แฟนมาส่งค่ะ

1222 คำ
หลังจากที่ขึ้นมาบนรถคุณเหมันต์ ฉันก็เอาแต่นั่งตัวเกร็งไม่ขยับ เพราะภายในรถมันช่างหรูหราเสียจนไม่กล้าแตะสัมผัสกับสิ่งใด เขาเองก็ดูจะเป็นคนหวงรถเอามาก ๆ ด้วย ขนาดปิดประตูยังย้ำแล้วย้ำอีกให้ปิดเบา ๆ “เอ่อ... อีกไม่กี่วันจะถึงงานเลี้ยงพนักงานแล้ว คุณเหมันต์ให้ประกาศเลยไหมคะ” นั่งอยู่สักพักใหญ่ ๆ ในที่สุดฉันก็เป็นฝ่ายเอ่ยชวนเขาคุยก่อน เพราะภายในรถมันเงียบจนเริ่มได้ยินเสียงความอึดอัด “จัดการเลย แล้วปกติเลี้ยงกันที่ไหน” “เลี้ยงที่โรงแรมคุณราชันย์ค่ะ” “ทุกปีเลยเหรอ” เขาถามโดยไม่หันมามอง เพราะกำลังตั้งใจขับรถอยู่ “ค่ะ” “ไปที่เดิม ๆ ทุกปี ไม่เบื่อหรือไง” “อืม... แล้วแต่คนค่ะ บางคนก็ไม่เบื่อ” “แล้วเธอเบื่อหรือเปล่า” คนหน้าพวงมาลัยปรายหางตามามองฉันเล็กน้อย ฉันจึงรีบส่ายหน้าระรัว โรงแรมคุณราชันย์อยู่ไม่ไกล เลิกดึกแค่ไหนฉันก็ขับรถกลับบ้านได้ แถมยังหรูหรามากด้วย ได้เหยียบปีละครั้งก็ถือว่าเป็นบุญ “ไม่เบื่อ หรือแค่เกรงใจฉัน” “ไม่เบื่อจริง ๆ ค่ะ แต่กับคนอื่นที่อยู่นานกว่าฉันเขาก็มีเบื่อ ๆ บ้าง อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปทะเลหรืออะไรทำนองนั้น” “ทะเลเหรอ?” เขาพึมพำเสียงเบาพลันดันลิ้นใส่กระพุ้งแก้มอย่างครุ่นคิด เงียบอยู่พักหนึ่งก็หันมาถามฉัน “บางแสนไหม” “คะ?” “ไอ้ราชันย์มันเปิดโรงแรมใหม่ที่นั่น แต่ยังไม่เปิดเป็นทางการเลยยังไม่มีใครจองห้องพัก ไม่งั้นคงเต็มหมดแล้ว มันจะเปิดจริงจังช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ถ้าเราไปจัดงานที่นั่นก็น่าจะมีห้องพักเพียงพอต่อพนักงานของเรา” “กะ ก็ดีค่ะ” ฉันอึกอักเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะอยากไปอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าฉันไป ใครจะอยู่บ้านเป็นเพื่อนแม่ฉันล่ะ? “งั้นพรุ่งนี้ก็ทำใบขออนุญาตมายื่นผมซะ” “ได้ค่ะ” ฉันตอบกลับพลางยิ้มบาง ๆ แม้จะอยู่ภายใต้แมสก์สีขาว และเขาไม่มีทางได้มองเห็นรอยยิ้มนี้แน่ “เธอสนิทกับทุกคนในบริษัทไหม” “สนิทค่ะ ทำไมเหรอคะ” “พอจะรู้ไหมว่าใครปล่อยข่าวลือเรื่องที่ฉันแอบซุกเด็กในบริษัทแล้วยัดตำแหน่งให้เงียบ ๆ” “...” หากฉันไม่ได้สวมใส่แมสก์ อีกฝ่ายคงได้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของฉันแน่ “เอ่อ... มะ ไม่รู้เลยค่ะ มีข่าวแบบนี้ด้วยเหรอคะ ฉันไม่เห็นได้ยินเลย” ฉันแสร้งตีมึน ทั้งที่ตอนนี้หน้าเริ่มชาวาบไปหมด กลัวจนใจสั่นระรัว ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เขาถึงได้เอ่ยถาม หรือว่า... เขาจะรู้แล้วว่าต้นตอข่าวลือมาจากฉัน “เธอได้ยินแล้วรู้สึกยังไง” อีกฝ่ายหันมามองฉันเล็กน้อย แล้วหันกลับไปจ้องถนนตามเดิม “ฉันไม่ค่อยเชื่อข่าวลือหรอกค่ะ” “หึ สมกับเป็นคนโปรดของพ่อฉันแล้วละ” อีกฝ่ายกระตุกยิ้ม ไม่รู้ว่ากำลังชื่นชม หรือแสดงอาการประชดประชันอยู่กันแน่ “แล้วคุณเหมันต์ล่ะคะ จะเอายังไงกับข่าวลือนี้” “ไม่รู้สิ คิดว่าเรื่องที่ไม่มีมูลมันคงซาไปเองมั้ง แต่เท่าที่ดูแล้วไม่น่าจะซาลงง่าย ๆ ขนาดคุณเฑียร์ที่เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นยังรู้เรื่องเลย” โอ้โหห! ตาย ๆ ๆ ทำไมมันถึงได้หนักขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้ “ละ แล้วถ้าคุณเหมันต์รู้ตัวคนปล่อยข่าว จะทำยังไงต่อเหรอคะ” “ฉันก็คงจะลากคอมานั่งไลฟ์สด ขอโทษที่สร้างเรื่องปัญญาอ่อนนี้ขึ้นมา แล้วก็เตะมันเข้าคุกซะ” “...” ถ้าจะทำกันขนาดนี้ หักพวงมาลัยลงคลองน้ำตอนนี้เลยก็ได้ ฮืออ ทำไมต้องลงโทษกันแรงขนาดนี้ด้วยเล่า ฉันแค่ปากพล่อยเอง พอเริ่มเครียดจากสิ่งที่ได้ฟัง ฉันก็เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ประจวบเหมาะกับที่คุณเหมันต์ขับรถมาส่งฉันถึงหน้าบ้านพอดี จริง ๆ ก็บอกให้เขาส่งแค่ทางเข้าหมู่บ้านนั่นแหละ แต่เขาคงเห็นว่าระหว่างทางมันเงียบมาก แถมบ้านฉันก็ขับเข้ามาอีกไม่ไกล จึงอาสามาส่งถึงที่ “ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง” ฉันเอ่ยขอบคุณก่อนจะเอี้ยวตัวปลดเข็มขัดนิรภัย แต่ดันซวยที่ปุ่มล็อกมันดันไปคล้องกับสายกระเป๋าจนดึงออกไม่ได้ ฉันเลยต้องออกแรงกระชากอยู่นาน แต่มันก็ไม่เป็นผล “อยู่นิ่ง ๆ เดี๋ยวฉันดึงเอง” อีกฝ่ายคงกลัวว่าฉันจะทำรถของเขาพัง ถึงได้รีบเอี้ยวตัวมาจับมือฉันไว้ และใช้วิธีค่อย ๆ ปลดสายกระเป๋าออกอย่างระมัดระวัง ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้อีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้มาก มากเสียจนใบหน้าของเขาห่างออกไปไม่ถึงคืบ กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ลอยทะลุแมสก์จนสมองฉันแทบหลุดลอย ทำไมถึงได้มีเสน่ห์ขนาดนี้นะ “ได้แล้ว” เขาเอ่ยเสียงเบาพร้อมกับละสายตาจากกระเป๋า ก่อนจะปะทะสายตากับฉันในระยะใกล้ นาทีนี้เหมือนหัวใจมันเริ่มเต้นโครมครามอย่างหนัก ฉันก็อธิบายความรู้สึกนี้ไม่ถูก รู้แค่เพียงมันเขินจนอยากหลบสายตา แต่มันก็เหมือนมีมนต์สะกดบางอย่างที่ทำให้ฉันไม่สามารถละออกไปจากดวงตาลุ่มลึกดังห้วงมหาสมุทรยามวิกาลนี้ได้ “ใส่คอนแทกต์เลนส์ด้วยเหรอ” “เอ่อ... ค่ะ” ฉันอึกอักแล้วรีบเบนหน้าหลบ คุณเหมันต์ถึงได้ขยับตัวออกห่าง “สายตาสั้นเหรอ เห็นวันแรกใส่แว่นตานี่” “ใช่ค่ะ ถ้างั้นฉันเข้าบ้านก่อนนะคะ” “อืม” ยิ่งอยู่ต่อก็ยิ่งวางตัวไม่ถูก ฉันจึงรีบเปิดประตูออกมาจากรถ และทันได้เห็นว่าตอนนี้ยัยป้าข้างบ้านกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ จวนจะสองทุ่มแล้ว มายืนรดน้ำอะไรตรงนี้เนี่ย คงอยากจะเข้ามาสอดรู้สอดเห็นสิท่า ดีละ ฉันจะได้อวดไปเลยว่าประธานบริษัทขับรถหรูมาส่งฉันถึงที่ “ขอบคุณมากนะคะคุณเหมันต์” เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น พร้อมกับโบกไม้โบกมือส่งให้อีกฝ่าย จากนั้นก็ยืนยิ้มรอกระทั่งรถหรูสีดำเงาวับขับเคลื่อนออกไปจนสุดสายตา “อ้าว ลิสา ทำไมวันนี้กลับค่ำจังเลยล่ะ” เสียงเอ่ยทักทายดังมาจากเพื่อนบ้านที่ยืนแอบมองอยู่ตอนไหนก็ไม่รู้ “พอดีแฟนชวนไปกินอาหารญี่ปุ่นน่ะค่ะ” “เหรอ นั่นคุณเหมันต์ใช่ไหม” แหมมม จำชื่อได้แม่นเชียวนะป้า “ค่ะ คุณเหมันต์ ประธานบริษัทนั่นแหละ” ฉันยกยิ้มอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับเดินร่าเข้าบ้าน เป็นไงล่ะป้า ถึงกับอึ้งไปเลยสิ นี่แค่แฟนปลอม ๆ นะ ถ้าฉันได้คุณเหมันต์มาเป็นแฟนจริง ๆ ละก็... ไม่อยากนึกเลยว่าจะขิงยัยป้านี่กลับได้ฟินขนาดไหน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม