ในตอนแรกประธานชมรมฯ บอกให้เลิกซ้อมในช่วงเย็น แต่เอาเข้าจริงตอนนี้มันเลยช่วงเย็นไปมากแล้ว นาฬิกาบอกเวลา 19.30 นาที
ภายในโรงยิมตอนนี้แต่ละคนต่างคนต่างเก็บของและเปลี่ยนเสื้อผ้ากันหมด เธอเองก็สวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นพอดีตัว ผมถูกรวบไว้ลวกๆ อย่างไม่พิถีพิถันอะไรมากนักจนปอยผมลู่ลงข้างแก้มขาวๆ ของเธอ
เมื่อเดินออกมาจากโรงยิมฟ้าด้านนอกมืดสนิท เธอเห็นพี่ฝนพี่ในชมรมที่อาสาจะไปส่งเธอวันนี้ แต่เมื่อเดินไปใกล้กลับเห็นพี่ฝนยืนทำหน้าเครียดพร้อมกับโทรศัพท์ที่กดวางสายไป เมื่อคนเป็นพี่หันมาเจอเธอก็รีบเดินเข้ามาหาทันที
"น้องปิ่นวันนี้พี่คงไปส่งเราไม่ได้แล้ว พี่มีธุระด่วนจากทางบ้านน่ะ เราพอจะให้ใครไปส่งได้บ้างไหม" น้ำเสียงของพี่ฝนดูกังวลและรู้สึกผิดอยู่ในนั้น
"อ่า เดี๋ยวปิ่นขอขึ้นรถของเพื่อนในชมรมก็ได้ค่ะ"
พี่ฝนคงมีธุระด่วนจริงๆ นั่นแหละดูจากสีหน้าคงจะรีบมากด้วยนี่สิ เธอเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักใคร แต่คนที่ไว้ใจนี่สิ...
"เรามีคนจะกลับด้วยแน่ๆ นะ พอดีพี่ไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่.." เพราะข่าวลือเกี่ยวกับพวกผู้ชายที่ชอบไปมั่วสุมแถวร้านเหล้าทำให้พี่ฝนไม่ค่อยจะไว้ใจใครให้ไปส่งพวกผู้หญิงในชมรม และตอนนี้ผู้หญิงในชมรมของเธอต่างให้แฟนมารับกันหมดแล้ว
"ปิ่นกลับได้ค่ะ พี่ไปทำธุระเถอะค่ะ"
"กลับได้แน่นะ" พี่ฝนเอ่ยถามอีกครั้ง เธอจึงพยักหน้าให้ ก่อนที่พี่ฝนจะวิ่งกลับไปยังรถของตัวเองทันที
เธอกระชับกระเป๋าสะพายเล็กน้อย ถึงจะบอกพี่ฝนไปแบบนั้นแต่เธอยังไม่รู้เลยว่าจะกลับกับใคร บางทีหน้ามหาลัยอาจมีรถสองแถวผ่าน เธอจะไปขึ้นรถตรงนั้นก็แล้วกัน แต่เมื่อเธอเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น ก็ต้องชักสีหน้าให้กับใครบางคนที่เดินเข้ามาขวางหน้าเธอ
"ปิ่นไม่มีรถกลับเหรอ ไปกับพี่ไหมวันนี้พี่เอารถยนต์มาน่ะ" พี่เต้ยเอ่ยพร้อมกับชี้ไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถหน้าโรงยิม
แต่คิดเหรอว่าเธอจะไปน่ะ
"พอดีปิ่นมีคนจะกลับด้วยแล้ว ขอตัวนะคะ" เธอไม่อยากเสวนากับพี่เต้ย เพราะรำคาญลูกตื๊อที่เธอปฏิเสธไม่ต่ำกว่าร้อยครั้ง
"แต่เมื่อกี้พี่พึ่งได้ยินว่าพี่ฝนกลับไปทำธุระนะ แล้วเราจะกลับกับใคร"
นี่แอบฟังเธอกับพี่ฝนอยู่หรอกเหรอ หรือเขารอโอกาสนี้อยู่กันแน่ ปิ่นมุกจ้องหน้าเขาอย่างคนเหม็นเบื่อ แต่พี่เต้ยกับส่งสายตาที่เธอเห็นยังขนลุกซู่มาให้กัน
และวินาทีนั้นที่ร่างสูงของไฟเดินผ่านมาทางนี้โดยบังเอิญ หรือตั้งใจก็ไม่อาจรู้คนตัวเล็กจึงเดินไปคว้าแขนเขาก่อนจะดึงมาทางนี้ ไฟทำหน้างงเล็กน้อยแต่ก็ยอมตามเธอมาโดยไม่ปริปากพูดอะไร
"ปิ่นกลับกับไฟค่ะ เรานัดกันแล้ว" เธอบอกพี่เต้ยไปพร้อมกับจับแขนของไฟนิ่ง เขาก้มลงมามองหน้าเธอพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น
"หือ? เธอกลับกับฉันเหรอ?" เขาครางในลำคอเสียงแผ่ว
"เออดิ ก็บ้านเราอยู่ใกล้กัน ใช่ไหม.." คนตัวเล็กกัดฟันพูดกับเขา พยายามส่งซิกให้ร่างสูงทางสายตา จนไฟได้เออออไปตามน้ำ แต่พี่เต้ยนี่สิ ทำสีหน้าขุ่นเคืองมาให้ อีกทั้งยังจ้องไฟไม่ห่างสายตา
"เราไว้ใจมันเหรอ" พี่เต้ยเอ่ยถามเธอเสียงห้วนจัด บ่งบอกได้ถึงความไม่พอใจที่เธอตัดสินใจกลับกับคนอื่น
"ก็พอตัว" อย่างน้อยไฟก็ไม่เคยมองเธอด้วยสายตาทุเรศแบบที่พี่เต้ยเคยทำ
แต่คำพูดของปิ่นมุกคงสะกิดใจพี่เต้ยไม่น้อย ถึงได้หน้าแดงอย่างคนโกรธจัดแบบนี้
"เจอกันแค่วันเดียวนี่ปิ่นหลงมันขนาดนี้เลยเหรอ กับพี่ที่จีบเรามาหลายเดือนแม้แต่มือก็ไม่เคยให้จับ คนแบบนี้มันน่าคบตรงไหน อย่างกับเด็กแว้นแถวบ้านพี่" ประโยคหลังพี่เต้ยจงใจกระแทกเสียงใส่ไฟ เธอรู้หรอกว่าพี่เต้ยไม่พอใจเธอ แต่นี่ถึงขั้นลามไปด่าคนข้างกายเธออีก
พี่เต้ยคงรู้ฤทธิ์ของไฟน้อยไปแล้ว
"อ้าว ไอ้เวรนี่ว่าใครเป็นเด็กแว้นวะ" ไฟหน้าตึง จ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ เขาไม่เคยทำอะไรอีกฝ่ายสักหน่อย จู่ๆ ก็โดนลากไปโดนด่า
วอนโดนของดีเข้าให้แล้ว เขาตั้งท่าจะเข้าไปหาเรื่อง แต่มือเล็กของเธอก็ดึงแขนเขาเอาไว้
"ไฟอย่า" ไม่พูดเปล่าร่างบางยังก้าวไปยืนบังเขากับพี่เต้ย แต่แทนที่พี่เต้ยจะสำนึกว่าเธอกำลังช่วยเขาจากฝ่าตีนหนักๆ ของไฟ แต่กลับชี้หน้าเธอเสียอย่างนั้น
"งั้นก็อย่าหาว่าพี่ไม่เตือนละกัน เราก็สวยเอาเรื่องแต่เลือกหน่อยก็ดีนะ เพราะหน้ามันดูค่อยไม่ไว้ใจเท่าไหร่ อย่างกับอันธพาล"
เหมือนว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอจะชักสีหน้าเหมือนว่าอารมณ์ความโกรธกำลังจะปะทุในเร็วนี้
"เตือนตัวเองเหอะไอ้สัส หน้าตาดูไม่น่าไว้ใจมากกว่ากูอีก" ไฟเองก็ไม่ยอมให้ใครมาด่าได้ฝ่ายเดียวเช่นกัน ปากมีอีกอย่างปากหมากว่ามันเยอะ เพราะเขาไม่ได้เป็นผู้ดีอะไรมันเลยสถุลตามธรรมชาติไง
"แต่อย่างน้อยกูก็ไม่รสนิยมต่ำแบบมึงนี่หว่า" คำพูดของพี่เต้ยเหมือนกับฟางเส้นสุดท้าย จบคำพูดนั้น ร่างกำยำไม่ทนอีกต่อไปรีบดันร่างของเธอให้หลบในรัศมีของเขา ก่อนฝ่าเท้าขิงเขาจะประทับลงกลางอกของอีกฝ่ายเต็มแรง ดัง..
"อั๊กก!!!"
"วอนโดนตีนกูแล้ว" เขาตั้งท่าจะเข้าไปซ้ำเมื่ออีกฝ่ายล้มลงกับพื้นปูน แค่นี้ยังไม่สะใจเขา เขาที่กำยำยกฝ่าเท้าขึ้นในอากาศ แต่ปิ่นมุกกับดึงร่างเขาด้วยแรงที่มีพร้อมกับเอ่ยเรียกสติเขาอีกครั้ง
"ไฟอย่าดิ๊ นี่มันมหาลัยนะ" คนตัวเล็กทำสีหน้าตื่น เพราะกลัวว่าจะถึงหูคนอื่นมันจะไม่ดี ไฟเมื่อเห็นหน้ายู่ๆ ของเธอก็ถึงกับถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยเตือนอีกฝ่ายที่ยกมือกุมอกตัวเองอยู่
"ระวังตัวให้ดีล่ะ อย่าให้กูเจอนอกมหาลัยก็แล้วกัน" เขาที่กำลังชี้หน้ากล่าวโทษ แต่ก็เป็นปิ่นมุกที่เข้ามาจับมือเขาแล้วลากไปอีกทางทันที
เพราะไม่รู้ว่ารถเข้าจอดอยู่ตรงไหนเธอได้แต่ลากมือเขาไปอย่างไร้ทิศทาง จนกระทั่งเป็นเขาเองที่ต้องจับมือเธอเอาไว้ก่อนจะจูงเข้ามายังใต้อาคารหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก และรถเวฟไอของเขาก็จอดอยู่ตรงนั้น
เมื่อเดินมาถึงรถเขาถึงกับถอนหายใจก่อนจะปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระ ร่างกำยำเดินไปนั่งบนเบาะรถของตัวเองด้วยใบหน้าขุ่นเคือง
"ไอ้หน้าปลาหมอนั่นมันปากจัดฉิบหาย มันด่าฉันว่ารสนิยมต่ำ แม่ง.."
เขายังเคืองไม่หาย อย่างอื่นว่าได้แต่หาว่าเขารสนิยมต่ำ แบบนี้มันดูถูกความชอบของคนอื่นนี่นา มันเองก็ใช่ว่าจะแต่งตัวดีกว่าเขาตรงไหน แค่ไม่ชอบของแบรนด์เนมถึงขั้นบอกว่าไร้รสนิยมเลยหรือไง
"ไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นบอกก็อย่าโมโหดิ" คนตัวเล็กอยากจะขำ แต่ก็กลัวว่าจะโดนสวนด้วยหมัดจากเขา เพราะดูจากสีหน้าเขา ไฟยังคงหงุดหงิดกับพี่เต้ยไม่หาย
"จิ๊ สภาพฉันมีตรงไหนที่รสนิยมต่ำ เธอบอกฉันมาดิ" เขาเองก็อยากรู้ว่าตรงไหนที่เรียกว่ารสนิยมต่ำ คนเราก็ต้องมีของที่ชอบไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
แต่เธอกลับ...
"โห ให้บอกจริงดิ" คนตัวเล็กเอ่ยพร้อมกับมองเขาอย่างพิจารณาตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า ถึงแม้มันจะไม่ได้มองด้วยสายตาเหยียด แต่ไอ้สีหน้านิ่งเรียบของเธอมันยิ่งกว่าอีก
นี่กูรสนิยมต่ำจริง?
"เธอแม่ง..." หน้าเขาตึงไปหมด เธอยังไม่ได้เอ่ยพูดแต่สีหน้าก็บอกเขาอยู่ว่าคิดแบบไหน : (
"ถ้าบอกนายจะโกรธฉันไหม" คนตัวเล็กเอ่ยถามเขาเสียงแผ่ว เธอเองก็ไม่อยากทำให้เขาเสียความมั่นใจหรอกนะ เขาเองก็หล่อเอาเรื่องอยู่ แต่การแต่งตัวก็มีผลจริงๆ นั่นแหละ
"ฉันไม่โกรธ แต่ไม่ให้กลับด้วยแค่นั้น"
เขาพูดแบบนี้แล้วเธอจะกล้าบอกเขาไหมล่ะ เดี๋ยวหมอนี่ก็ให้เธอเดินกลับบ้านหรอก ยิ่งเดาอารมณ์เขาไม่ออกอยู่ด้วย
"งั้นไม่บอกละ ปล่อยให้โดนคนอื่นด่าอยู่นั่นแหละ" ในเมื่อเขาไม่อยากฟังเธอก็จะไม่พูด เดี๋ยวกลายเป็นหาเรื่องให้ตัวเองเสียเปล่า เธอเองก็ใช่ว่าจะสนิทกับเขามากมายอะไร ดีไม่ดีกลายเป็นเธอที่ไปบูลลี่เขา จากที่เขาไม่เกลียดกลายเป็นกระทืบเธอแทนพี่เต้ยอะดิ
"มันแย่ขนาดนั้นเลย?" เขาเลิกคิ้วถามขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าหล่อจ้องเธอนิ่ง คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาไม่ได้แต่งตัวแย่ขนาดนั้น แต่ความเป็นเขามันดูเยอะไปหมด ไม่รู้ใส่อะไรเยอะแยะจนรู้สึกเกะกะลูกตา
"ก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น แค่นายลองแต่งตัวให้มันน้อยลงหน่อย เสื้อก็ใส่แค่ตัวเดียวพอปะ จะใส่เสื้อยืดสีเข้มทับด้วยเสื้อนักศึกษาทำไม ไม่ร้อนเหรอ" ไม่พูดเปล่าเธอยังเดินเข้าไปใกล้ร่างกำยำก่อนจะจิ้มเสื้อสีเข้มด้านในของเขาที่โผล่ออกมาจากเสื้อนักศึกษาที่ปลดกระดุม
"..." เขามองตามการกระทำของเธอโดยไม่ได้เอ่ยขัดอะไร
"แล้วผมของนายก็ช่วยตัด หรือรวบมันหน่อย แบบนี้ไง" คนตัวเล็กไม่พูดเปล่ายังเอื้อมมือเข้ามารวบผมที่ปรกหน้าเขาก่อนจะรวบมันไว้ทางด้านหลังในแบบที่เขาชอบทำ เธอใช้ยางมัดผมสีดำของตัวเองที่ชอบใส่มันไว้ในข้อมือเอามามัดผมเขาไว้
วินาทีนั้นเหมือนร่างกำยำจะชะงักตัวไป เธอคงไม่ได้สังเกตว่าตอนนี้ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้กันแค่ไหน ลมหายใจอุ่นร้อนปัดเป่าสันจมูกเขาแผ่วเบากลิ่นหอมอ่อนจากร่างแบบบางมันกระจายอยู่รอบตัวเขาจนเผลอสูดเข้าปอดหนักๆ
และวินาทีนั้นที่คนตัวเล็กก้มหน้าลงมาเมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเขาที่มองมา ระยะห่างของใบหน้ามีเพียงลมหายใจที่กั้นระหว่างกัน กลิ่นหอมของเธอทำสติเขากระเจิงไปหมด สายตาเผลอมองริมฝีปากสีชมพูธรรมชาติของเธอ ก่อนจะลอบกลืนน้ำลายลงคออีกอึกใหญ่
"เสร็จแล้ว.." เป็นคนตัวเล็กที่ผละใบหน้าออกมาก่อนจะถอยห่างเขาไปหนึ่งก้าว รู้สึกร้อนฉ่าไปทั้งตัว เมื่อมองไปยังไฟหมอนั้นยังทำตัวปกติดี ทั้งที่เมื่อกี้หัวใจของเธอแทบจะหลุดออกมาจากอก
"ว่าแต่คนอื่น ผมเธอก็ไม่เห็นจะมัดดีเลยเหอะ" เขาเอ่ยขึ้นหลังจากนั้น ทำเธอต้องเอื้อมมือขึ้นมาจับผมของตัวเองเพื่อเช็กดูความเรียบร้อย เมื่อกี้ตอนออกมาเธอมัดแค่ลวกๆ เท่านั้น ตอนนี้มันคงหลุดหลุยออกมาจนไม่เป็นทรง
"ก็ฉันรีบนี่นา อีกอย่างมันก็ค่ำแล้วไม่มีใครสนใจหรอก" เธอเอ่ยบอกเขาแบบไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะแกะยางมัดผมบนหัวตัวเองออกหมายจะมัดมันใหม่
ร่างกำยำเมื่อเห็นดังนั้นจึงคว้าข้อมือเล็กของเธอ ก่อนจะดึงเข้าหาร่างเขา มือหนาดึงยางมัดผมในมือเธอไปถือเอาไว้ คนตัวเล็กถึงกับเบี่ยงหัวหลบมือเขาเอื้อมมือมาที่ผมของเธอ
"อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวมัดให้ใหม่ หลบทำไมเนี่ย" เขาเอ่ยขึ้น แต่เธอดันคิดว่าเขาจะตีหัวเธอด้วยมือนั้นมากกว่า
"ก็คิดว่านายจะตีหัวฉันนิ" คนตัวเล็กยืนนิ่งพลางบ่นอุบอิบในลำคอ
"ฉันจะทำแบบนั้นทำไม"
"ก็เมื่อกี้ฉันวิจารณ์นายไปเยอะเลย กลัวโดนตี"
"พึ่งจะมากลัวหรือไง" ไฟหัวเราะในลำคอแผ่วๆ ก่อนจะบรรจงมัดผมให้เธอด้วยสองมือของเขา
"ทำไมมันดูเบี้ยวๆ วะ เธออยู่นิ่งๆ ดิ" เมื่อแกะและมัดใหม่เกือบสามรอบ หมอนี่ถึงกับหน้าตึงเพราะไม่พอใจกับผลงานของตัวเอง
"ฉันอยู่นิ่งแล้วแต่นายนั่นแหละมัดไม่ตรง" หัวเธอจะหลุดอยู่แล้ว ว่าแล้วเขาทำเหมือนว่าจะเข้ามาแกะยางออกจากผมเธออีกครั้งจนเธอต้องเอ่ยปากห้ามเขาเสียก่อน
"พอแล้ว แบบนี้ก็ได้" ถ้าปล่อยให้เขามัดให้อีกรอบเกรงว่าผมเธอจะหลุดออกจากหัวจนกมด เพราะเขาทำแรงมากเลยเหอะ แทบจะไม่ถนอมกันเลย
ไฟไม่ได้เซ้าซี้จะมัดผมเธอต่อ เขาทำการสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ ก่อนจะตั้งท่าให้เธอขึ้นซ้อนหลังเขา
"เร็วๆ ดิ หิวข้าวแล้วเนี่ย ไปหาไรกินกัน" เขาเอ่ยขึ้นเมื่อเธอไม่ยอมขึ้นรถมาเสียที เห็นแบบนั้นเธอจึงก้าวเข้ามาซ้อนท้ายเขาแบบกล้าๆ กลัวๆ เพราะรถเขามันดูไม่ค่อยหน้านั่งเท่าไหร่ กลัวว่ามันจะพังตอนเธอขึ้นนี่สิ
"งั้นมื้อนี้เดี๋ยวเลี้ยงข้าวแล้วกัน ขอร้านเด็ดๆ เลยนะ" เขาไม่ตอบอะไร ทำเพียงยักไหล่ให้เธอเท่านั้นก่อนจะออกรถไป
วันนี้สงสัยจะซ้อมว่ายน้ำหนักแน่เลยมันถึงได้ดูดพลังเธอไปมากจนต้องซบใบหน้าลงบนแผ่นหลังเขาพร้อมกับหลับตาลง วงแขนเล็กโอบรอบเอวของเขาอย่างเผลอไผลอากาศในเวลาค่ำมันดูหนาวจนต้องกระชับวงแขนเข้ากับร่างเขา
ร่างกำยำหลุบตามองแขนเล็กที่เกาะเกี่ยวอยู่ตรงเอวหนา เขาถึงแม้ไม่ได้คิดอะไรไปไกล... แต่ริมฝีปากเผยยิ้มออกมาบางเบา