บทที่ 4 วาบหวาม

2127 คำ
อาหารมื้อค่ำจบลงด้วยความอึดอัดของคนทั้งคู่ แม้พวกเขาพยายามผ่อนคลายราวต้องการกลบเกลื่อนพฤติกรรมแปลกๆ บนโต๊ะอาหาร แต่ไม่สามารถเล็ดลอดสายตาฟ้ารดาไปได้ ทันทีที่ย่างก้าวเข้าห้องนอน ภารัณเสนอให้คนตัวเล็กจัดการธุระของตัวเองให้เรียบร้อยก่อน ส่วนเขาก็นั่งดูรายการกีฬาอยู่บนโซฟามุมหนึ่ง หากนัยน์ตากลับเหม่อลอยไม่จดจ่อกับสื่อบันเทิงตรงหน้า กระทั่งหญิงสาวอาบน้ำเสร็จเดินออกมาภารัณก็ยัง ไม่รู้สึกตัว “พี่รัณ” เสียงหวานเอ่ยเรียกเบาๆ เมื่อยังไม่ได้รับความสนใจเธอจึง ย่อกายลงนั่งข้างๆ แล้วสะกิดร่างสูง “พี่รัณคะ” “ฮะ ว่าไงนะ” เขาหันกลับมามองเจ้าของเสียงเรียก “ฟ้าอาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ” “ฟ้าเรียบร้อยตั้งนานแล้ว พี่รัณเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายตรงไหนบอกฟ้าได้นะเห็นอาการพี่ไม่ดีตั้งแต่บนโต๊ะอาหารแล้ว” “เดี๋ยวนี้ช่างสังเกตขนาดนั้นเชียว” ชายหนุ่มผุดยิ้มน้อยๆ มือแกร่งจับศีรษะเธอโยกไปมา เท่านี้ก็พอเดาได้ว่าต้องการเปลี่ยนเรื่อง “ไม่ดีเหรอ หรือเมื่อก่อนฟ้าไม่ค่อยสนใจพี่” หญิงสาว ขมวดคิ้วมีสีหน้าคล้ายกำลังครุ่นคิด ภารัณหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็วางแขนพาดยาวไปตาม พนักโซฟาซึ่งไม่ต่างกับการโอบกอดร่างเล็กทางอ้อม “จะเรียกว่าไม่สนใจได้หรือเปล่าน้า…” เสียงนุ่มเว้นจังหวะ ครู่เดียวเพราะอยากก่อกวน “พี่รัณ!” “ฮ่าๆ พี่ล้อเล่น ฟ้าน่ารักมาก” เสียงทุ่มเอ่ยจบก็คลี่ยิ้มบางๆ ใช่เธอน่ารัก แต่เป็นเขาเองที่นิสัยไม่ดี หลอกลวงอีกฝ่าย ตั้งแต่ต้น กระทั่งละครเรื่องนี้ปิดฉากลงด้วยเลือด ส่วนผู้ฟังได้ยินเช่นนั้นแววตาพลันเปล่งประกาย ทันใดนั้น ฟ้ารดาทำในสิ่งที่ภารัณคาดไม่ถึง ริมฝีปากอมชมพูกดจูบข้าง แก้มสาก ไม่กี่วินาทีถัดมาก็ลุกหนีด้วยอาการเคอะเขิน แต่มีหรือจะไวเท่ากรงเล็บเสือหนุ่ม เขาตะปบแขนดึงเธอเบาๆ จนร่างอรชร เสียหลักลงนั่งบนตักแกร่ง “พี่รัณปล่อยฟ้าก่อน กอดแน่นขนาดนี้ลูกอึดอัดแย่” เสียงเตือนฟังแล้วไม่ต่างจากเสียงกระซิบจึงไม่มีผลมากนัก ภารัณยังคงเป็นคนเดิมอยู่วันยังค่ำ นิสัยเอาแต่ใจไม่เดินตามความต้องการของใครง่ายๆ นอกจากตัวเอง “แล้วเมื่อกี้ฟ้าทำอะไรพี่” “ฟ้าทำอะไรล่ะ ก็แค่…” ฟ้ารดาแก้ตัวยังไม่จบ ริมฝีปากอิ่มก็ถูกจูบหวานๆ รุกล้ำ ไม่เหลือจังหวะให้บ่ายเบี่ยง ลิ้นเขาตวัดเกี่ยวพันปลายลิ้นเล็กทีละน้อย ขณะเดียวกันมือหนาก็กระชับเอวคอดแน่น พื้นที่ระหว่างหนุ่มสาวแทบไม่เหลือให้อากาศแทรกผ่าน เรียวปากสัมผัสกันยิ่งเร่าร้อนจนคนตัวเล็กหายใจติดขัด เธอครางประท้วงในลำคอมือดันแผงอกกว้างจากนั้นก็ดิ้นเบาๆ บอกให้เขารู้ ภารัณถอนจูบด้วยท่าทางอ้อยอิ่ง แววตาแสนเสียดายมอง ริมฝีปากบวมเจ่อก่อนกลืนน้ำลายลงคอ “ไม่ต่อเหรอ” คิ้วเรียวเลิกขึ้นขณะนิ้วโป้งนวดคลึงสะโพกเธอ “หืมมม” ชายหนุ่มลากเสียงถามซ้ำ ออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำกับใคร “แค่จูบพอแล้วค่ะ” “ฟ้าพอ แต่พี่ยังไม่อิ่มเลย” “พี่รัณอายุกี่ขวบคะ อย่าทำเหมือนเด็กน้อยงอแงเวลาถูก ขัดใจสิ” เธอหัวเราะ ก่อนทาบมือลงบนแก้มทั้งสองข้างของเขา “นี่ฟ้าว่าพี่เหมือนเด็กเหรอ” “ใช่ พี่รัณเหมือนเด็ก” “ถ้างั้นเด็กน้อยอย่างพี่ต้องดื่มนมก่อนนอนรึเปล่าถึงจะ หลับฝันดี” เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้ ฟ้ารดา แก้มร้อนผ่าวเข้าใจในสิ่งที่ภารัณต้องการจะสื่อ เด็กแสบอย่างเขานมที่ว่าคงไม่ใช่ดื่มจากแก้วแน่ๆ “พอ ฟ้าไม่คุยกับพี่รัณต่อแล้วคนลามก” “ฮ่าๆ ทำไมล่ะเขินเหรอหรืออยากต่อ รู้ไหมตอนนี้ฟ้าทำพี่แข็งแค่ไหน” เสือหนุ่มหลุบตามองต่ำทำเอาเหยื่อสาวสะดุ้ง เพิ่งรู้สึกถึงความแข็งตุงที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงผ้าเนื้อดี “ฟ้า…” เขาทำท่าอยากต่อจูบรอบถัดไป แต่ครั้งนี้กลายเป็นคนตัวเล็กไวกว่า เธอยกมือปิดปากเขาแล้วเอ่ยนิ่งๆ แต่กลับทำภารัณชะงักงัน “ตอนนี้ฟ้าจำอะไรไม่ได้ พี่รัณอยากรังแกคนป่วยเหรอคะ” คำว่าจำไม่ได้มีอานุภาพมากพอทำเขาไร้เรี่ยวแรง เมื่อรู้ดีสาเหตุทั้งหมดที่ทำเธอตกอยู่ในสภาพนี้เกิดขึ้นเพราะใคร “งั้นฟ้าไปนอนเถอะ เดี๋ยวพี่อาบน้ำก่อน” กล่าวเสียงเข้มก่อนพยุงร่างบางให้ยืนขึ้น ส่วนฟ้ารดาแม้มึนงงชั่วขณะแต่ก็พยักหน้ารับไม่ปฏิเสธ สองสามีภรรยาแยกย้ายไปคนละทิศละทาง จากบรรยากาศหวานๆ เมื่อครู่กลายเป็นเฉยชาจนน่าอึดอัด ฟ้ารดาห่มผ้าคลุมถึงลำคอ นัยน์ตาจ้องมองเพดานฝ้าหลุมพลางนึกถึงดวงตาคมเข้มเมื่อครู่ แววตาว่างเปล่าที่เขาใช้มอง ดูเย็นชา เธอเหมือนโดนผลักตกลงไปในเหวลึก ไร้หนทางปีนป่าย ไม่มีทางออก ต้องรอคอยใครสักคนยื่นมือช่วยเหลือและมอบ แสงสว่างนำทาง แต่ใครคนนั้นคงไม่มีวันเป็นภารัณ ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงเจ้าของร่างสูงก็ก้าวออกมา ไฟเพดานดับลงตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ชายหนุ่มไม่ได้ให้ความสำคัญแต่อย่างใด นัยน์ตาคู่คมหรี่มองร่างบางด้วยหางตา จากนั้นก็เปิดประตูเดินออกไปนอกห้องทันที เมื่ออีกฝ่ายหายไปฟ้ารดาที่แกล้งหลับอยู่ก็ลืมตาขึ้น ภายใต้ความมืดมิดมือเธอกำผ้าปูที่นอนแน่น แววตานิ่งๆ ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวรู้สึกเช่นไร แม้เวลาย่างเข้าสู่เที่ยงคืนแล้ว แต่โซนบาร์ข้างล่างของคฤหาสน์ยังมีลูกค้าวีไอพีอย่างภารัณนั่งอยู่ “ควบคุมตัวเองไม่ได้ถึงขนาดต้องใช้เหล้าช่วยเลยหรือไง” น้ำเสียงเย้ยหยันดังขึ้นพร้อมกับหญิงสาวในชุดนอนผ้าพลิ้วสีแดง “จำได้หรือเปล่ารัณตกอยู่ในสภาพนี้มากี่เดือนแล้ว!” เมื่อร่มฉัตรแย่งแก้วเครื่องดื่มสีอำพันจากมือ นัยน์ตาดุร้ายตวัดมองหล่อนชี้ชัดความอดทนเวลานี้ต่ำเตี้ยถึงขีดสุด “อย่ามายุ่ง!” เสียงภารัณเข้มขึ้นไม่เหลือมาดขรึมที่เคยปั้นแต่งต่อหน้าผู้อื่น แท้จริงเขาเป็นคนอารมณ์ร้อน พอเจอสถานการณ์บีบคั้นเช่นนี้ ยิ่งร้อนกว่าเดิมหลายเท่า “เมื่อไรจะพอสักทีหรืออยากเห็นผมพังกว่านี้” ดวงตาแดงก่ำดุร้ายและขมขื่นในเวลาเดียวกัน เขาจ้องหน้าร่มฉัตรนิ่งๆ กำหมัดระงับปีศาจในกายไม่ให้เพ่นพ่านทำร้ายใคร “งั้นรัณจำความเจ็บปวดที่ผ่านมาไม่ได้หรือไง หรือเจอ มารยาหญิงเข้าหน่อยก็ใจอ่อนลืมเรื่องทั้งหมดแล้ว จำไม่ได้ใช่ไหมว่าเราเสียใจกันขนาดไหน” ร่มฉัตรกัดปากแน่น วาจาเกรี้ยวกราดรื้อฟื้นถึงอดีตไม่มีทีท่าสำนึกว่าความผิดที่ตัวเองก่อนั้นบาปเช่นกัน “แต่ผมกำลังมีลูก และเราก็ได้สิ่งที่ต้องการหมดแล้ว” “หึตลกดีนะ คนฉลาดๆ อย่างรัณตอนนี้กลับเชื่ออะไรง่ายๆ” หล่อนหัวเราะพลางส่ายหน้า แววตาผิดหวังมองภารัณเหมือนกระจกสะท้อนให้เห็นว่าเขาโง่แค่ไหน “แค่มันบอกว่าท้องรัณก็เชื่องั้นเหรอ อยู่ด้วยกันตั้งนานทำไมเพิ่งมาท้องเอาตอนนี้” “ตอนนี้ถึงฟ้าไม่ท้องผมก็ปล่อยเขาไปไม่ได้” พอได้ยินคำตอบเช่นนั้นร่มฉัตรก็เผยความโกรธเคืองผ่าน ทางสายตา มือหล่อนจิกเกร็งจากนั้นก็เอ่ยน้ำเสียงแข็งๆ ว่า “ทำไม หรือรัณเปลี่ยนใจไปรักยายเด็กนั่น” “จะรักหรือเปล่าไม่เกี่ยว เพราะที่เราทำกันอยู่ตอนนี้ก็ นอกข้อตกลงทุกอย่าง” “งั้นเหรอคุณธรรมสูงส่งจังนะ ตั้งแต่แรกที่เราเข้ามาในครอบครัวนี้รัณคิดอะไรแบบนี้หรือไง” “เอาเหล้าคืนมาแล้วขึ้นไปนอนซะ เดี๋ยวใครมาเห็นแล้วสงสัยก็วุ่นวายอีก” ภารัณเมินหน้าหนีตัดบทสนทนา “ก็ได้ แต่อย่าลืมว่าความลับไม่มีในโลก สักวันยายเด็กนั่นต้องรู้ความจริงอยู่ดี ตัวรัณเองสมควรรู้นะต้องจบเรื่องนี้แบบไหน สิ่งที่รัณหวังไม่มีทางเป็นไปได้รัณรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร” ร่มฉัตรกระแทกแก้วเหล้าบนบาร์หินอ่อน จากนั้นก็หมุนกายทิ้งคนอ่อนแอไว้เพียงลำพัง กี่ครั้งแล้วที่ชายหนุ่มต้องจมอยู่กับ กองน้ำตาและความร้าวระทมซึ่งตนเป็นผู้สร้าง วังวนแห่งความทุกข์สุดลึกล้ำ… ภารัณเป็นคนกระโจนใส่มันด้วยตัวเอง เมื่อคืนคนเมานอนตรงโซฟาข้างล่าง พอฟ้าเริ่มสว่างก็ สะดุ้งตื่นพบเพียงความโดดเดี่ยวเหมือนเคย ภารัณสะบัดศีรษะที่หนักอึ้งก่อนก้าวเท้าขึ้นบันไดเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องนอน ทันทีที่ประตูเปิดออกก็เห็นผู้เป็นภรรยาหลับสนิทอยู่บนเตียง ร่างสูงโน้มกายสำรวจใบหน้าหวานพบข้างแก้มเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ฟ้ารดาคงร้องไห้เมื่อคืนและต้นเหตุความเศร้าครั้งนี้จะเป็นใครได้อีกนอกจากเขา ยามคิดเช่นนั้นภารัณปวดร้าวไม่ต่างกับถูกหนามแหลมทิ่มแทงหัวใจ ความบอบช้ำทำใจแกร่งแหลกสลายสุดท้ายจำต้องสอดกายใต้ผ้าห่มกอดเธอหลวมๆ เยียวยาตัวเอง ดวงตาคู่คม หลับลงเพราะความสุขในช่วงเวลานี้สำคัญที่สุด ต่อให้ปลายทางข้างหน้าต้องทนทุกข์ก็พร้อมรับผลที่ตามมา และแล้วเวลาก็เลยผ่านไปหลายชั่วโมง เสียงนาฬิกาปลุก ข้างหัวเตียงดังขึ้นทำชายหนุ่มสะดุ้งตื่นอีกรอบ แต่ครั้งนี้ลืมตา ไม่พบความว่างเปล่าเช่นเคย เพราะบัดนี้มีใครอีกคนอยู่ข้างกาย ทำเอาภารัณอบอุ่นหัวใจ ความรู้สึกแบบนี้สินะที่โหยหามาเนิ่นนาน ฟ้ารดาเติมเต็มบางสิ่งที่หายไปโดยไม่ต้องลงมือทำอะไรมากมาย แค่มีเธอใกล้ๆ ก็เพียงพอ “อื้อ…” เสียงเล็กบ่นอู้อี้ในลำคอเหมือนใกล้ตื่นมีผลให้ชายหนุ่ม ขยับกายออกห่างโดยอัตโนมัติ แต่ไม่ทันกาลเพราะนัยน์ตาคู่หวานดันลืมขึ้นมาพอดิบพอดี เมื่อตาทั้งสองประสานกันภารัณแทบหยุดหายใจ ใจแกร่ง เต้นแรงกว่าเคย และถ้าฟ้ารดาขยับใกล้ชิดกว่านี้ไม่นานความนัย ซึ่งเก็บไว้คงระเบิดแน่ มือเขากำผ้าปูที่นอนสุดแรง จากนั้นก็ กลบเกลื่อนทุกอย่างด้วยการปั้นหน้านิ่ง “พี่รัณตื่นไวจัง” เธอระบายยิ้มน้อยๆ น้ำเสียงที่ใช้ถามฟังดูอ้อนเหลือเกิน “มอร์นิงนะคะ” เอ่ยทักทายยามเช้าจบฟ้ารดาก็ปล่อยมัดน็อกเขาคาเตียง ริมฝีปากกระจับโน้มจูบปากหยักเบาๆ แต่สามารถปลุกความปรารถนาในกายชายได้ แม้สัมผัสแสนหวานที่มอบให้เพียงผิวเผิน ก็ตาม และไม่ถึงเสี้ยวนาทีใบหน้าหล่อก็ซุกไซ้ลงข้างลำคอขาว ในจังหวะที่ร่างบางกำลังจะก้าวลงจากเตียง “ทำพี่ค้างขนาดนี้จะหนีไปไหน” เสียงแหบพึมพำถามข้างหูขณะกดจูบเย็นๆ บนลำคอระหง กลิ่นแป้งเด็กหอมๆ บนผิวกายกอปรกับท่าทางน่าหลงใหลป่วนใจเขาแทบบ้า ก่อนหน้าภารัณ ไม่เคยใจแข็งตัดฟ้ารดาได้จริงๆ สักที และตอนนี้เหมือนยิ่ง ไม่สามารถทำได้ มือหนาจับหัวไหล่มนหันเผชิญหน้า จากนั้นก็ประกบจุมพิตครอบครองริมฝีปากเธอ จูบเขาทั้งหนักหน่วงและเร่าร้อนใน เวลาเดียวกัน ภารัณขบเม้มกลีบปากบางซ้ำๆ จนฟ้ารดาหอบหายใจทันทีเมื่อถูกปล่อยเป็นอิสระ ใจดวงน้อยเต้นระรัวยามสบตาทรงเสน่ห์ชัดๆ แววตาเขา ไม่ต่างกับเปลวไฟที่แผดเผาเธอให้ละลายกลายเป็นขี้ผึ้งพร้อม ทำตามความต้องการ หญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่งคร่อมตักแกร่งตั้งแต่เมื่อไร สะดุ้งอีกทีตอนได้ยินเสียงทุ้มและเห็นใบหน้าหล่อเขยิบ เข้าใกล้ “หวาน…ฟ้าหวานมาก” ภารัณจูบสานต่อสิ่งที่ค้างคาซึ่งไม่รู้จะสิ้นสุดลงที่ใด เขาแทรกลิ้นเข้าหาโพรงปากนุ่มตักตวงผลประโยชน์ซ้ำๆ ราวฟ้ารดาคือ ของหวานจานโปรด ถึงอีกไม่นานทุกอย่างต้องจบลง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม