไม่ไปนั่งหน้าห้องเลยละคุณ"
ภาคินประชดเข้าให้
"ฉันไม่ไว้ใจคุณ"
ตามฝันบอกเขาไปตรงๆ เพราะเธอรู้แล้วว่าวิชาต่อสู้ที่เธอเรียนมามันใช้ไม่ได้กับเขา
"หึ...ต่อให้คุณอยู่ห่างจากผมมากกว่านี้ถ้าผมจะ....เอา....คุณก็ไม่รอดอยู่ดี"
ภาคินพูดเน้นคำเพื่อกวนโมโหเธอ
ตามฝันค้อนเขาไปหนึ่งควับ
"ฉันจะมาคุยกับคุณเรื่องคุณพ่อ"
ตามในเข้าเรื่องทันที เธอไม่อยากอยู่กับเขานาน
ภาคินยกเท้าขึ้นพาดโต๊ะกลมตรงหน้ายกมือกอดอกสายตาจ้องมองไปที่เธอ
"เรื่องอะไร"
เขาถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
"ฉันได้ยินที่คุณคุยกับคุณพ่อที่โรงพยาบาลแล้ว"
ภาคินลุกขึ้น เดินไปหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดและดูดเข้าปอดลึกๆ
"แล้วไง"
เขายืนหันหน้าออกไปมองวิวด้านนอกและหันหลังให้เธอ
"ฉันมั่นใจว่าพ่อฉันไม่ได้ทำแต่พูดไปคุณก็จะถามหาหลักฐานอีก"
"เข้าเรื่องเลยตามฝัน"
เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเขายังคงยืนหันหลังให้เธอ
"ค่าเสียหายที่โกดังคุณถูกไฟไหมเท่าไหร่"
ภาคินหันกับมามองหน้าเธอทันทีด้วยสีหน้าที่เย็นยะเยือก เขากดก้นบุหรีทิ้งทั้งที่เพิ่งดูดไปได้นิดเดียว
"คุณถามผมว่าไงนะ"
"ฉันถามว่าค่าเสียหายไอ้โกดังที่ว่าของคุณมันเท่าไหร่"
ตามฝันยังถามต่อ
ภาคินเดินดุ่มๆเข้ามาหาเธอเขาคว้าแขนเธอลุกขึ้นและพาเดินไปที่ฝาผนังที่มีรูปภาพขนาดใหญ่เเขวนอยู่
"ดูให้เต็มตา"
เขาบอก
ตามฝันมองภาพนั้นเป็นภาพของเด็กชายตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มคนหนึ่งในรูปทั้งสองต่างยิ้มอย่างมีความสุขแต่ดูจากการแต่งตัวภาพนี้หน้าจะผ่านมานานมากแล้ว
"หมายความว่าไง ฉันไม่เขาใจ"
เธอหันกับมามองเขา และเธอก็ทันเห็นแววตาที่เจ็บปวดของเขา
"เขาคืออาของผม เป็นคนเลี้ยงผมมาและวันนั้นกองไฟกองนั้นได้พลากเขาไปจากผม คุณจะเอาอะไรมาทดแทนให้ผมตามฝัน...ผมถามว่าคุณจะเอาอะไรมาทดแทนให้ผมตอบมาาา.."
ภาคินจับไหล่เธอบีบไว้ทั้งสองข้าง เขาตะคอกใส่เธออย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
ตามฝันอึ้งไป เธอหลับตาด้วยความกลัว เขาหน้ากลัวมากในตอนนี้
"เงียบทำไม อยากมาจ่ายค่าเสียหายให้ผมไม่ใช้หรอ"
ภาคินผลักเธอไปกระแทกกับผนังอย่างแรง แต่ก็ไม่มีเสียงร้องออกมาจากปากเธอแม้แต่นิดเดียว เธอรู้ดีว่าการสูญเสียคนที่เรารักมันเจ็บปวดมากแค่ไหน เพราะเธอก็เคยเสียแม่ไปเหมือนกัน