วันหนึ่ง....
หลังจากโซ่กลับไปแล้วฉันก็เริ่มลงมือทำความสะอาดห้องเพราะมันมีแต่ฝุ่นหลังจากนั้นฉันก็เอาเงินที่เบิกมานั่งนับว่าตอนนี้ฉันเหลือเงินอยู่เท่าไหร่และจะใช้ได้อีกกี่วันเพราะตอนนี้ฉันมีภาระค่าใช้จ่ายนั่นก็คือค่าเช่าห้องแล้วไหนจะค่ากินอีกถ้าฉันอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรไม่นานเงินจำนวนนี้ก็จะหมดไปเรื่อยๆฉันคิดว่าฉันคงจะต้องหางานทำเพื่อหารายได้เพราะฉันไม่อยากไปรบกวนเงินคุณพ่ออีกยิ่งตอนนี้บริษัทกำลังเกิดปัญหา อะไรที่ฉันพอจะช่วยตัวเองได้ฉันก็ต้องทำ
ฉันเดินออกมาจากหอพักเพื่อหางานที่พอจะทำได้ซึ่งฉันหวังว่าจะมีสักที่ๆรับเด็กนักเรียนอย่างฉันเข้าทำงาน ฉันเดินเข้าไปทุกร้านที่ติดป้ายรับสมัครงานไม่ว่าเป็นร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านขายของชำต่างๆแต่ก็ไม่มีที่ไหนรับเลยสักที่จนกระทั่งมาเจอร้านเช่าหนังสือกึ่งคาเฟ่ที่ติดป้ายรับสมัครพนักงานไว้ตรงกระจก ฉันมองเข้าไปภายในร้านที่ตกแต่งได้สวยและดูแพงมากๆ จนฉันเกิดความรู้สึกประหม่าและไม่แน่ใจว่าจะเข้าไปสมัครดีไหมเขาอาจจะรับพนักงานที่มีประสบการณ์หรือเปล่าเหมือนร้านอื่นๆที่ฉันเข้าไปสมัครมาหรือเขาอาจจะต้องการคนหน้าตาดีๆสวยๆน่ารักๆ เขาจะรับเด็กหน้าตาบ้านๆขี้เหร่ๆแบบฉันเข้าไปทำหรือเปล่า ฉันยืนลังเลใจอยู่หน้าร้านนานมากเห็นลูกค้าเข้าออกอยู่ตลอดเวลา
แกร๊ง แกร๊ง เสียงกระดิ่งที่ห้อยอยู่หน้าประตูทางเข้าร้านดังขึ้นพร้อมกับพี่ผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งที่ใส่ผ้ากันเปื้อนโลโก้ร้านเดินออกมาเธอยิ้มให้ฉันฉันก็ยิ้มตอบกลับไปอย่างเป็นมิตร ฉันเดาว่าพี่เขาคงเป็นพนักงานของที่ร้าน
"น้องมีอะไรหรือเปล่าคะพี่เห็นน้องยืนอยู่หน้าร้านพี่นานแล้ว"
"เอ่อ พี่เป็นเจ้าของร้านเหรอคะหนูขอโทษด้วยนะคะที่มายืนเกะกะหน้าร้านพี่" ฉันรีบยกมือไหว้ขอโทษด้วยความเกรงใจเพราะฉันคิดว่าฉันอาจจะมายืนเกะกะบังหน้าร้านพี่เค้าหรือเปล่า
"ไม่ต้องขอโทษพี่หรอกนะพี่ไม่ได้จะว่าอะไรคือพี่แค่จะเดินออกมาถามเฉยๆเพราะพี่เห็นน้องยืนมองเข้าไปในร้านนานแล้ว น้องมองหาใครหรือเปล่าเพื่อนเหรอหรือมองหาแฟน"
"ปะ เปล่าค่ะหนูไม่ได้มองหาใคร คือหนูเห็นป้ายรับสมัครงานก็เลยอยากจะเข้าไปสมัครแต่ไม่กล้า" ฉันบอกพี่เจ้าของร้านไปตามตรงด้วยความรู้สึกประหม่า
"อยากมาสมัครงานหรอกเหรอได้สิเข้ามาคุยกันก่อนเพราะตอนนี้พี่ก็ยังไม่ได้คนเลย" พี่สาวคนสวยจูงมือฉันเข้าไปข้างในร้านที่พอเดินเข้ามาก็เห็นลูกค้านั่งเต็มร้านไม่มีโต๊ะไหนว่างเลยซึ่งภายในร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกาแฟและขนม
"พี่ลืมถามชื่อเราชื่ออะไร"
"หนูชื่อวันหนึ่งค่ะเรียกหนึ่งเฉยๆก็ได้ค่ะ"
"พี่ชื่อทรายนะ ว่าแต่หนึ่งอายุเท่าไหร่ดูเด็กมากเลย"
"หนึ่งอายุสิบแปดปีค่ะ"
"อายุยังน้อยอยู่เลยว่าแต่หนึ่งยังเรียนอยู่หรือเปล่าจ๊ะ"
"เรียนค่ะตอนนี้หนึ่งอยู่มอหกแล้วค่ะ"
"แบบนี้ถ้าพี่ให้มาทำงานแบบเต็มวันก็คงไม่ได้สินะเพราะติดเรียน" ฉันรู้สึกใจแป้วมานิดนึงเพราะดูเหมือนพี่ทรายอยากได้พนักงานที่ทำงานเต็มวันมากกว่าส่วนฉันตอนเช้าต้องไปเรียนจะว่างแค่ช่วงเย็นกับเสาร์อาทิตย์เท่านั้น
"อืมมมเอาไงดีอันที่จริงพี่อยากได้พนักงานแบบฟูลไทม์มากกว่านะแต่ที่ผ่านมาคนที่มาสมัครไม่มีใครถูกใจพี่เลยสักคน เอางี้พี่จะลองให้หนึ่งมาทดลองงานก่อนก็แล้วกันเพราะพี่รู้สึกถูกชะตาเราอย่างบอกไม่ถูกถ้าเราทำงานได้ถูกใจพี่ๆจะรับเราเข้าทำงาน^^" ฉันยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่พี่ทรายจะให้โอกาสฉันได้ทดลองงาน
"ได้ค่ะขอบคุณนะคะพี่ทราย" ฉันรีบยกมือไหว้พี่ทรายทันทีด้วยความดีใจ
"ถ้าอย่างงั้นพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนหนึ่งมาเริ่มทดลองงานได้เลยนะจ๊ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะพี่ไม่ได้ให้เรามาทดลองงานฟรีๆพี่มีเงินให้ด้วย พี่ให้ชั่วโมงละ100บาท^^"
"ขอบคุณพี่ทรายอีกครั้งนะคะที่ให้โอกาสหนึ่ง ถ้าอย่างงั้นพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนหนึ่งจะรีบมานะคะ"
"จ๊ะ^^"
ฉันเดินออกมาจากร้านพี่ทรายด้วยความดีใจที่ในที่สุดฉันก็หางานทำได้แล้วแม้ว่าจะต้องทดลองงานก่อนก็ตามแต่ฉันจะทำให้ดีที่สุด
ครืดดดด ครืดดดดด ขณะที่ฉันกำลังเดินกลับหอพักมือถือฉันสั่นอยู่ในกระเป๋าฉันรีบหยิบออกมาดูว่าใครโทรมาปรากฏว่าเป็นเพลิงฉันรีบกดรีบด้วยความดีใจเพราะวันนี้ทั้งวันเราไม่ได้คุยกันเลยเพราะฉันติดต่อเขาไม่ได้
"ฮัลโหลหนึ่งอยู่ไหนวันนี้ได้โทรหาเพลิงบ้างหรือเปล่า" เสียงเขางัวเงียมากเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน
"ไม่ได้โทร" ฉันโกหกเขาไปเพราะไม่อยากให้เขารู้สึกผิดถ้าฉันบอกว่าโทรหาเขาแล้วแต่ติดต่อเขาไม่ได้
"เสียงรถ?? นี่ไม่ได้อยู่บ้านใช่ไหม"
"หนึ่งอยู่ข้างนอกน่ะ"
"อยู่ข้างนอกเวลานี้เนี่ยนะแถวไหน"
"อยู่แถวโรงเรียนน่ะ"
"ไปทำอะไรแถวนั้นนี่มันกี่โมงแล้วทำไมไม่กลับบ้านอีก"
"คือ...." ฉันไม่รู้จะบอกกับเขาว่ายังไง
"มีอะไรหรือเปล่า"
"คือหนึ่งไม่ได้อยู่บ้านแล้ว"
"หมายความว่าไงไม่ได้อยู่บ้าน"
"หนึ่งโดนไล่ออกจากบ้านน่ะ"
"อะไรนะไล่ออกจากบ้าน??"
"อืม"
"ตอนนี้อยู่ตรงไหนบอกพิกัดมาเดี๋ยวเพลิงจะไปหา"
"ไม่ต้องมาหาหรอกดึกแล้วหนึ่งกำลังจะเข้าหอพักแล้ว"
"หอพัก??"
"อื้ม หนึ่งเพิ่งมาเช่าหอพักอยู่วันนี้เอง"
"มีปัญหาขนาดนี้ทำไมไม่บอกเพลิง"
"ก็...หนึ่งติดต่อเพลิงไม่ได้นี่นาเพลิงปิดเครื่อง" ฉันลืมตัวรับสารภาพว่าโทรหาเขาแล้วแต่โทรไม่ติด
"แปลว่าโทรมาหาเพลิง แล้วเมื่อกี้ทำไมบอกว่าไม่ได้โทรหา"
"เอ่อ..คือหนึ่งกลัวเพลิงจะรู้สึกผิดน่ะ"
"อืมเพลิงรู้สึกผิดจริงๆนั่นแล่ะ ขอโทษนะเพลิงเป็นแฟนที่แย่มากๆเลยเนอะ"
"อย่าโทษตัวเองแบบนี้สิหนึ่งไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยหนึ่งเข้าใจ"
"เข้าใจว่าไง"
"เข้าใจว่าเพลิงอาจจะลืมชาร์จมือถือไงแบตก็เลยหมด"
"เพลิงขอโทษนะ"
"ไม่เป็นไร"
"เดี๋ยวเพลิงไปหานะ"
"อื้มมมก็ได้" ฉันรู้ว่าถึงจะบอกว่าไม่ต้องมาเขาก็ไม่ฟังอยู่ดี ฉันนั่งรอเพลิงอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาหาสภาพเขาเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนจริงๆ แต่มีบางอย่างที่มันทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะถามเขา
"คอเพลิงไปโดนอะไรมาเหรอแดงเป็นจ้ำๆเลย" พอฉันถามเขาก็รีบเอามือลูบตรงลำคอตัวเองทันที
"เอ่อ เพลิงเป็นภูมิแพ้น่ะ"
"เพลิงเป็นภูมิแพ้ด้วยเหรอทำไมหนึ่งไม่เคยรู้เลยล่ะ แล้วเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง" ฉันถามเขาด้วยความเป็นห่วงเพราะฉันไม่เคยรู้เลยว่าเขาเป็นภูมิแพ้ หรือเขาเป็นแต่เขาไม่เคยบอกเขาคงกลัวว่าฉันจะไม่สบายล่ะมั้ง ฉันคิดในแง่ดีเอาไว้ก่อน
"ดีขึ้นแล้วล่ะ ว่าแต่นี่ก็ดึกแล้วเพลิงไปส่งหนึ่งที่หอนะ"
"อื้มมมม"
ที่หอพัก...
เพลิงเดินขึ้นมาส่งฉันถึงหน้าห้องเขามองเข้ามาในห้องแล้วทำหน้าไม่ชอบใจกับสภาพห้องที่ฉันอยู่
"หนึ่งอยู่ไปได้ไงห้องเล็กขนาดนี้"
"พูดเหมือนโซ่เปี๊ยบเลยเนอะ"
"โซ่??ไอ้โซ่มันมาเกี่ยวอะไร" พอฉันเอ่ยชื่อโซ่เขาก็ทำหน้าไม่พอใจทันที
"คือโซ่มาส่งหนึ่งหาหอพักน่ะ"
"แล้วมันมาส่งได้ไง" น้ำเสียงเพลิงเริ่มเปลี่ยนไปเหมือนเขาไม่พอใจที่โซ่มาส่งฉันทั้งๆที่โซ่ก็เป็นเพื่อนของเขา
"เรื่องมันยาวน่ะ"
"ยาวแค่ไหนก็เล่ามาให้หมด" หลังจากนั้นฉันก็เล่าทุกอย่างให้เขาฟัง
"เพลิงว่าหนึ่งย้ายไปอยู่กับเพลิงที่คอนโดดีกว่ามั้ยสะดวกสบายกว่านี้เยอะเลย"
"ไม่เป็นไรหนึ่งไม่อยากรบกวนเพลิง"
"รบกวนอะไรเราเป็นแฟนกันนะอย่าลืม"
"ไม่ลืมหรอกแต่หนึ่งไม่อยากรบกวนเพลิงหนึ่งอยากอยู่ด้วยตัวเองให้ได้"
"แต่..."
"หนึ่งรู้ว่าเพลิงเป็นห่วงแต่หนึ่งอยากลองใช้ชีวิตด้วยตัวเองดู"
"เห้องั้นก็ตามใจละกัน ดื้อตลอดเลยนะแฟนใครวะ"
"แฟนเพลิงไง^^"
"แฟนดื้อแบบนี้ต้องทำโทษซะละมั้ง"
"เปล่าดื้อซะหน่อย นี่ก็ดึกแล้วเพลิงกลับได้แล้วนะ"
"ไล่อ่อ"
"ไม่ได้ไล่แต่มันดึกแล้วไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ^^"
"โอเคเจอกันพรุ่งนี้นะครับคุณแฟน...รักนะ^^"
"รักเหมือนกันค่ะ^^" ถึงวันนี้ฉันจะเจอเรื่องแย่ๆแต่พอมีเขาอยู่ข้างๆฉันก็รู้สึกได้ว่าฉันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวฉันก็ยังมีเขาและก็หวังว่าฉันจะมีเขาตลอดไป
เพลิงกัลป์....
หลังออกมาจากหอพักของหนึ่งผมก็โทรหาไอ้โซ่ทันที
"มึงโทรมาทำเชี่ยไรกูจะนอน"
"กูมีเรื่องจะคุยกับมึง"
"เรื่องอะไร"
"แฟนกู"
"แฟนมึง?? ใคร มึงมีแฟนตังแต่เมื่อไหร่วะทำไมกูไม่รู้"
"มึงอย่ากวนตีนกูไอ้โซ่" ผมรู้ว่ามันกวนตีนผมมันรู้อยู่เต็มอก
"อ่อถ้าหมายถึงวันหนึ่งมึงมีเรื่องอะไรจะคุยกับกูก็รีบพูดมากูง่วงจะนอน"
"มึงทำไมไม่บอกกูเรื่องหนึ่งทั้งที่เมื่อตอนเย็นมึงก็ยังมาเล่นเกมส์ที่คอนโดกู" เมื่อตอนเย็นไอ้ว่านโทรชวนมันมาเล่นเกมส์ที่ห้องผมแล้วมันก็มาแต่มันก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับหนึ่งเลย
"กูคิดว่ามึงคงไม่สนใจยัยนั่นกูก็เลยไม่ได้บอก"
"แฟนกูทำไมกูจะไม่สนใจ" ผมเถียงมันเพราะผมไม่พอใจที่มันพูดแบบนั้นทั้งที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้สนใจหนึ่งจริงๆนั่นแล่ะ
"เหอะถ้ามึงสนใจมึงคงไม่บล็อกเบอร์แฟนมึงหรอก อย่าบอกว่ามึงไม่ได้บล็อกเพราะทุกคนโทรติดต่อมึงได้มีแต่ยัยนั่นที่ติดต่อมึงไม่ได้อยู่คนเดียว" ผมฟังถึงกับสะอึกเพราะมันคือความจริงที่ผมบล็อกเบอร์วันหนึ่ง
"เมื่อตอนกลางวันกูถามยัยนั่นว่าทำไมไม่โทรหามึงยัยนั่นบอกกูว่าไงรู้มั้ยยัยนั่นบอกว่าติดต่อมึงไม่ได้แบตมึงหมดทั้งที่กูรู้อยู่เต็มอกว่าคนอย่างมึงไมมีทางปล่อยให้มือถือแบตหมดหรอกแต่มึงกำลังอยู่กับผู้หญิงอีกคน เพราะแบบนี้ไงกูถึงไม่คิดที่จะบอกมึงเพราะกูคิดว่าถึงบอกมึงไปมึงก็คงไม่สนใจอยู่ดีเพราะมึงไม่ได้ชอบยัยนั่นจริงๆ แต่ถ้ามึงคิดว่ากูผิดที่ไม่บอกมึงก็แล้วแต่ แค่นี้ใช่ไหมที่มึงโทรมาหากู กูง่วงจะนอน" ตู๊ดดดดด ไอ้เชี่ยโซ่วางสายใส่ผมทั้งที่ผมยังคุยกับมันไม่จบ