ฉันแทบไม่หุบยิ้มระหว่างเดินเข้าบ้าน แต่พอเปิดประตูเข้ามาก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความงุนงง เพราะพบเข้ากับยัยไอรินที่นี่
“แกมาได้ไงเนี่ย”
“ไอรินเขามารอลูกตั้งแต่หกโมงแล้ว นี่นั่งกินข้าวกันจนอิ่ม โทรไปก็ไม่รับสาย แม่เป็นห่วงแทบแย่”
เป็นแม่ของฉันเองที่ตอบกลับมาชุดใหญ่ด้วยสีหน้าจริงจัง
“โทษทีนะแก พอดีว่าแบตหมด”
“งั้นตามสบายนะลูก แม่ขึ้นไปอาบน้ำก่อน”
แม่ของฉันลูบไหล่ไอรินเบา ๆ ก่อนจะเดินขึ้นห้องของตัวเอง ตรงนี้จึงมีเพียงฉันกับยัยไอรินแค่สองคน
“ไปคุยกันบนห้องไหม”
เห็นสีหน้าไม่สู้ดีของอีกฝ่าย ฉันจึงเอ่ยชักชวนขึ้นห้อง เพราะดูเหมือนสิ่งที่อัดอั้นตันใจคงจะรอการระบายเยอะอยู่พอสมควร
“อืม”
ยัยไอรินพยักหน้ารับอย่างละเหี่ยใจ ก่อนจะเดินตามก้นฉันต้อย ๆ เข้ามาในห้อง และทันทีที่ก้นแตะลงเตียงนอนสีชมพูอ่อน เธอก็เอนตัวลงนอนแผ่หลาทันที
“เฮ้ออ”
เสียงถอนหายใจเต็มไปด้วยความอึดอัด ฉันเองก็พอจะรู้ต้นสายปลายเหตุของความกังวลนี้ ถึงได้เอ่ยเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน
“ทำไมจู่ ๆ แกถึงได้ถูกจับแต่งงานกับคุณราชันย์ได้”
“แกรู้ได้ไง”
อีกฝ่ายแทบจะเด้งตัวขึ้นมาถามในทันที
“ก็วันนี้คุณราชันย์เข้ามาหาคุณเหมันต์ที่บริษัท แถมยังดูโมโหมากด้วยที่ถูกบังคับแต่งงานกับแกน่ะ”
“เหอะ!”
เสียงแค่นหัวเราะด้วยความประชดประชันบ่งบอกถึงความไม่พอใจเมื่อเอ่ยถึงผู้ชายคนนี้
“แล้วสรุปยังไง”
“ยังไม่อยากเล่าอะ ขอดึงสมองออกจากเรื่องวุ่นวายนั้นก่อนแล้วกัน วันนี้ฉันหอบเสื้อผ้ามานอนกับแกด้วยนะ”
คนร่างบางถอนหายใจอีกครั้งอย่างเหนื่อยอ่อน แม้จะดูเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ฟูมฟายออกมา ตามประสาคนเก็บอารมณ์เก่ง
“อืม แกจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหนก็ได้นะ สบายใจเมื่อไหร่ค่อยกลับไป”
ยัยไอรินมักจะหนีความวุ่นวายในบ้านหลังใหญ่มาพักพิงที่บ้านของฉันเสมอ บางครั้ง 1-2 วัน บางครั้งเกือบอาทิตย์ก็มี แต่แม่ฉันก็เอ็นดูและอ้าแขนรับเธอตลอด เพราะรู้ว่าเบื้องหลังชีวิตที่ใครต่างอิจฉา มีความน่าสงสารซ่อนอยู่มากแค่ไหน
“ขอบใจมากนะแก แล้วก็... ขอโทษด้วย ฉันมารบกวนแกอีกแล้ว”
“รบกวนอะไรล่ะ ตีปากตัวเองเดี๋ยวนี้เลย บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ลำบากสักนิด ดีใจด้วยซ้ำจะได้ไม่เหงา”
พูดพร้อมกับโอบกอดเพื่อนรักแน่น เพราะรู้ว่ายัยนี่กำลังต้องการกำลังใจ ฉันก็ได้แต่หวัง ว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง ขอให้ยัยไอรินไม่ต้องแต่งงานกับคุณราชันย์ เพราะนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของความฉิบหายทั้งปวงแน่
“แล้วทำไมเมื่อกี้ถึงได้มีประธานบริษัทมาส่งถึงบ้านฮะ”
ยัยไอรินผละออกแล้วจ้องหน้าฉันอย่างจับผิด เห็นด้วยเหรอเนี่ย นึกว่ามีแค่ป้าข้างบ้านที่ใส่ใจฉันเสียอีก
“ก็แผนเจอกันโดยบังเอิญของแกไง”
“อ๋ออ แต่ข่าวลือหนาหูขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ”
“อืม”
ฉันทิ้งตัวลงนั่งข้างยัยไอริน พร้อมกับยกมือขึ้นยีผมเบา ๆ รู้สึกกังวลกับคำขู่ที่คุณเหมันต์บอก ถ้าฉันสามารถรวบหัวรวบหางแล้วเอาเขามาเป็นแฟนได้เร็ว ๆ ก็คงดี จะได้ปิดช่องโหว่ของข่าวลือบ้าบอนี้เสียที
“อีกไม่นานจะมีงานเลี้ยงบริษัทแกแล้วนี่”
“อืม ปีนี้ไปบางแสนน่ะ โรงแรมใหม่คุณราชันย์”
“ดีเลย งั้นแกอาศัยจังหวะนี้รวบหัวรวบหางซะ ให้มันจบ ๆ”
“ยังไง”
มันมีวิธีรวบหัวรวบหางทำไมไม่บอกกันแต่เนิ่น ๆ เล่าา จะได้ไม่เสียเวลาตั้งนาน
“แต่จริง ๆ วิธีนี้มันค่อนข้างเสี่ยงอยู่นะ”
“ยังไงเล่า แกก็พูดมาสักที”
ยัยไอรินทำสีหน้าลำบากใจ ก่อนจะล้วงเข้ากระเป๋าแล้วหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาให้ มันคือซองยาสีน้ำตาล ด้านในมีแคปซูลสีขาว และบนซองไม่มีกระดาษอะไรแปะทั้งสิ้น ดูน่ากลัวและไม่น่าไว้ใจสักนิด
“อะไรเนี่ย”
“วิธีรวบหัวรวบหางไง”
อีกฝ่ายหันมามองฉันด้วยสีหน้าจริงจัง ทำเอาฉันขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“นี่แกอย่าบอกนะว่าจะให้ฉันเอาตัวเข้าแลกน่ะ”
ไม่นะ อยู่ ๆ จะมาเสียซิงโดยใช่เหตุแบบนี้ ฉันต้องเก็บซิงไว้เข้าห้องหอเท่านั้นสิ มันถึงจะถูก
“มันก็แค่การจัดฉากน่ะ นี่คือยานอนหลับ แกแค่ต้องพาเขาขึ้นห้อง แล้วเอาผสมใส่ในเครื่องดื่มให้คุณเหมันต์กิน เพียงไม่นานเขาก็จะง่วงแล้วผล็อยหลับไป จังหวะนี้แหละ แกก็จัดฉากว่านอนอยู่ข้างเขาทั้งคืน ตื่นเช้ามาเขาก็อาจจะงง ๆ หน่อย แต่คนอย่างคุณเหมันต์น่ะ เขารับผิดชอบแกแน่ อ้อ! แนะนำว่าให้เป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์นะ มอมไปเลย เขาจะได้คิดว่าตัวเองเมาหนัก”
“ละ แล้วถ้าเขาจับได้ล่ะ”
“ถ้าแกทำทุกอย่างให้แนบเนียนพอ จะไม่มีใครจับได้ทั้งนั้น”
ยัยนี่ร้ายกาจกว่าที่ฉันคิดอีกนะ สมแล้วที่เอาชีวิตรอดในรั้วมหาวิทยาลัยที่มีแต่พวกผู้ดีนิสัยเสียจนจบได้
ฉันเม้มปากแน่น ในมือถือซองยาเอาไว้ด้วยความไม่มั่นคง เกิดมายังไม่เคยทำอะไรที่มันเสี่ยงตายขนาดนี้ แต่ถ้าไม่ใช่วิธีนี้ ฉันก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าวิธีไหนที่พอจะได้ผล
“ยานี้จะไม่เป็นอันตรายจริง ๆ ใช่ไหม”
“ไม่เป็น กินได้แน่นอน ปลอดภัย เพื่อนฉันเป็นหมอมันก็กินเหมือนกัน แต่ขนาดเท่าคุณเหมันต์ ใส่ไปหนึ่งแคปซูลเลย จะได้หลับไว ๆ”
งั้นก็สบายใจไปหนึ่งเปลาะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังฟังดูน่ากลัวอยู่ดี
“ถ้าแผนมันสำเร็จ แล้ว... ฉันกับคุณเหมันต์จะต้องเลิกกันตอนไหน”
“เลิก? เลิกทำไม”
คนข้างกันขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ความสัมพันธ์มันไม่ได้เริ่มจากความรัก ยังไงก็ต้องจบอยู่แล้ว ขนาดพ่อกับแม่ฉันรักกันมากขนาดนี้ พวกเขายังเลิกกันเลย”
“แกอย่าเอาบรรทัดฐานพ่อกับแม่แกมาวัดสิ คู่ที่รักกันหวานชื่นจนแก่เฒ่าก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ ถ้าแผนมันสำเร็จ แกก็คบ ๆ ไปก่อน”
เอาวะ! ลองดูก่อนก็แล้วกัน ยังไงตอนนี้ขอทำแผนให้สำเร็จ ให้ฉันได้เปิดตัวคุณเหมันต์ว่าเป็นแฟนอย่างเป็นทางการก่อน เรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลังแล้วกัน