อารัมภบท

1243 คำ
ใบกะเพราเด็ดหยาบ ๆ ถูกสาดลงกระทะที่ร้อนระอุจนเกิดเสียงดังซู่ซ่า ก่อนที่จะถูกคลุกเคล้าให้เข้าเนื้อด้วยตะหลิวในมือหญิงวัยกลางคน ผมยาวประบ่าท่าทางอิ่มเอม ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยที่ใจดีและเป็นมิตรกับคนรอบข้าง “ฮัดชิ่ว!” หญิงสาวในวัยย่างเข้า 27 ปีจามออกมาสุดแรงจนแว่นตาอันหนาเตอะแทบจะหลุด โชคดีที่เธอมือไว คว้าขาแว่นตาเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะสวมมันกลับเข้าไปใหม่อีกรอบ “นั่นไง แม่บอกแล้วว่าไปรอด้านนอกก่อน” คนเป็นแม่เอ็ดทันที แต่มีหรือที่อลิสาจะยอมรับฟังคำตำหนิง่าย ๆ เธอเดินเข้าไปชิดที่แผ่นหลังบางพลางสวมกอดคนตรงหน้าเอาไว้หลวม ๆ ด้วยท่าทางออดอ้อน “ก็อยากอยู่เป็นลูกมือให้แม่นี่” เธอว่าอย่างเอาใจ จนบังเกิดรอยยิ้มเล็ก ๆ ขึ้นมาบนริมฝีปากของผู้ถูกกอดรัด “จะเสร็จแล้วเนี่ย ตักข้าวไปวางบนโต๊ะไปลูก” “รับทราบค่ะ!” คนตัวเล็กผิวขาวผ่องตอบกลับด้วยท่าทางขะมักเขม้น ก่อนจะผละออกไปทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย แต่ในขณะที่เดินถือจานข้าวออกมาจากครัวเพื่อนำไปวางบนโต๊ะอาหารกลางบ้านเธอก็ต้องหยุดชะงัก เพราะพบเจอกับเพื่อนบ้านขาประจำกำลังชะเง้อคอมองหาเจ้าของบ้านอยู่ที่หน้าประตู “เห็นเงียบ ๆ ป้านึกว่าไม่มีคนอยู่เสียอีก” ป้าบุญตายิ้มทักทายก่อนจะเดินเข้ามาภายในบ้านอย่างถือวิสาสะ ในมือถือใบเตยกำใหญ่ที่คาดว่าคงเป็นใบเตยที่เธอปลูกเอาไว้หน้าบ้าน ประเด็นที่เธอสงสัยคือ... ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ขอก่อน? ถึงแม้ว่าเธอกับแม่ไม่ใช่คนขี้หวง มีอะไรก็เผื่อแผ่ให้ตลอด แต่การเป็นคนใจดี กลับกลายเป็นว่าพวกเธอถูกละเลยความเกรงใจ คนที่ต้องตกที่นั่งลำบาก จึงต้องกลายเป็นพวกเธอเอง “ป้าว่าจะทำขนมต้มใบเตยน่ะ คิดอยากทำมาหลายวันแล้ว แต่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าน้ำตาลหมด จะออกไปตอนนี้ก็ค่ำมืดแล้ว เลยมาขอยืมก่อน” จะทำขนมต้มใบเตย แต่ใบเตยไม่มี น้ำตาลก็ไม่มีอีก เจริญละ อลิสานึกเอือมอยู่ในใจ “อ้าว พี่บุญตา มากินข้าวด้วยกันสิ” ลินดาเดินถือจานผัดกะเพราออกมาไล่หลัง เธอรีบเอ่ยชักชวนออกไปตามมารยาท ทำเอาอลิสาหูผึ่ง แทบจะกรีดร้องออกมาในใจและเริ่มภาวนาอย่างหนักว่าให้อีกฝ่ายปฏิเสธออกมาทีเถอะ และแล้วเธอก็ได้สมหวังดังปรารถนา “ตามสบายเลย พี่เพิ่งกินมา พอดีว่าลูกสาวเขามารับไปกินข้าวนอกบ้านน่ะ” อลิสาแอบพ่นลมออกมาจากปากแผ่วเบาด้วยความโล่งอก “ตักน้ำตาลให้พี่หน่อยสิ จะเอาไปทำของหวาน ขอเยอะ ๆ เลยนะ” “จ้ะ” เจ้าของบ้านเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง ปล่อยให้อลิสานั่งเฝ้ารออยู่ที่โต๊ะอาหารด้วยความอึดอัด “ลิสา ถ้าเจ็บป่วยอะไรน่ะไปหาหมอที่คลินิกวรเวชได้นะลูก นั่นแฟนลูกป้าเอง” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็เปิดประเด็นขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “ค่ะ” เธอยิ้มบาง ๆ ส่งให้ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจ คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมหยุดพูด แต่เปล่าเลย... “ลูกคนเล็กป้าน่ะเขาเป็นพยาบาล เงินเดือนตั้งหนึ่งแสนแน่ะ แฟนเขาก็เป็นหมอ ไปเจอกันที่โรงพยาบาล อู้ยย เหมาะสมกันมาก โชคดีมากเลยที่เขาได้ลงเอยกับผู้ชายดี ๆ ป้าไปเจอมาแล้ววันนี้ เขาสุภาพมากก สมกับเป็นหมอจริง ๆ นะ” ใช่ว่าอลิสาจะไม่รู้เรื่องนี้ เธอเองก็เห็นการเคลื่อนไหวของบุคคลที่กล่าวถึงในโซเชียลตลอด แต่เธอไม่เคยนึกอิจฉาเลยสักนิด ทั้งยังยินดีมากด้วยซ้ำ “แล้วลิสาล่ะลูก ทำงานที่ไหนนะ” “ที่เดิมนั่นแหละค่ะ บริษัทเครื่องประดับ” “พนักงานร้านทองเหรอ?” อีกฝ่ายถามกลับในทันทีด้วยความอยากรู้ “เครื่องเพชรน่ะค่ะ เป็นบริษัท ไม่ใช่ร้านขายทอง” “อ๋อ แค่พนักงานบริษัทเองเหรอ” แค่งั้นเหรอ? ขึ้นต้นประโยคด้วยคำนี้ก็ทำให้อลิสาวางโทรศัพท์ลงด้วยท่าทางขุ่นเคืองได้แล้ว เพราะถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเพียงพนักงาน แต่ตำแหน่งของเธอเป็นถึงเลขาส่วนตัวของท่านประธานคนเก่า ที่ตอนนี้ได้สละตำแหน่งแล้ว “ทำงานแต่ที่เดิม ๆ เมื่อไหร่จะได้แฟนสักทีล่ะลูก ทำไมไม่ย้ายไปที่อื่นบ้าง จะได้เจอผู้ชายดี ๆ อยู่กันสองคนแม่ลูกแบบนี้มันอันตราย มันต้องมีผู้ชายอยู่ด้วยนะ โจรถึงจะไม่กล้าขึ้นบ้าน” ในนาทีที่ความอดทนของอลิสาขาดสะบั้น เธอหันไปเจอข่าวที่หน้าจอทีวีที่ตอนนี้กำลังเปิดตัวทายาทบริษัทเครื่องเพชรที่เธอทำงานอยู่ เพียงแค่เห็นว่าอีกฝ่ายทั้งหล่อและรวย และคงไม่มีใครเหมาะสมที่จะนำมาข่มมนุษย์ป้าข้างบ้านได้อีกแล้ว จึงพลั้งปากพูดออกไปทันที “นี่ไงคะ แฟนหนู ชื่อเหมันต์ค่ะ เป็นประธานบริษัทเครื่องเพชร ส่วนหนูเป็นเลขาเขาค่ะ วัน ๆ ก็ไม่ต้องทำอะไร นั่ง ๆ นอน ๆ ในห้องส่วนตัว เขาไม่อยากให้ทำงานหนักน่ะค่ะ เขากลัวเหนื่อย” คนอายุน้อยกว่ายิ้มเยาะเมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายเจื่อนลง “แฟนหล่อนะเนี่ย” ว่าพลางจ้องมองดูคนในทีวีที่ลักษณะภูมิฐาน อายุอานามเพิ่งจะก้าวเข้าเลขสามต้น ๆ “ค่ะ ทั้งหล่อทั้งรวย นิสัยดีด้วยนะคะ สุภาพบุรุษมาก ๆ ๆ” ยิ่งเห็นท่าทางของป้าบุญตาที่แปลกไป อลิสาก็ยิ่งได้ใจคุยโวอยู่ยกใหญ่ จนกระทั่งลินดาเดินถือถุงน้ำตาลออกมาจากครัว “มีแค่นี้เหรอ?” บุญตายกถุงน้ำตาลขึ้นดูพลางทำหน้าครุ่นคิด “ใช่จ้ะ ที่อยู่ในครัวก็แทบไม่เหลือแล้ว ฉันเก็บไว้ทำกับข้าวพรุ่งนี้เช้าน่ะพี่” “ไม่เป็นไร น้ำตาลน้อยก็ทำน้อย ๆ แล้วกัน อาจจะไม่ได้ทำเผื่อนะ” “ไม่เป็นไรจ้ะพี่” ลินดายิ้มบาง ๆ ส่งให้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินหันหลังออกไปจากประตูบ้าน ทิ้งให้อลิสาหน้ายุ่งจ้องมองแผ่นหลังที่จากไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวไม่สร่าง “เป็นอะไรหือ” ผู้เป็นแม่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ เธอวางมือบนไหล่บางอย่างห่วงใยเพื่อรอฟังคำตอบ “รำคาญอะแม่ ย้ายบ้านหนีกันดีไหม?” “หึ ๆ” ลินดากลั้วขำในลำคอพลางส่ายหัวอย่างปลงตก เพราะนึกเอาไว้แล้วว่าต้องไม่พ้นเรื่องนี้แน่ “อย่าไปถือสาแกเลยนะ เหนื่อยใจกับเขา คนที่แบกความหนักก็คือเรานะลูก” “ค้าาา สาธุ” อลิสายกมือขึ้นพนมพลางก้มหัวแนบปลายนิ้วด้วยท่าทางประชดประชัน ในใจนึกอยากจะปลงให้ได้สักครึ่งหนึ่งของผู้เป็นแม่บ้าง จะได้ไม่ต้องมารู้สึกทุกข์ใจกับเพื่อนบ้านที่มีนิสัยผิดแปลกไปเกินกว่าที่มนุษย์ทั่วไปพึงจะเป็นแบบนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม