บังเอิญจังเลยนะคะ

1208 คำ
ตั้งแต่ประธานคนใหม่เข้ารับตำแหน่ง ฉันก็หัวหมุนไม่เว้นวัน งานที่ทำหนักขึ้นเป็นสองเท่า ส่งผลให้ตอนนี้เกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว แต่ฉันยังไม่ก้าวขาออกจากบริษัทเลย “เอ้า! คุณอลิสา ยังไม่กลับอีกเหรอครับเนี่ย” ยามที่ขึ้นมาชั้นบนเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ก่อนจะหันไปเปิดไฟให้สว่างวาบ หลังจากที่เพิ่งกดปิดเพราะนึกว่าไม่มีคนอยู่ “กำลังจะกลับแล้วค่ะ” ฉันเร่งรีบปิดคอมพิวเตอร์ ก่อนจะเก็บของใช้ส่วนตัวเข้ากระเป๋าสะพายสีดำใบเล็ก ใบใหญ่ก็ใช้สะดวกอยู่แล้ว ไม่น่าหยิบใบเล็กให้มันหรูหราเข้ากับลุคเลย “โห ตั้งแต่เปลี่ยนประธานมานี่งานหนักเหรอครับ” “สุด ๆ เลยค่ะ ไปก่อนนะคะ” ว่าแล้วก็วิ่งตัวปลิวผ่านหน้าพี่ยามออกมาอย่างลนลาน ก่อนจะตรงไปที่ชั้นจอดรถที่มีเพียงรถเก๋งสีขาวจอดอยู่คันเดียว หลังจากที่ยัดตัวเองเข้ารถเสร็จ ฉันก็เหยียบคันเร่งออกมาทันที แต่ยังไม่ทันไปถึงไหนก็ต้องรีบเบรก เพราะรู้สึกถึงความผิดปกติของล้อรถ “อย่าบอกนะ...” ฉันเปิดประตูแล้วเดินออกมาดูล้อรถด้านหน้าด้วยใจที่ห่อเหี่ยว มันแบนได้ยังไงเนี่ย แบนตั้งแต่ตอนไหน “อะไรมันจะซวยขนาดนี้เนี่ย” มือเล็กขยำกำเส้นผมตัวเองแล้วยีแรง ๆ ไล่ความหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่วันนี้ ก็ไม่รู้จะหาวันไหนเหมาะได้มากเท่านี้อีกแล้ว ฉันยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาอีกรอบ พบว่าตอนนี้ทุ่มกว่าแล้ว คุณเหมันต์อาจจะกลับไปแล้ว หรือไม่ก็กำลังจะกลับ ฉันควรถอดใจ หรือเดินหน้าดี ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งฉันก็ตัดสินใจเดินหน้าต่อ ยังไงร้านอาหารญี่ปุ่นนั่นก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของฉันนัก ถ้าไปทันก็คงเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ แล้วละ เมื่อตัดสินใจได้ฉันก็ไม่รีรอ รีบออกมาที่ถนนใหญ่แล้วกวักแท็กซี่ที่ผ่านไปมา โชคดีที่วันนี้ได้รถไว ขอให้ไปถึงแล้วพบเจอคุณเหมันต์ทีเถอะ สาธุ! “ขับเร็ว ๆ เลยพี่” ฉันเร่งเร้าคนขับ พลางชะเง้อคอมองถนน พี่คนขับก็ใจดี จัดให้ตามคำสั่งจนแผ่นหลังฉันแทบติดไปกับเบาะ รอไม่นานก็ใกล้ถึงที่หมายแล้ว จริงสิ! ฉันควรเติมหน้าหรือเปล่า นึกขึ้นได้ก็ล้วงมือเข้ากระเป๋า หยิบแป้งพัฟขึ้นมาโปะหน้า ตามด้วยลิปสติกสีแดงแท่งสวยที่เพิ่งถอยมาเมื่อวานสด ๆ ร้อน ๆ แต่ในจังหวะที่กำลังบรรจงทาลิปสติกอยู่นั้น จู่ ๆ พี่คนขับก็เหยียบเบรกกะทันหันจนหน้าคว่ำ คะมำไปด้านหน้า และที่ทำให้ฉันแทบน้ำตาไหล คงเป็นลิปสติกที่หักอย่างน่าเวทนา ซ้ำร้าย ก่อนที่มันจะหักนั้นได้แฉลบถูริมฝีปากลากไปถึงแก้มจนเป็นทางยาว โอ๊ยยย ซวยซ้ำซวยซ้อนจริง ๆ “ถึงแล้วหนู พี่รีบบินมาให้เลย อู้ยย!” ทันทีที่คนขับหันมาและพบว่าหน้าฉันถูกขีดไปด้วยลิปสติกจนถึงแก้มก็สะดุ้ง ก่อนจะขำแห้งส่งให้ “เท่าไหร่คะพี่” “220 น้อง” “โห! ทำไมมันแพงจังอะ” ฉันไม่ได้ขึ้นรถแท็กซี่ตั้งนาน นี่ราคามันบานปลายถึงขนาดนี้เลยเหรอ? “ค่าเร่งด้วยไง นี่บินมาให้เลยนะ” ฉันก้มลงหยิบเงินด้วยท่าทางอิดออด รู้สึกเซ็งขั้นสุด อยู่ ๆ ก็ได้เสียเงินเยอะโดยใช่เหตุ แถมยังต้องมาเสียลิปสติกราคาเกือบ 600 ไปฟรี ๆ อีก ยังใช้ไม่ถึงสามครั้งเลย โคตรเสียดาย ในขณะที่กำลังรอเงินทอนจากพี่คนขับ สายตาก็เหลือบไปเห็นคุณเหมันต์เดินออกมาจากร้านอาหาร ตอนแรกนึกว่าจะมาไม่ทันแล้ว กะว่าจะแวะซื้ออาหารญี่ปุ่นไปฝากแม่สักหน่อย แต่พอเห็นแบบนี้ ฉันก็ลนลานขึ้นมาอีกรอบ “พี่ ๆ ๆ มีแมสก์ไหม” “มี ๆ เดี๋ยวหาก่อน” อีกฝ่ายเปิดลิ้นชักหน้ารถแล้วรื้อดูข้าวของที่อัดแน่น ฉันก็ยิ่งอยู่ไม่สุขเพราะตอนนี้คุณเหมันต์ส่งคุณเฑียร์ขึ้นรถแล้ว และเขากำลังจะเดินกลับรถของตัวเอง “อะ นี่ไง เจอแล้ว” “ขอบคุณพี่ ไม่ต้องทอนนะ” ฉันคว้าแมสก์ขึ้นมาสวมก่อนจะตัวปลิวออกมาจากรถ พี่คนขับก็ตะโกนขอบคุณไล่หลังยกใหญ่ ดีจังเลยนะ ได้ทั้งค่าเร่งเวลา ได้ตั้งทิป รวมแล้วสามร้อยบาทถ้วน! “อ้าวว บังเอิญจังเลยนะคะคุณเหมันต์ แฮก ๆ” ฉันวิ่งหน้าตั้งเข้าไปทักทายคนร่างสูงโปร่งพร้อมกับหายใจเหนื่อยหอบ เขาเองก็ดูงุนงงไปเล็กน้อย ที่เห็นฉันอยู่ที่นี่ “คุณเหมันต์มาทำอะไรแถวนี้เหรอคะ” ฉันแสร้งถามออกไป ทั้งที่รู้ความจริงอยู่เต็มอก “มากินข้าวกับคุณเฑียร์น่ะ แล้วเธอล่ะ” “เอ่อ...” ฉันเริ่มกลอกตาล่อกแล่ก ก่อนจะเหลือบไปเห็นคลินิกอยู่ด้านหลังเขาพอดี “อ๋ออ มาหาหมอค่ะ แคก ๆ” พูดพร้อมกับแสร้งไอเบา ๆ สอดคล้องกับที่ฉันสวมแมสก์อยู่พอดี อีกฝ่ายหันหลังกลับไปจ้องที่คลินิกครู่หนึ่ง แล้วหันกลับมาถามฉันด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เป็นอะไร ทำไมได้มารักษาคลินิกสัตว์” “...” ว่าไงนะ? ฉันชะเง้อคอมองป้ายอีกรอบ และแทบจะแทรกแผ่นดินหนีเลยเดี๋ยวนี้ เพราะมันดันเป็นคลินิกรักษาสัตว์อย่างที่เขาพูดจริง ๆ “เอ่อ... แมวค่ะ แมวไม่สบาย น่าจะติดหวัดมาจากฉันอีกที แต่ตอนนี้ถึงมือหมอแล้ว หมอเขาอยากให้นอนดูอาการที่นี่สักคืนก่อนน่ะค่ะ” “เธอก็รีบรักษาตัวเองให้หาย ใกล้จะถึงวันประมูลแล้ว ช่วงนั้นคงได้ใช้ร่างกายหนัก” “ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันอึดทนมาก รับประกันได้” ฉันยิ้มกว้างจนตาหยี ให้อีกฝ่ายรู้ว่าฉันกำลังยิ้มอยู่เพราะตอนนี้กำลังสวมแมสก์เอาไว้บนใบหน้า “ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม งั้นฉันกลับละ” “ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะ” อุตส่าห์สร้างความบังเอิญแล้ว ฉันไม่ยอมเสียค่าลิปสติกและค่าแท็กซี่ฟรี ๆ หรอกนะ มันต้องได้อะไรคุ้มค่ามากกว่าออกมาเจอกันโดยบังเอิญเฉย ๆ “รถฉันยางแบนน่ะค่ะ เลยนั่งแท็กซี่มา แต่ขาจะกลับยืนเรียกอยู่นานแล้วก็ไม่มีคันไหนจอดเลย คุณเหมันต์จะกลับบ้านใช่ไหมคะ มันเป็นทางผ่านบ้านฉันพอดีเลย แหะ ๆ” “ก็เลยจะขอติดรถกลับ?” “ค่ะ” ฉันพยักหน้าหงึกหงักพลางส่งสายตาเว้าวอน เห็นได้ชัดว่าเขาลำบากใจ แต่พอหันซ้ายแลขวา พบว่าแถวนี้ค่อนข้างเปลี่ยว เลยยอมให้ฉันขึ้นรถอย่างเลี่ยงไม่ได้ “อืม ก็ได้” เยส! สำเร็จแล้วหนึ่ง ที่แท้สวรรค์ก็กลั่นแกล้งเพื่อจะสร้างโอกาสให้ฉันนี่เอง ขอบคุณนะคะ จะใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่าที่สุดเลยย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม