ทางเข้าหมู่บ้านสุดหรูระดับหกดาวเต็มไปด้วยการตกแต่งแบบสถาปัตยกรรมหินอ่อน ปอร์เชคาเยนน์คันใหญ่ค่อยๆ เลี้ยวผ่านรั้วคฤหาสน์พันล้าน ก่อนชะลอจอดบริเวณหน้ามุข
เมื่อฟ้ารดาก้าวลงมา นมนุ่มซึ่งยืนรออยู่ก่อนแล้วรีบเดินเข้ามาหาทันที ดวงตาหญิงชราแดงก่ำคลอด้วยหยาดน้ำตาอันเกิดจากความดีใจ นางเฝ้าภาวนาทุกวี่วันให้คุณหนูหายป่วยโดยไว
“คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างคะ ดูสินอนโรงพยาบาลตั้งหลายวันผอมเชียว หิวไหมคะวันนี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวนมเข้าครัวทำให้”
“ขอบคุณค่ะ อยู่โรงบาลกินอะไรก็ไม่อร่อยเท่าอยู่บ้านจริงๆ แหละค่ะ”
“คุณหนูจำนมได้…”
“พี่รัณเล่าให้ฟังค่ะ ถ้าเจอคุณยายสวยๆ ท่าทางดูใจดีหน่อยให้เรียกว่าคุณนม”
ดวงตาคู่สวยขยิบให้หนึ่งที ก่อนมาที่นี่ก็ได้ยินรายละเอียด ของคนในคฤหาสน์นี้พอสมควร ภารัณเล่าความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันและพื้นฐานครอบครัวเพื่อฟื้นความทรงจำเธอบางส่วน หญิงสาวแปลกใจพร้อมกับนิ่งงันไปหลายนาที เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นลูกสาวคนเดียวของนายตำรวจใหญ่ไฮโซ ส่วนหญิงชราตรงหน้าคือคนที่เลี้ยงตนมาแต่เด็กด้วยกำพร้าแม่ตั้งแต่เกิด
“ค่ะ จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แค่คุณหนูหายดีนมก็ดีใจแล้ว” นมนุ่มระบายยิ้มอ่อนๆ แต่รอยยิ้มนั้นแฝงไว้ด้วยความเศร้าใจ
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ตอนนี้จำไม่ได้แต่อีกไม่นานฟ้าจะจำ คุณนมได้แน่นอนคราวนี้จะไม่มีวันลืมอีก”
“โถ คุณหนู…”
นมนุ่มน้ำตาคลอ มือเหี่ยวย่นข้างที่ว่างลูบแก้มนวลปลั่งเบาๆ
“เข้าข้างในกันเถอะ ถ้าสายกว่านี้แดดแรงอากาศร้อนขึ้นมาจะไม่สบายอีก ฟ้ายิ่งตัวรุมๆ อยู่”
ชายหนุ่มล้วงผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อเชิ้ต เอื้อมมือมา ซับเม็ดเหงื่อที่ข้างขมับให้ จากนั้นดวงตาคมกริบก็เหลือบมอง รอบข้างพบว่าบรรยากาศตอนนี้อบอ้าวพอสมควร
“ก็ได้ค่ะ”
ใบหน้าหวานพยักตอบ ท่าทีใสซื่อเชื่อฟังคำพูดสามีทุกอย่าง ไม่ขัดใจเขาสักนิดเดียว อุบัติเหตุคราวนี้ทำฟ้ารดาเปลี่ยนเป็น คนละคน มาดเดิมที่เคยแข็งแกร่งเก่งไปเสียทุกเรื่องไม่มีอีกต่อไป
“ไปกัน”
ภารัณตัดบทสนทนาเสร็จก็ฉวยมือภรรยาเดินผ่านประตูกระจกเข้าไปด้านใน แววตาเยือกเย็นสบตานมนุ่มเพียงเสี้ยววินาที ก่อนความสนใจทั้งหมดถูกดึงกลับมายังร่างเล็กข้างกาย สองสามีภรรยาเดินมาหยุดตรงโถงกลางของคฤหาสน์ซึ่งมีโคมไฟระย้าแขวนฝ้าเพดานไว้อย่างสวยงาม
ห้องรับแขกข้างล่างขนาบข้างด้วยบันไดลักษณะครึ่งวงกลมซึ่งสามารถมองทะลุไปด้านบนได้ ผู้ออกแบบเลือกคุมโทนเฟอร์นิเจอร์เป็นสีครีมและทอง เพราะอยากให้ผู้มาเยือนสัมผัสถึงความหรูหราตามสไตล์เจ้าของบ้าน
“เป็นไง ตอนนี้รู้สึกคุ้นบ้างหรือยัง”
“ไม่เลยค่ะ ฟ้าจำที่นี่ไม่ได้สักนิด” เสียงถอนหายใจยาวๆ สะท้อนความรู้สึกของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี ด้านภารัณพอฟ้ารดาหน้าเศร้าก็สงสารจึงเอ่ยปลอบว่า
“อย่าคิดมาก ค่อยๆ นึกก็ได้ไม่ต้องรีบหรอก” เสียงทุ้มกล่าวขณะส่งยิ้มให้เธอ และเพราะใกล้กันตลอดสี่วันสามคืนที่ผ่านมาหญิงสาวจึงเริ่มไว้ใจอีกฝ่ายมากขึ้น
“ค่ะ แล้วนี่พี่รัณจะพาฟ้าไปไหนต่อ” แววตาเธอเปล่งประกายไม่ต่างกับแสงแรกของวัน เห็นชายหนุ่มให้กำลังใจเมื่อครู่ เหมือนตระหนักรู้ขึ้นมาทันทีการทำตัวเซื่องซึมไม่มีประโยชน์อะไร เดี๋ยวจะพานทำให้บรรยากาศรอบข้างย่ำแย่
“ไปบอกข่าวดีของเรากับคนสำคัญของฟ้าไง”
“คนสำคัญของฟ้า?” คิ้วเรียวขมวดสงสัย
“พร้อมหรือยังครับคนสวย”
ร่างสูงก้าวขาไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จากนั้นก็หมุนกายส่งมือให้จับจูง ภารัณเผยรอยยิ้มกว้างราวดอกไม้ที่เบ่งบานในฤดูร้อน ทำคนมองเคลิ้มไปกับความสดใสซึ่งถูกปั้นแต่งขึ้นมา โดยหารู้ไม่ว่าทั้งหมดนี้อาจเปลี่ยนเป็นกับดักได้ทุกเมื่อ
คนสำคัญที่ภารัณหมายถึงคือชายชราซึ่งท่องอยู่ใน ห้วงนิทราบนเตียง…
ซ้ายมือเขามีเครื่องช่วยหายใจต่อสายระโยงระยางครอบจมูก บัดนี้บรรยากาศในห้องนอนเงียบสนิทกระทั่งได้ยินเสียงเครื่องมือดังในทุกๆ วินาที
เมื่อเห็นฟ้ารดายืนนิ่งคล้ายถูกสาปชายหนุ่มก็มั่นใจขึ้นมา ต้องมีความรู้สึกบางอย่างกวนใจดวงน้อยเป็นแน่ เมื่อรู้เช่นนั้นสามีที่ดีอย่างเขาจึงกระชับมือบางแน่นกว่าเดิม
“นี่ท่านอาจหาญพ่อของฟ้า เข้าไปบอกข่าวดีของเราให้ท่านฟังสิ พี่รู้นะถ้าเป็นเมื่อก่อนฟ้าคงรีบวิ่งไปบอกให้ท่านฟังคนแรก” ภารัณผละห่างร่างเล็ก จากนั้นก็ดันแผ่นหลังบางให้หยุดบริเวณ ข้างเตียง
“ทำไมคุณพ่อถึงเป็นแบบนี้ เกิดอะไรขึ้นกับท่านคะ”
“อุบัติเหตุน่ะ ท่านประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้เกือบ หกเดือนแล้วมั้ง” เสียงเข้มไม่ลงรายละเอียด ทว่าหวนนึกถึงเรื่องนี้ทีไรใบหน้าคมมักราบเรียบเสมอ ตอนเกิดเหตุร้ายใหม่ๆ เขา ไม่แยแสทำเอาคนเก่าแก่ในคฤหาสน์ตั้งแง่ไม่พอใจ พวกเขาตัดสินว่าภารัณแต่งงานกับฟ้ารดาเพื่อผลประโยชน์ ไม่ใช่เพราะรักคุณหนูอย่างที่ปั้นหน้าหลอกลวง
“อุบัติเหตุอีกแล้วเหรอ…” หญิงสาวแค่นยิ้มเย้ยหยันโชคชะตาที่ครอบครัวเผชิญ
“คงเป็นกรรมของคนบ้านนี้ใช่ไหมคะ ทำไมถึงเกิดเรื่องร้ายๆ กับคุณพ่อด้วย” ดวงตาคู่งามกะพริบถี่ๆ ขับไล่น้ำตาซึ่งไม่รู้คลอหน่วยตั้งแต่เมื่อไร
“นี่คงเป็นเหตุผลที่ท่านไม่เคยไปเยี่ยมฟ้าที่โรงบาลสินะ” ชายหนุ่มไม่ตอบแต่พยักหน้ารับแทน
“ตอนแรกฟ้าก็คิดน้อยใจแบบเด็กๆ แต่คงไม่มีพ่อที่ไหนไม่รักลูกหรอกเนอะพี่รัณว่าไหม”
“ฟ้าใช้เวลาเงียบๆ คุยกับท่านเถอะ ส่วนพี่ออกไปรอข้างนอกดีกว่า” คนพูดหน้าเครียดชัดเจน
“ก็ได้ค่ะ ฟ้าขออยู่กับท่านก่อนนะ”
“โอเคเรียบร้อยเมื่อไรตามมานะ” เอ่ยจบแล้วหมุนกายจากไปทันที ไม่รู้เพราะหวังดีอยากให้เธออยู่ใกล้พ่อ หรือไม่อยากเห็นน้ำตาอีกฝ่ายกันแน่ คนตัวสูงก็ไม่อาจตอบคำถามเกี่ยวกับการกระทำงี่เง่าพวกนี้ได้
เกือบยี่สิบนาทีเห็นจะได้ฟ้ารดาจึงเดินออกมา ตาสีน้ำตาลเหลือบมองรอบกายจากนั้นล็อกเป้าหมายทิศขวามือ
คิ้วเรียวมุ่นทันทีที่เห็นภารัณคุยกับใครบางคน ก้าวเพียงไม่ กี่ก้าวเธอก็ถึงตัวพวกเขา
“พี่รัณ” ฟ้ารดามองคู่สนทนาสามีคล้ายมีคำถามในใจ และเหมือนชายหนุ่มเองก็พอรู้สึกได้จึงกล่าวแนะนำว่า
“นี่คุณฉัตร เธอเป็นภรรยาพ่อฟ้า”
“คุณฟ้าหายดีแล้วใช่ไหมคะ” ปากอิ่มระบายยิ้มจางๆ ทักคุณหนูเจ้าของคฤหาสน์ ‘คุณฉัตร’ หรือ ‘ร่มฉัตร’ คือหญิงสาวใบหน้างดงามดุจนางพญา ดวงตาทรงเสน่ห์ยามสบตาฟ้ารดาดู เป็นมิตร แต่แวบนึงก็ฉายแววแข็งกระด้างเช่นกัน ร่มฉัตรดูเยาว์วัย คาดคะเนอายุหล่อนคงแก่กว่าภารัณไม่กี่ปี
“ฉัตรดีใจด้วยนะ เด็กคนนี้โชคดีมากๆ เพราะเกิดจากความรักของพ่อและแม่ สมบูรณ์แบบจริงๆ ค่ะ”
หล่อนจับมือฟ้ารดา น้ำเสียงหวานช่างอบอุ่นแต่กลับทำให้ผู้ฟังเคลือบแคลงใจอย่างบอกไม่ถูก หรือเพราะบุคลิกนิ่งๆ เหมือนเข้าถึงยากของร่มฉัตรจึงดูมีไอเย็นอยู่รอบกายตลอดเวลา
“ขอบคุณนะคะ”
หญิงสาวขืนตัวจากการเกาะกุม ผุดยิ้มน้อยๆ ตามมารยาท
“เย็นนี้ว่างหรือเปล่าหรือมีแพลนทานมื้อค่ำนอกบ้านกันคะ ถ้าไม่มีฉัตรขอโอกาสชวนดินเนอร์เลยได้ไหม เราไม่ได้ร่วมโต๊ะอาหารกันนานแล้วถือว่าต้อนรับคุณฟ้ากลับบ้าน เดี๋ยวฉัตรเตรียมทุกอย่างเอง”
“เอ่อคือฟ้า…” เจ้าของใบหน้าหวานคล้ายขอความเห็นจากสามี เธอมีท่าทีลังเลอย่างเห็นได้ชัด
“แหม เดี๋ยวนี้กลายเป็นว่าจะทำอะไรต้องปรึกษาคุณรัณก่อนแล้วเหรอคะ คู่นี้น่ารักจัง” หล่อนป้องปากแซว
“พี่ได้หมด ฟ้าตัดสินใจเลย”
“งั้นก็ตกลงค่ะ”
ในที่สุดก็ตัดสินใจรับคำชวน มองเผินๆ อาจเป็นเพราะมารยาทเธอจึงไม่ออกปากปฏิเสธ แต่ลึกๆ มีเหตุผลมากกว่านั้น ซึ่งฟ้ารดารู้เพียงคนเดียว
เข็มนาฬิกาเดินหน้าเข้าสู่เลขเจ็ดไม่ขาดไม่เกิน สวนสวยสไตล์อังกฤษใกล้บริเวณสระว่ายน้ำ ใช้เวลาตกแต่งเพียงไม่นานก็สามารถเนรมิตให้เหมาะสมสำหรับดินเนอร์เล็กๆ ยามค่ำคืน
ร่มฉัตรออร์เดอร์อาหารที่รังสรรค์โดยเชฟระดับมิชลินสตาร์ ซึ่งเปิดมาด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง Shrimp cocktail กุ้งเนื้อเด้งดึ๋งเคลือบซอสเปรี้ยวอมหวานที่มีความสุกกำลังพอดี
“รสชาติถูกปากคุณฟ้าหรือเปล่าคะ”
จัดการอาหารในจานเรียบร้อยหล่อนก็ชวนอีกฝ่ายพูดคุย
“อร่อยดีค่ะ ฟ้าชอบ”
“คุณฟ้าชอบฉัตรก็ดีใจ”
คำตอบที่ได้ยินทำความรู้สึกบางอย่างก่อขึ้นในใจร่มฉัตร ทว่าเลือกซ่อนเอาไว้และไหลตามน้ำต่อไป
“คุณฟ้าแพลนเรื่องคนดูแลน้องไว้หรือยังคะ มีคุณหมอ หรือเปล่าฉัตรแนะนำได้นะ พอดีฉัตรรู้จักหมอสูติเก่งๆ เยอะค่ะ ตัวเองอยากมีลูกเหมือนกัน แต่เสียดายท่านอาจหาญดันป่วยก่อน”
“พี่รัณบอกว่าคุณพ่อประสบอุบัติเหตุไม่ใช่เหรอคะ”
ฟ้ารดา ขมวดคิ้วถามภารัณที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่กลายเป็นร่มฉัตรตอบแทน
“ใช่ค่ะเลยป่วยติดเตียงแบบทุกวันนี้”
ไม่รู้ทำไมเห็นเมียพ่อทีไร ฟ้ารดาไม่รู้สึกถึงความรักเลยสักนิด อาจเพราะหล่อนไม่ได้ดูเสียใจขนาดนั้น แถมแววตายังเฉยชาเหมือนไม่อยากมีอาจหาญในชีวิต หล่อนจึงสามารถเล่าถึงอาการป่วยของท่านเหมือนเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป
“คุณฉัตรคงลำบากไม่น้อยกว่าจะผ่านมาได้”
“ฮ่าๆ อย่าทำหน้าเครียดสิคะ ฉัตรแค่แซวเล่นเฉยๆ” ร่มฉัตรหัวเราะอย่างมีจริตจะก้าน แต่ไม่ลืมรักษามาดผู้ดี
“ชีวิตฉัตรตอนนี้สบายจะตาย ไม่ได้ลำบากอะไรมากอย่างที่คุณฟ้าเข้าใจหรอกค่ะ”
“งั้นเหรอคะ แต่ฟ้าว่า…”
“ฟ้าแบ่งปลาพี่ไปกินดีกว่า” เสียงทุ้มโพล่งขึ้นขณะหั่นอาหารจานที่สองให้เธอ หลังจากค็อกเทลกุ้งรสเลิศ เชฟเลือกเสิร์ฟคอร์สที่สองเป็น เนื้อปลาราดซอสทรัฟเฟิล
“ไม่เป็นไรของฟ้าก็มีเหมือนกัน” หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ
“พี่อยากให้ ฟ้าต้องกินเยอะๆ เพื่อบำรุง อย่าลืมสิเราไม่ได้ ตัวคนเดียวอีกแล้ว มีเจ้าตัวแสบอีกหนึ่งในท้องกินแค่นี้ลูกพี่จะอิ่มได้ยังไง” พูดจบก็ลูบศีรษะคนตัวเล็ก เป็นเชิงเอ็นดู
“สามีใส่ใจแบบนี้น่าอิจฉาจังเลยนะคะ ทำไมฉัตรรู้สึกว่าพอมีลูกคุณรัณสวีตกับคุณฟ้ามากกว่าเดิม”
แววตาดุดันสบตาภารัณชั่วครู่ จากนั้นก็ถอนสายตากลับมา เรียบนิ่งดังเดิม
“ฉัตรลืมไปสนิทเลย” อยู่ดีๆ หล่อนก็ป้องปากแล้วเบิกตากว้าง
“พอดีเตรียมซุปบำรุงสูตรพิเศษให้คุณฟ้าค่ะ ฉัตรเข้าครัว ทำเองกับมือเลยนะ จริงๆ เห็นอย่างนี้ฉัตรชอบทำอาหารมาก เดี๋ยวให้แม่บ้านยกมาเสิร์ฟร้อนๆ นะคะ คุณฟ้าจะได้ทานเลย”
ร่มฉัตรเหลือบมองทางขวาราวส่งสัญญาณ ใช้เวลาไม่ถึงนาทีเมนูดังกล่าวก็เสิร์ฟตัดหน้าคอร์สถัดไป
ซุปใสปรุงด้วยเครื่องสมุนไพรชั้นดี เมื่อวางบนโต๊ะกลิ่น ความหอมก็ลอยเข้าจมูกทันที ฟ้ารดาเผยยิ้มจางๆ เป็นการขอบคุณ มือกำลังจะหยิบช้อนแต่ไวไม่เท่าชายหนุ่มข้างกาย
“อร่อยดีนะครับ” ภารัณไม่รอเมียอนุญาต มือตักน้ำซุปเข้าปากแล้วชมร่มฉัตร
“คุณรัณชิมแล้วรสชาติผ่านไหมคะ” มุมปากเคลือบลิปสติก แดงเลือดนกข้างหนึ่งยกขึ้นเล็กน้อย
“ครับ ผ่าน”
“ถ้าคุณบอกว่าผ่าน งั้นคุณฟ้าคงทานได้แล้ว”
สายตาเย็นชาจ้องมองเจ้าของใบหน้าคมคาย แวบหนึ่ง ความผิดหวังฉายชัดผ่านแววตาเจ้าหล่อนก่อนแปรเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า