"เหยดเข้!! คนนี้ที่กูเล็งไว้นี่หว่า ไอ้ไฟเอามาเสิร์ฟถึงที่เลย ขอบใจมึงมากว่ะ ไม่คิดว่ามึงจะใจป้ำขนาดนี้" เพื่อนเขาพูดพร้อมกับทำสีหน้าตื่นเต้น แต่ดูจากน้ำเสียงพวกเขาดูจะไม่ได้จริงจังกับคำพูดพวกนั้นมากนัก
ดูไปดูมาก็เหมือนการแกล้งกันเสียมากกว่า แต่นั่นทำให้ร่างกำยำตรงหน้าเธอหน้าตึงโดยไร้เหตุผล
"เสิร์ฟกับตีนกูนี่แหละ ใครจะให้มึงวะ" เขาเลิกคิ้วพร้อมกับนั่งลงตรงเก้าอี้ว่างที่คาดว่าเป็นของเขานั่นแหละ แต่มันมีเก้าอี้ว่างแค่ตัวเดียวและเขาก็นั่งไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะให้เธอนั่งตรงไหน
แต่คนตัวเล็กไม่ทันได้เอ่ยถามใดๆ มือหนากลับดึงข้อมือเธอเพียงเบาๆ ร่างแบบบางก็เซลงไปนั่งบนตักเขา เธอที่กำลังจะลุกขึ้นเพราะเกรงใจสายตาของเพื่อนเขา แต่ร่างกำยำกลับกดเอวเล็กเอาไว้ไม่ให้ขยับลุกไปไหน จนเธอเหนื่อยที่จะห้ามเลยปล่อยเลยตามเลย เพราะถึงยังไงก็สู้แรงของเขาไม่ได้อยู่แล้ว
"ไหนบอกไม่สนใจไงวะ"
ต้นเอ่ยถามไฟพร้อมกับทำสีหน้าล้อเลียนมาให้ จนเขาได้แต่ชักสีหน้าตอบกลับไป พวกมันขี้เสือกเรื่องของเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วแต่นี่เขาดันพาปิ่นมาด้วย พวกมันคงหาเรื่องแซวไม่หยุดแน่
"เรื่องของกู แล้วกูบอกตอนไหนว่าสนยัยนี่ แค่มีน้ำใจเฉยๆ หรอก พวกมึงเก็บปากไว้แดกข้าวก็พอ อย่าแซว" เขาชี้หน้าเตือนเพื่อนพร้อมกับส่งสีหน้าจริงจังไปให้พวกมัน เผื่อจะเลิกสนใจเขากับปิ่นได้แล้ว แต่ก็อย่างว่าเพื่อนเขาแต่ละคนไม่มีใครกลัวเขาสักคน ต่างคนต่างกวนประสาทกันอยู่เสมอ ทีใครทีมัน
"ห้ามเพื่อนแซวแต่ให้นั่งตักคือไรวะ" คนชื่อต้นเอ่ยพลางลอบมองเธอสลับกับไฟด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่ม
คนตัวเล็กถึงกับหน้าเห่อแดง พร้อมกับพยายามลุกออกจากตักเขาอีกครั้งเพราพสายตาพวกเพื่อนเขาที่มองมาอย่างล้อเลียนกัน แต่เป็นเขาที่ใช้วงแขนเข้ามากอดรัดเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกออกไป และนั่นก็ยิ่งทำให้เธอแทบจะมุดหน้าหนี
ไหนบอกไม่สนใจไง แต่การมีน้ำใจของเขาก็ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ไหม?
"ที่นั่งไม่พอมึงไม่เห็นเหรอ" นี่เขาเอาเก้าอี้มาอ้างได้ด้วยงั้นเหรอ ทั้งที่ร้านมันก็มีเก้าอี้สำรองเยอะแยะ คนตัวเล็กได้แต่คิด ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เอ่ยขัดเขา
"บอกพนักงานให้เอาเก้าอี้มาเสริมก็ได้นี่หวา"
บิวเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นหมายจะเรียกพนักงานมา แต่ไฟก็ไว้กว่าที่เอื้อมไปหยิบถั่วบนโต๊ะก่อนจะเขวี้ยงไปหามันทันที แต่อีกฝ่ายก็หลบมันทันแบบเฉียดฉิว
"ไม่ต้อง! เดี๋ยวพนักงานเหนื่อย กูเกรงใจเขา"
เสียงของเขาดูจริงจังจนเธอเองก็แอบงง พนักงานในร้านออกจะเยอะ พวกเขาแทบจะไม่ได้เหนื่อยอะไร
"หึ! กูว่าไปไหนไม่รอดแล้วว่ะงานนี้" ต้นส่ายหน้าพร้อมกับนั่งจ้องหน้ากันกับบิวที่ทำหน้าเหม็นเบื่อมาให้เช่นเดียวกัน
"ไอ้ไฟแม่งอย่างกาก ปากหนักฉิบหาย"
เวลาผ่านไปได้ครู่ใหญ่ที่เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะเขา พวกเพื่อนเธอไม่ได้โทรตามหรืออะไร ตอนนี้คงเมาจนไม่รู้ว่าใครหายหรือใครอยู่เป็นแน่ ไฟนั่งดื่มบนโต๊ะกับเพื่อนของเขา
ในตอนนี้เพื่อนเขาไม่ได้สนใจเธอหรือเอ่ยแซวแต่อย่างใด มีบ้างที่หันมาถามเธอเป็นบางคำ แต่ส่วนใหญ่ไม่ทันจะได้ตอบ ไฟก็ชิงตอบเธอไปเสียหมดจนแทบจะไม่ได้อ้าปากพูด
แต่เมื่อเพื่อนเขาถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเรา ไฟก็จะบอกว่า 'สาวข้างบ้าน ที่เริ่มจะสนิทขึ้นมานิดหน่อย' เท่านั้น ส่วนเธอเองก็ไม่ได้อะไรมาก อยากบอกว่าเธอเป็นอะไรกับเขาก็เชิญ เพราะตอนนี้เธอแทบจะไม่มีเสียงตอนเพื่อนเขาถามอยู่แล้ว
"เธออยู่นิ่งๆ ดิ๊" เขากระซิบตรงหูเธอเบาๆ เมื่อคนตัวเล็กเอาแต่ขยับไปมาอยู่บนตักแกร่งของเขา
"ก็มันเมื่อยนี่นา ตักนายแข็ง"
คนตัวเล็กขยับตัวพลางพิงแผ่นลงบนอกกว้างของเขาอย่างผ่อนคลาย หัวเธอซบลงบนไหล่เขา เธอเมื่อยจนไม่รู้จะอยู่ท่าไหนแล้วขอพิงเขาหน่อยละกัน อาการปวดหัวหายไปนิดหน่อย เขาสั่งน้ำอัดลมมาให้เธอดื่มแทนเหล้า แต่ตัวเองกลับยกซดน้ำสีอำพันอย่างสบายใจเสียอย่างนั้น
เขาไม่ยอมให้เธอแตะมันเลย สงสัยกลัวเธอเป็นภาระตอนเมาแน่ๆ
"ที่ทับอยู่อาจไม่ใช่ตักอย่างเดียวก็ได้ที่แข็ง" เขาเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าข้างใบหูเธอ อีกทั้งยังจงใจพ้นล้มหายใจอุ่นร้อนลงมาจนเธอขนลุกซู่ไปทั่วทั้งตัว
รู้ว่าเขาแค่แกล้ง แต่นั้นก็ทำเธอ...
"ทะลึ่งแล้วไฟ" ปิ่นมุกทำหน้ายุง มือเล็กทุบลงบนขาเขาอย่างหมั่นไส้ ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันเบาๆ เขาแกล้งแรงเอาเรื่องอยู่
"หึหึ พูดเล่นอย่าทุบดิ เดี๋ยวก็โดนเอาคืนหรอก" เขาหัวเราะในลำคอ มือหนาก็เอื้อมมาจับมือข้างนั้นของเธอมากุมเอาไว้ พร้อมกับผสานมันเข้ากับร่องนิ้วของเธอแล้วยกมันมาวางไว้บนโต๊ะ เพื่อนเขาเหลือบตามองแต่ก็ไม่มีใครเอ่ยพูดอะไร เธอจึงไม่รู้สึกกระดากอายไปมากกว่านี้
ครู่ใหญ่ผ่านไปโต๊ะที่เขานั่งค่อนข้างอยู่โซนกลางผับ ทำให้สามารถมองเห็นโต๊ะอื่นๆ ได้เกือบรอบ สายตาเธอเหลือบมองไปยังโต๊ะๆ หนึ่ง ซึ่งมีผู้ชายราว ๆ หกถึงเจ็ดคน เธอจะไม่อะไรเลยถ้าเกิดคนพวกนั้นไม่ได้มองมายังโต๊ะที่เธอนั่งอยู่ สายตาพวกนั้นดูไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไหร่
"นี่ไฟ.." เธอเรียกพร้อมกับกระตุกมือที่ถูกเขากุมไว้
"หืม?" เขาครางในลำคอพร้อมกับก้มหน้าลงมาใกล้เธอชนิดที่ริมฝีปากเธอแทบจะชนแก้มเขาอยู่แล้ว
นี่ไม่คิดจะหวงตัวกับเธอหน่อยเหรอ? เมื่อก่อนเธอแตะตัวเขาได้ที่ไหน ขนาดเฉียดเข้าใกล้เขา หมอนี่ยังรีบถอยห่างอย่างกับเธอเป็นเชื้อโรคนั่นแหละ ทั้งที่เธอไม่ได้ตั้งใจจะเข้าใกล้เขาเลย
ปิ่นมุกไม่ได้ขยับใบหน้าออก แต่เลื่อนไปกระซิบที่ใบหูเขาเพราะเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม
"นายรู้จักกลุ่มผู้ชายโต๊ะนั่นไหม เขามองมาทางนี้บ่อยมากเลย" เธอใช้สายตามองไปยังคนกลุ่มนั้นแทนการชี้นิ้ว เพราะนั่นอาจเป็นการชี้จุดที่ดูโง่มาก
"ไหนวะ ใครอีกที่ชอบมองนัก..." เขามองตามสายตาเธอ ก่อนที่ร่างกำยำจะขมวดคิ้วในวินาทีต่อมา ดวงตาคู่คมของเขาทอดมองไปยังคนกลุ่มนั้นไม่วางตา ภายในโต๊ะมีคนที่เขาคุ้นหน้าอยู่หลายคน แต่คนที่ทำให้เขาคิ้วกระตุกและเท้ากระตุกคงเป็นใครไม่ได้นอกจาก...
‘ไอ้หมอก’ ที่นี่ถิ่นพวกมัน ไม่แปลกใจที่เจอ แต่ก็ไม่คิดว่าพวกมันจะมาวันนี้ วันที่เขามีใครอีกคนนั่งอยู่บนตัก ดูเหมือนพวกมันจะสนใจเธอมากเป็นพิเศษจนเขาเองก็เริ่มจะไม่พอใจแล้วเช่นเดียวกัน
และเหมือนบิวกับต้นเองก็มองตามเขาเช่นเดียวกันก่อนจะทำสีหน้าไม่สู้ดีนัก
"ไอ้ไฟ พวกไอ้หมอกมันมาเหรอวะ" บิวขมวดคิ้วพร้อมกับจ้องมองโต๊ะนั้น เพื่อนเขาคงคาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเจอพวกมัน ก็วันก่อนเขาเล่นมันนัก ไม่คิดว่าจะโผล่หัวมาเร็วขนาดนี้
วันก่อนมันแข่งรถแพ้เขาแล้วยังไม่ยอมรับผลแพ้ชนะ เข้ามาหาเรื่องก่อนแต่โดนเขาสอยร่วงเป็นมะม่วงใต้ต้น
"ใครคือหมอก?" ปิ่นมุกหันไปถามเขาอย่างสงสัย
"เด็กอีกวิทยาลัยน่ะ ไม่ค่อยจะถูกกันเท่าไหร่" เขาเลี่ยงที่จะตอบว่าไปแข่งรถที่ถนนปิดแถวชานเมืองแบบผิดกฎหมายแล้วอีกฝ่ายไม่ยอมรับผล เลยตอบเธอไปแบบนั้น
'เดี๋ยวได้ฟ้องแม่กูอีก!!'
"เอาไงดี วันนี้มีแค่พวกเราสามคนด้วยพวกมันไม่ต่ำกว่าสิบ" ต้นกันมาเอ่ยพูดกับเขา โดยที่คนตัวเล็กยังไม่รู้ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกันอยู่
"กลับกันก่อนเหอะ วันนี้มีเด็กมึงมาด้วยเดี๋ยวโดนลูกหลง ดูพวกมันน่าจะเอาจริง คงแค้นมึงเมื่อคราวก่อนแน่ไอ้ไฟ" บิวเอ่ยซึ่งเขาก็เห็นด้วย อย่าคิดว่าเขามองไม่ออกว่าพวกมันคิดจะทำอะไร จ้องมาทางเขาไม่วางตาโดยเฉพาะปิ่นมุก ถ้าตัวเขากับเพื่อนคงไม่เป็นไรนักแต่กับเธอ เขาไม่อยากดึงมาเกี่ยวด้วย
"ไปเหอะไอ้ไฟ ไอ้หมอกมองเด็กมึงตาเป็นมันแล้ว เล่นมันวันนี้คงไม่เหมาะ"
ต้นพูดจบเขาก็ยกร่างบางให้ลงจากตัก ก่อนจะรีบลุกขึ้นจูงมือเธอให้เดินตามเขามา ไฟเลือกที่จะพาเธอออกไปทางหลังผับ ซึ่งรถเขาจอดอยู่ตรงนั้น ต่างจากต้นและบิวที่เลือกจอดรถหน้าผับ
ไม่ทันที่เขาจะได้เดินไปถึงลานจอดรถเสียงของพวกมันก็ดังมาจากข้างหลังทันที
"เฮ๊ย! ไอ้ไฟมึงจะรีบไปไหน"
เสียงนั่นดังชนิดที่ทำคนตัวเล็กสะดุ้งตัว ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองก็พบว่าบริเวณหลังผับเต็มไปด้วยผู้ชายหลายคน ดูจากสีหน้าที่แสดงออกมา มันไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน
"เสือกไรด้วยวะ กูไม่ได้ไปบ้านแม่มึงก็แล้วกัน" ไฟเอ่ยตอบกลับไปพร้อมกับดึงตัวเธอให้หลบอยู่ข้างหลังเขาชนิดที่ปิดมิดจนคนพวกนั้นไม่สามารถมองเธอได้
"ปากดีเหี้ยๆ" เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำสีหน้าแบบไหน แต่น้ำเสียงดูโกรธจัด "มึงมีเด็กงั้นเหรอ ไหนวันก่อนบอกพวกกูว่าไม่มีไงวะ ตอแหลว่างั้น"
เธอได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับเอื้อมมือไปกุมเสื้อของไฟไว้อย่างหาที่ยึดเหนี่ยว เธอไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ มันดูน่ากลัวเกินไป
"ไฟ.." เธอเรียกชื่อเขาเสียงสั่น อีกทั้งฟ้าด้านนอกดังคำรามราวฟ้าจะถล่ม อีกไม่นานฝนคงตกอย่างไม่ต้องสงสัย
"นี่ไม่ใช่เด็กกูสักหน่อย" ร่างกำยำตรงหน้าเอ่ยแต่แขนกับรีบตวัดมาโอบเธอเอาไว้
ร่างแกร่งพยายามจะปิดบังหน้าเธอไม่ให้อีกฝ่ายเห็น แต่ดูจากสถานการณ์คงจะไม่ทันเอาเสียแล้ว เพราะแววตาที่มองมายังเธอเต็มไปด้วยความอยากได้
คนตัวเล็กเกาะแขนบนเสื้อเขาแน่น เธอไม่ชอบสายตาของอีกฝ่ายที่มองมาแม้แต่น้อย ไม่ชอบให้ใครมองด้วยสายตาคุกคาม
หมอกบิดยิ้มยั่วประสาท ส่ายหน้าให้ไฟพร้อมกับแค่นหัวเราะในลำคออย่างกับเป็นเรื่องตลก
"ไม่ใช่เด็ก? ตลกละไอ้ไฟ งั้นส่งต่อมาให้พวกกูดิ" มันเอ่ยพร้อมกับพยายามจะเข้ามาหา แต่ไฟกับยกเท้าถีบมันเต็มแรงจนกระเด็นออกไปหลายก้าว พร้อมกับประกาศลั่น
"ทำไมกูต้องทำงั้นวะ ใครเข้ามากูจะกระทืบให้เละเป็นขี้แน่"