บทที่ 7 คู่ซ้อม...

2294 คำ
ปิ่นมุกยืดเส้นวอร์มร่างกายของตัวเองราวๆ 5 นาที โดยที่สายตายังคงมองไปยังร่างของไฟที่แหวกว่ายอยู่ในสระอย่างสบายใจหลังจากกวนตีนเธอจนประสาทจะกินหัว พรึบ! ร่างกำยำว่ายเข้าหาขอบสระก่อนจะเงยหน้ามองคนตัวเล็กที่มองเขาตั้งแต่กระโดดลงสระ แต่ตัวเองกลับยืนวอร์มร่างกายอยู่ตั้งนานสองนาน เมื่อเห็นว่าเขากำลังมองเธออยู่ปิ่นมุกจึงเบือนหน้าหนีไปมองอย่างอื่นเสีย "นี่เธอจะวอร์มร่างกายอีกนานปะ ฉันจะได้ว่ายรออีก 2 รอบ" น้ำเสียงกึ่งประชดประชันดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเธอยังคงอ้อยอิ่งกับการวอร์มร่างกายทั้งที่มันควรเสร็จตั้งแต่ 10 นาทีแรกแล้ว "รู้แล้วน่า.." เธอไม่ได้วอร์มร่างกายเพื่อยืดเวลาสักหน่อย แต่เธอวอร์มเพื่อให้ร่างกายพร้อมต่างหากกลัวว่าจะบาดเจ็บหากเธอวอร์มร่างกายไม่เพียงพอ มันนานมากแล้วที่เธอไม่ได้ว่ายน้ำ อย่างต่ำก็เกือบ 3 เดือน "เค้าเลิกซ้อมกี่โมงเหรอ" คนตัวเล็กเอ่ยถามเขาก่อนจะเดินไปยังม้านั่งใกล้ๆ บริเวณตรงนั้นยกขวดน้ำขึ้นมาจิบเล็กน้อย "ไม่รู้ คงเรื่อยๆ ล่ะมั้ง..." เสียงของเขาเกือบหายไปในท้ายประโยคเมื่อสายตาเผลอมองไปยังร่างแบบบางของปิ่นมุกที่กำลังถอดชุดแจ็คเก็ตตัวใหญ่ออกจากร่างกาย ร่างบางในตอนนี้อยู่ในชุดทูพีชสีดำ ความยาวสั้นแค่คืบเดียวจากขาอ่อน ผิวขาวสว่างสะท้อนออกมาจนแสบตาไปหมด เขาไม่ได้ตั้งใจจะมองหน้าอกของเธอแม้แต่นิดเดียว แต่มันโคตรเด่นที่สุดรองจากผิวที่ขาวจัดๆ เอวของเธอก็เล็กนิดเดียว เขาไม่เคยเห็นหุ่นของเธอแบบเต็มตา และไม่คิดว่ามันดีขนาดนี้ "นี่เช็ดน้ำลายบางเหอะ มันย้อยลงไปในสระแล้วนั่น" คนตัวเล็กเอ่ยแซวเขายกใหญ่ เมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่มองเธออยู่อย่างนั้น เขาไม่ได้ใช้สายตาลวนลามในการมองเธอ คนตัวเล็กจึงไม่รู้สึกอึดอัดเมื่อต้องใส่ชุดแบบนี้ต่อหน้าเขา "น้ำลายใครย้อยกันวะ" ไฟจิ๊ปากอย่างไม่ยอมรับก่อนจะเบือนหน้าหนีเธอทันที ใบหน้าเขาขึ้นซับสีแดงจางๆ จนเธออดที่จะเลิกแกล้งเขาไม่ได้เสียอย่างนั้น "จะมองก็มองไป พอดีมีของดีให้โชว์อะนะ" เธอจงใจใช้น้ำเสียงในแบบที่เขาพูดกับเธอก่อนหน้านี้ พึ่งรู้ว่าการกวนประสาทใครบางคนมันสนุกดีเหมือนกัน ปิ่นมุกเลิกสนใจเขาต่อจากนั้น ไม่ได้หันไปสนใจว่าไฟจะหัวฟัดหัวเหวี่ยง หรือเขินอายจดตัวบิดม้วน เธอพาตัวเองไปหยุดอยู่ตรงขอบสระ ไม่ได้ว่ายน้ำนานหลายเดือนทำเธออดตื่นเต้นไม่ได้ ว่าแต่ทำไมสระของมหาลัยเขามันดูลึกแปลกๆ แต่คนตัวเล็กไม่ได้สนใจอะไรมากเธออาจตาฝาดไปเองเพราะน้ำมันใส ก่อนจะกระโดดลงไปในท่าเตรียมว่าย เสียงน้ำกระจายดังขึ้นต่อจากนั้นเธอว่ายเปิดด้วยท่าฟรีสไตล์ จ้วงแขนไปตามผิวน้ำอย่างเข้าจังหวะ แต่ระยะห่างระหว่างสระมันกว้างเกินไปคนตัวเล็กจึงหยุดว่ายเมื่อถึงกลางสระ เพราะพึ่งจะว่ายในรอบหลายเดือน กลัวว่าฝืนไปจะบาดเจ็บได้ เพราะคิดว่าสระที่กระโดดลงไปมีความลึกแค่ 1.5 เมตร เธอจึงเตรียมยืนขึ้นแต่เมื่อแตะขาลงไป ปลายเท้าเธอดันไม่แตะโดนพื้นสระเสียอย่างนั้น เพราะความตกใจบวกกับขาที่อ่อนล้า ทำให้คนตัวเผลอหยุดตีขาไปชั่วขณะ ทำให้ร่างดิ่งลงใต้น้ำในเดี๋ยวนั้น แต่เมื่อเธอตั้งสติได้ก็รีบตีขาขึ้นมาบนผิวน้ำทันที แต่ก็เผลอกลืนน้ำลงในลำคอหลายอึกจนแสบคอไปหมด พรึบ! "แค่กๆ" คนตัวเล็กสำลัก ร่างบางของเธอถูกใครบางคนโอบอุ้มไว้จนร่างบางแนบชิดไปกับร่างกำยำของเขา แขนแกร่งโอบอยู่ใต้สะโพกของเธอเพื่ออุ้มเธอขึ้นจากผิวน้ำเล็กน้อย "เป็นไรหรือเปล่า" เสียงนุ่มทุ้มของไฟเอ่ยด้วยความตกใจระคนเป็นห่วง คนตัวเล็กโอบแขนรอบลำคอของเขาอย่างหาที่ยึด ใบหน้าสวยขึ้นซับสีแดงจางๆ จากการสำลักน้ำในสระ "น้ำในสระลึกมาเลย ขาฉันไม่แตะพื้นอ่า" ปิ่นมุกเอ่ยบอกเขาเสียงแผ่ว เมื่อกี้เธอแค่ตกใจ ไม่คิดว่าสระว่ายน้ำในมหาลัยเขาจะลึกขนาดนี้ "ก็นึกว่ารู้แล้ว ฉันให้เธอเลือกเองนี่นา" "ใครจะไปคิดว่ามันจะลึกมากขนาดนี้เล่า.." ปิ่นมุกสูดหายใจเข้าปอดหนักๆ ซบใบหน้าลงบนไหล่เปลือยๆ ของเขา เมื่อกี้เธอตกใจมากเลย เพราะในตอนดิ่งลงรู้สึกว่าใต้น้ำมันลึกมาก อีกทั้งยังหายใจไม่ออกด้วย ความลึกของสระนี้หน้าจะถึง 3 เมตรด้วยซ้ำ ซึ่งเธอไม่เคยว่ายสระที่ลึกขนาดนี้มาก่อน คนตัวเล็กหอบหายใจ ไม่ได้สังเกตตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าร่างกายแนบชิดกับอีกฝ่ายมากแค่ไหน ผิวของไฟร้อนผะผ่าว ความนุ่มหยุ่นของเธอแนบสนิทไปกับหน้าอกแกร่งจนได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นในจังหวะที่หนักแน่น และมันคงเป็นเช่นเดียวกันกับเธอ... ไฟลอบมองปฏิกิริยาคนตัวเล็กที่ซบอยู่บนไหล่เขา ตัวเธอสั่นนิดๆ อาจเป็นเพราะความตื่นตระหนก วงแขนแกร่งโอบรัดร่างบางแน่นขึ้นเพื่อเธอให้คลายความกลัว ผิวเนื้อของเธอนุ่มนิ่มไปหมด อีกทั้งยังขาวสว่างจนเขาแสบตา ในชีวิตนี้เขาเจอผู้หญิงขาวๆ มาเยอะ แต่ปิ่นคงเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ขาวที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาเลย ยิ่งวงแขนเล็กๆ นั่นโอบกระชับรอบคอเขา ยิ่งร่างนุ่มบดเบียดกายเข้าหาเขา ความรู้สึกหลากหลายมันกลับตีรวนเข้ามาในหัวเขา ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไม่นานแค่ไหน แต่เขาก็ปล่อยให้เธอกอดรั้งเขาอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะใจเย็นลง แต่... "ทำไรกันวะ.." เสียงของใครบางคนดังขัดจังหวะขึ้น จนร่างเล็กต้องรีบผละออกจากตัวเขาทันที แต่เป็นเขาที่ยังโอบรอบเอวเธอไว้อย่างหลวมๆ เพราะกลัวว่าเธอจะดิ่งลงไปอยู่ก้นสระอีกครั้ง "อ่า ฉันโอเคแล้วล่ะ" ปิ่นมุกเอ่ยบอกเขาเสียงอ้อมแอ้ม เพราะพึ่งนึกขึ้นได้ว่ากอดเขาไปนานแค่ไหน อีกทั้งฝ่ามือร้อนๆ ของเขายังแตะอยู่ที่เอวของเธออีกด้วย "อืม" ไฟบอกแค่นั้นก่อนจะยอมปล่อยแขนออกไปจากเอวเล็ก เขารอให้เธอว่ายออกไปก่อนเพราะตอนนี้เขากับเธอเล่นกอดกันอยู่กลางสระ เมื่อเห็นว่าเธอว่ายออกไปแล้วเขาจึงว่ายตามหลังมาติดๆ "พี่เต้ยมีอะไรหรือเปล่าคะ" ปิ่นมุกเอ่ยถามคนที่พึ่งมาใหม่เมื่อขึ้นจากสระ พี่เต้ยคือรุ่นพี่ในชมรมของเธอ ถ้าเกิดว่าไฟเป็นตัวเก็งของทางมหาลัย SD พี่เต้ยก็ถือว่าเป็นตัวเก็งของมหาลัยเธอเช่นเดียวกัน "ประธานชมรมให้มาแจ้งว่าจะซ้อมกันเย็นหน่อยน่ะ" ถึงแม้ปากจะเอ่ยบอกเธอ แต่สายตาพี่เต้ยกลับมองเลยไปข้างหลังเธอ แววตาของพี่เต้ยสะท้อนออกได้ถึงความไม่พอใจในนั้น เธอเองก็ไม่อยากสนใจรุ่นพี่ตรงหน้าสักเท่าไหร่ "อ้อค่ะ มีแค่นี้ใช่ไหมคะ ปิ่นจะได้ไปซ้อมต่อ" เธอบอกพร้อมกับหันหลังกลับ แต่ต้นแขนดันถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้คล้ายจะหยุดการเคลื่อนไหวของเธอ หมับ! ปิ่นมุกแทบจะสะบัดมันเสียเดี๋ยวนั้น ไม่ชอบให้ใคร (บางคน) จับเนื้อต้องตัว โดยเฉพาะคนที่เธอไม่ไว้ใจ อย่างพี่เต้ยถึงแม้เขาจะแสดงออกต่อหน้าเธอว่าสุภาพ แต่ลับหลังเธอได้ยินเค้าลือกันให้แซดว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิด เธอเลยระวังตัวพอควร "ถ้าเราอยากเปลี่ยนคู่ซ้อมก็บอกพี่ได้นะ เดี๋ยวพี่มาซ้อมกับเราแทนก็ได้" พี่เต้ยเอ่ยบอกอย่างสุภาพ พยายามทำตัวให้ดูใกล้ชิดเธอจนปิ่นมุกต้องถอยหลังออก "ไม่เป็นไรค่ะ คู่ของปิ่นก็ดีอยู่แล้ว" เธอไม่อยากเรื่องมาก อีกอย่างไฟเองก็ดูไม่ตอแหลเท่าคนตรงหน้าเธอ "แต่พี่ว่ามันดูไม่ค่อยน่าไว้ใจนะ เราไว้ใจคนที่พึ่งเจอกันได้ไง เมื่อกี้พี่เห็นว่ามันกอดปิ่นอยู่น่ะ" อีกฝ่ายพยายามหาเหตุผลมาโต้แย้งเธอ "ปิ่นสำลักน้ำ เขาแค่มาช่วย ไม่ได้เป็นอย่างที่พี่คิดสักหน่อย" พี่เต้ยเงียบไปเมื่อเถียงกลับเธอไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ยอมละความพยายามที่จะให้เธอเปลี่ยนใจไปคู่เขา "ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พี่ไม่ไว้ใจ ปิ่นเปลี่ยนมาคู่พี่เหอะ" "ไม่ค่ะ ก็บอกอยู่ว่าคู่นี้ดีอยู่แล้ว" เธอชักจะรำคาญแล้วนะ เธอแสดงสีหน้าเสียขนาดนี้ก็ควรรู้แล้วปะว่าไม่อยากคู่ด้วย แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ตอกกลับคนตรงหน้าไป ไฟที่เดินมาหยุดอยู่ข้างหลังเธอก็เอ่ยตัดหน้าเธอไปเสียก่อน "ผู้หญิงเขาไม่อยากคู่ด้วย ยังจะตื๊อไม่เลิกอีกนะมึง" ไม่พูดเปล่าร่างกำยำยังเดินมาบังร่างเล็กจนมิด ดูจากความสูงเหมือนไฟจะตัวสูงและหนากว่าพี่เต้ยนิดหน่อย "มึงเสือกไรด้วยวะ" เธอไม่รู้ว่าตอนนี้พี่เต้ยทำสีหน้ายังไง เพราะสายตาเธอถูกปิดบังด้วยแผ่นหลังเรียบตึงของไฟ "กูก็ไม่อยากเสือกหรอก แต่ปิ่นเค้าเลือกกูชัดนะ" เสียงของไฟเต็มไปด้วยความรำคาญจนเธอรู้สึกได้ ถึงไม่ได้มองหน้าก็คงรู้ว่าตอนนี้สีหน้าของไฟเป็นแบบไหน คงรำคาญไม่ต่างจากเธออย่างแน่นอน เธอที่โดนตื๊อแบบนี้บ่อยครั้งถึงขั้นต้องโดดซ้อมเป็นส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้เลยเป็นแค่ตัวสำรองอยู่นี่ไง แต่ใครแคร์? เธอเข้าชมรมว่ายน้ำเพราะไม่มีชมรมไหนที่เธออยากเข้าต่างหาก มันเป็นแค่งานอดิเรกเท่านั้น "ไอ้หน้าหล่อนั่นแฟนเธอเหรอ" ไฟเอ่ยถามเธอทันทีที่พี่เต้ยผละตัวออกไปแบบไม่พอใจนัก "แฟนกับผีอะดิ" เป็นแฟนพี่เต้ยเธอยอมโสดตลอดชีวิตไปเลย "ก็นึกว่าแฟน เห็นหวงเธออย่างกับหมาหวงก้าง" เขาชักสีหน้าพร้อมกับแค่นเสียงในลำคอ รู้สึกไม่ถูกชะตากับมันยังไงไม่รู้ "แค่รุ่นพี่" เธอยักไหล่ให้เขาแบบไม่ใส่ใจนัก เธอคิดกับเขาแค่รุ่นพี่จริงๆ "แค่รุ่นพี่จริงดิ? สายตามันเหมือนอยากเป็นอย่างอื่นมากกว่า" ไฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เธอไม่ค่อยจะได้ยินนัก ทำไมเขาต้องกระแทกเสียงใส่เธอตอนพูดด้วยเนี่ย ไม่พอใจอะไรของเขา? "นี่ไม่ได้ชอบเค้าสักหน่อย พี่เต้ยตื๊อฉันจนน่ารำคาญเลยต่างหาก" เขาคงไม่รู้ว่าเธอเลี่ยงที่จะเจอพี่เต้ยตอนอยู่มหาลัยขนาดไหน ถึงแม้ไม่ได้อยู่คณะเดียวกัน แต่เขารุกเธอจนเอียนไปเลย ช่วงนี้คือเพลาๆ ลงบ้างแล้ว "รำคาญทำไม่ปฏิเสธไปว่ะ ฉันเห็นหน้ามันครั้งแรกก็รู้สึกไม่ถูกจริตด้วยสักนิด คนห่าอะไรตื๊อไม่เลิก แม่งชักรำคาญเองแล้วว่ะ" เออ เธอก็พอรู้อยู่หรอกหน้าเขาตอนนี้โคตรจะหงุดหงิด แต่มันก็ถือเป็นเรื่องปกติ? ของไฟนั่นแหละ เพราะหมอนี่ชอบหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว ถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้นิสัยแบบนี้เป็นทุนเดิมเธอคิดว่าเขาหึงนะ "นายก็อคติกับทุกคนอยู่แล้วนี่นา กับฉันก็อย่าเกลียดกันมากละกัน ช่วยเอ็นดูฉันสักหน่อย เราเป็นคู่หูกันแล้วนี่นา" เขาไม่ต้องดีกับเธอมากก็ได้ แค่ไม่ใจร้าย หรือเกลียดกันมากเกินไปก็พอ "ไม่..." ไฟเอ่ยพลางจ้องหน้าเธอนิ่ง ทำคนตัวเล็กถึงกับหน้าถอดสี "ไม่อยากเป็นคู่หูเหรอ" เธอเอ่ยเสียงแผ่ว รู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยเมื่อเขาปฏิเสธคำพูดของเธอเสียอย่างนั้น "เปล่า แค่จะบอกว่าไม่ได้เกลียดเธอสักหน่อย หมายถึงไม่เคยเกลียดเธอ..." เขาหลบหน้าเล็กน้อยเมื่อเอ่ยจบประโยค แต่เธอดันเผยยิ้มออกมา หัวใจมันฟูฟ่องขึ้นมาเมื่อคิดว่าเขาไม่ได้เกลียดเธอในแบบที่คิดมาตลอด "งั้นเราสองคนถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้วได้หรือเปล่า" เพราะความดีใจทำให้เธอเอ่ยถามเขาออกไป แต่ไฟกลับเงียบอยู่อย่างนั้นไม่ได้ตอบอะไรกลับมา "..." "อ่า งั้นเป็นคู่หูนั่นแหละ" คงเร็วไปสินะกับการเป็นเพื่อนกัน "อืม ฉันว่าเราคงยังไม่เหมาะให้เป็นเพื่อนกันวะ" เธอเข้าใจเขาได้ ไม่อยากเป็นเพื่อนก่อนก็ไม่เป็นไร คนเคยเบื่อขี้หน้ากันจะให้ปุบปับมันคงเร็วเกินไปนั่นแหละ แค่เขาไม่เกลียดเธอก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว!! .
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม