‘ผมว่ามันไม่ใช่ความบังเอิญหรอกนะ แต่เป็นเพราะพรหมลิขิตมากกว่าที่ทำให้เราสองคนได้มาอยู่ใกล้กัน’
‘แต่เป็นเพราะพรหมลิขิตมากกว่าที่ทำให้เราสองคนได้มาอยู่ใกล้กัน’
พรหมลิขิตงั้นเหรอ?
เหอะ!! บ้าไปแล้ว!!
“ยัยนับดาว.....”
“ฮะ…อะไรของแก เรียกซะตกใจหมดเลย” ฉันที่กำลังนั่งคิดถึงคำพูดของพี่คามินเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ ถึงกับตกใจเมื่อยัยกุ๊กไก่มันตะโกนเรียกชื่อฉันที่ข้างกกหู จนขี้หูแทบจะออกมาเต้นระบำอยู่ข้างนอกนี้อยู่แล้ว
“ก็ฉันเรียกแกนานแล้วเนี่ย นั่งยิ้มอะไรของแกอยู่ได้ นี่คงไม่ได้ถูกพี่คามินจูบมาอีกรอบใช่ไหม” ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมยัยกุ๊กไก่มันถึงถามฉันแบบนี้ นั่นก็เพราะหลังจากที่ฉันโดนพี่คามินจูบไปคืนนั้น ฉันก็ลากมันกลับบ้านทันที
จากที่ว่าจะเปิดห้องตรงโซนชั้นใต้ดิน ไม่ปงไม่เปิดมันแล้ว อีกอย่างฉันก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้องให้มันฟังด้วย รวมถึงเรื่องที่ย้ายมาอยู่ที่นี่วันนี้แล้วมีพี่คามินเป็นเพื่อนบ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามนี่แหละ!!
“เปล่าโดนจูบโว้ย ฉันก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
“หึ แน่ใจนะว่าไม่ได้โดนจูบอะ นี่ถ้าคืนนั้นเป็นฉันนะ ฉันจะยอมแก้ผ้าแล้วขึ้นเตียงกับพี่เขาไปเลย”
“ยัยบ้า จะให้ไปขึ้นเตียงกับผู้ชายง่ายๆแบบนั้นได้ยังไงล่ะ ฉันเป็นผู้หญิงนะ. อีกอย่างฉันก็บอกพี่เขาไปแล้วด้วยว่าฉันไม่ชอบคนแก่”
“เหรอ....ไม่ได้ชอบน้อยลงเลยล่ะสิ เห็นพูดถึงพี่เขาแต่ละทีนี่ยิ้มปากไม่หุบเลย ที่สำคัญหน้าแกอะแดงมากๆเลยด้วยจะบอกให้...”
“…..แล้วยิ่งได้มาอยู่ห้องใกล้กันแบบนี้อีก ยัยนับดาวเอ้ย แกได้เสียตัวแน่ๆฉันฟันธง” ยัยกุ๊กไก่มันพูดออกมาซะฉันเห็นภาพเลย มาพูดเสียตงเสียตัวอะไรเสียงดังขนาดนี้ นี่ถ้าพี่คามินผ่านมาได้ยินเขาจะคิดว่าฉันเป็นคนยังไง
“แกจะพูดดังทำไมเล่า กลัวคนอื่นไม่ได้ยินหรือไง”
“ใครจะมาได้ยินคะ ทั้งชั้นมีอยู่สองห้องแค่นี้ มีห้องแกกับห้องพี่คามิน แล้วตอนนี้พี่เขาก็ไม่อยู่ที่ห้องด้วยไม่ใช่หรือไง” มันก็จริงอย่างที่ยัยกุ๊กไก่พูด ทั้งชั้นมีแค่ห้องฉันกับห้องพี่คามิน แล้วตอนนี้พี่เขาก็เหมือนจะยังไม่กลับ เพราะฟังจากเสียงด้านนอกคือเงียบมาก ไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูหรือเสียงอะไรเลย
นี่ก็ไม่รู้ว่าเขาออกไปไหน แต่เท่าที่ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์ก่อนหน้านี้เหมือนเขาคุยกับป้าวิเวียนเลย สงสัยจะไปหาแม่เขาละมั้ง
“อืม แกว่าฉันจะทำยังไงดีวะ” กลัวใจตัวเอง กลัวตัวเองเผลอปล่อยตัวปล่อยใจให้กับคนร้ายกาจแบบพี่คามิน ยิ่งเขาพูดจาหวานๆฉันก็ยิ่งกลัว
“ทำอะไร แกก็อยู่สวยๆของแกไปสิ แต่ถ้าจะให้ฉันแนะนำนะ จับพี่คามินปล้ำไปเลยจ้า” ฉันคิดว่าฉันไม่ควรปรึกษาคนหื่นๆแบบยัยกุ๊กไก่นะ แต่ละคำที่มันพูดออกมานี่ ทำฉันแทบอยากจะเอาหน้ามุดดินหนีเลยให้ตาย
“คุยกับแกเรื่องนี้ทีไร ไม่พ้นสิบแปดบวกทุกที”
“ก็มันเป็นเรื่องปกติป่ะ อีกอย่างอายุเราก็จะยี่สิบห้าแล้วนะ ผู้หญิงบางคนอายุขนาดนี้ ลูกสามลูกสี่เข้าไปแล้ว มีแต่แกนี่แหละที่ยังคงความสดและความซิงเอาไว้”
“ก็ฉันตั้งใจจะเก็บเอาไว้ให้พ่อของลูกนี่นา” ซึ่งก็ไม่รู้ว่าชาตินี้จะเจอไหม
“ก็พี่คามินไง พ่อของลูกแก สวรรค์เข้าข้างแกขนาดนี้แล้ว รุกไปเลยสิ จะกลัวอะไร ห้องก็อยู่แค่นี้เองไหม” ยัยกุ๊กไก่พูดขึ้นพร้อมกับพยักเพยิดหน้าไปทางประตูบานใหญ่
“ฉันเปล่ากลัว ก็แค่ไม่ชอบ...”
“แกอะชอบ แล้วแกก็ชอบพี่เขามากๆเลยด้วย” ฉันยังพูดไม่ทันจะจบยัยกุ๊กไก่มันก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน
“ฉันก็ยังไม่ได้บอกว่าไม่ชอบพี่เขาเลย ฉันก็แค่ไม่ชอบที่เขาเจ้าชู้ แล้วก็มีพวกผู้หญิงเข้ามาพัวพันเยอะแยะขนาดนี้”
“อันนี้ฉันเข้าใจแกนะ แต่ถ้าแกอยากจะหยุดเสืออย่างพี่คามิน มันก็มีอยู่วิธีเดียวที่แกจะทำได้”
“วิธีอะไร?”
“นั่นแน่ สนใจขนาดนี้แกก็คิดอยากจะหยุดพี่เขาจริงๆใช่ไหม”
“สรุปแกจะบอกฉันไหม ลีลาอยู่ได้” ยัยกุ๊กไก่อมยิ้มเล็กน้อยก่อนที่มันจะยอมบอกในสิ่งที่ฉันอยากรู้ออกมา
“ตัวแกไง ทุกส่วนบนร่างกายของแก ฉันว่าเอาพี่คามินอยู่หมัดแน่นอน”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา 18.45 น.
ออดดด!!
ออดดด!!
เสียงออดที่ดังมาจากทางประตูห้องพัก ทำให้ฉันที่กำลังวุ่นอยู่กับการเก็บเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ที่เพิ่งจะลื้อออกมาจากกระเป๋าเดินทาง จำต้องหยุดการกระทำของตัวเอง
สองเท้าก้าวเดินไปยังบานประตูขนาดใหญ่ ก่อนที่สายตาจะมองไปยังหน้าจอLCD ที่ติดอยู่บนกำแพงใกล้ๆกับบานประตู
“พี่คามิน” เป็นเขาจริงๆที่กำลังยืนทำหน้าหล่ออยู่ตรงหน้าประตูห้องพักของฉัน แล้วนั่นเขาหิ้วอะไรมา?
ออดดดด!!!
และในขณะที่ฉันมัวแต่จ้องมองภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอที่อยู่ตรงหน้า เสียงออดก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ฉันจึงจำต้องรีบเปิดประตูให้เขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
แกร๊ก!!
แอดดด!!!
“มีอะไรเหรอคะ?”
“หาเพื่อนกินข้าวเย็น” คนตรงหน้าพูดขึ้น ก่อนจะชูปิ่นโตที่อยู่ในมือของตัวเองมาตรงหน้าของฉัน นี่เขาคิดจะทำอะไรกัน จะชวนฉันกินข้าวเป็นเพื่อนแบบนี้ใช่ไหม
‘ตัวแกไง ทุกส่วนบนร่างกายของแก ฉันว่าเอาพี่คามินอยู่หมัดแน่นอน’
แล้วจู่ๆคำพูดของยัยกุ๊กไก่ก่อนหน้านี้ก็ผุดขึ้นมาในสมองของฉันทันที
ไหนแกบอกจะไม่ทำแบบนี้ไงยัยนับดาว เลิกคิดวิธีนี้ไปได้เลย ฉันเรียกสติตัวเองให้กลับมา ก่อนที่จะตอบคนตรงหน้าไป
“พอดีว่าวันนี้ฉันไม่สะดวกค่ะ เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะคะ”
“ว้า…คนเขาก็อุตส่าห์ทำมาให้ นี่ผมตั้งใจเข้าครัวเองเลยนะ” พี่คามินเนี่ยนะเข้าครัวทำอาหารเอง ดูทรงไม่น่าจะทำอาหารเป็นเลย งั้นถ้าฉันปฏิเสธเขาแบบนี้ ก็เป็นการหักหาญน้ำใจเขาอะดิ
“งั้นไปกินที่ห้องคุณแทนได้ไหมคะ พอดีห้องฉันยังจัดไม่เรียบร้อยเลย” อีกอย่างจานชามอะไรก็ยังไม่มี นี่ก็เริ่มจะหิวแล้วเหมือนกัน
“ยินดีครับคนสวย…เชิญทางนี้” พูดจบพี่คามินก็เดินนำไปที่ห้องเขาซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามฉันทันที
ตึกตัก!! ตึกตัก!! ตึกตัก!!!
แล้วหัวใจบ้านี่ทำไมต้องเต้นแรงขนาดนี้ด้วยเนี่ย ก็แค่จะเข้าห้องไปกินข้าวกับพี่เขาเองไหม ตื่นเต้นอะไรก่อนยัยนับดาว