ไม่ใช่คนใจง่าย

1441 คำ
7 ไม่ใช่คนใจง่าย ปรายฟ้าถกแขนเสื้อสองข้างไว้บริเวณข้อศอก ผมลอนปล่อยสยายยาวถึงบั้นเอว เธอนึกอยากรวบเก็บเป็นก้อนกระจุกจะได้ทะมัดทะแมงตอนทำอาหาร แต่เหลียวไปทางไหนก็ไม่เจอหนังยางสักเส้น จึงทำใจปล่อยสยายและคอยระวังไม่ให้ตกลงไปในกระทะ ทีแรกปรายฟ้าตั้งใจจะทำไข่เจียวอย่างง่ายๆ แต่ปรากฏว่าไม่มีข้าวสักเม็ดในหม้อหุง พอสำรวจในตู้เย็นก็พบว่ามีข้าวสวยแช่ไว้อยู่ ดังนั้นจึงเปลี่ยนเมนูเป็นข้าวผัดแทน ร่างสูงประสานสองแขนกอดอก พิงไหล่ล่ำสันกับกรอบประตูห้องครัวพลางสายตาก็จับอยู่ที่หญิงสาวตลอดเวลา เรียกได้ว่าไม่ยอมเคลื่อนไปโฟกัสจุดอื่นเลย ปรายฟ้าเหลือบไปทางเขาทีไรก็เห็นเอาแต่มองเธออยู่เช่นนั้น จากความสงสัยเริ่มกลายเป็นหงุดหงิด และในที่สุดก็เกิดเป็นอึดอัดปนรำคาญ ปรายฟ้าตั้งใจจะไม่เสวนาอะไรกับเขาหากไม่จำเป็น จึงปล่อยให้เสียงฝนถล่มเป็นตัวขับเคลื่อนบรรยากาศเย็นชาต่อไป ทว่าเนิ่นนานหลายนาทีแล้วแต่ชายคนนี้ก็ยังเอาแต่มอง ใครทนได้ก็ทนไปแต่ปรายฟ้าทนไม่ไหวแล้ว แม่ครัวถอนหายใจพลางเงยหน้าจากกระทะที่เพิ่งตอกไข่ลงไปสองฟอง “มองทำไมนักหนาคะ ข้องใจอะไรเหรอ” “ก็ข้องใจหลายเรื่อง ถ้าถามแล้วคุณจะตอบหรือเปล่า” “ไม่ตอบค่ะ ไม่อยากคุยกับคนที่ไม่ชอบ” “ก็ชัดเจนดี” และก็ดูเป็นความท้าทายสำหรับเขาไม่น้อย “ว่าแต่คุณจะทานด้วยไหมคะ ฉันจะได้ทำเผื่อ” “ก็ดีครับ ผมยังไม่ได้ทานข้าวเย็น” ด้วยมัวแต่ห่วงพะวงกับลูกแฝดที่ปรากฏตัวอย่างเซอร์ไพร์ส ทุกอณูของความรู้สึกจึงเทไปอยู่กับเรื่องเดียว ไม่เหลือไว้เผื่อความอยากอาหารเลย ว่าแต่ลูกแฝดเลยเหรอ? ความผิดพลาดที่เขาไม่ต้องการคือเด็กฝาแฝดเลยอย่างนั้นเหรอ โชคดีเหลือเกินที่ทั้งสองได้ลืมตาดูโลก โชคดีอย่างที่สุดที่พวกเขาปฏิสนธิในครรภ์ของผู้หญิงใจประเสริฐ บุคลิกภายนอกของปรายฟ้ามีความเป็นแม่สูงแม้ตั้งท้องในวัยเพียงสิบแปดปี เธอในวันนี้ดูเป็นผู้ใหญ่ที่คร่ำเคร่ง และดูท่าจะทำเป็นทุกอย่างเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ ปราบต์มีคำถามอยากสัมภาษณ์เธอมากมาย แต่ระหว่างเขาและเธอยังเดินไปไม่ถึงจุดที่สามารถล้วงลึกเรื่องส่วนตัว เขาอยากทำความรู้จักกับเธอ ทำดีต่อกันเข้าไว้ถึงอย่างไรก็ย่อมดีกว่าปล่อยให้โดนเกลียดชัง ปกป้องและปิงปิงกำเนิดมาจากเขา การที่ทั้งสองได้ลืมตาดูโลกก็นับว่าเป็นบุญของปราบต์ด้วย อย่างน้อยก็ไม่ได้ฆ่าลูกเหมือนที่จมอยู่กับฝันร้ายมาตลอดหลายปี ส่วนคนเป็นแม่นั้นปราบต์มองเธออยู่นานก็รู้สึกว่าปรายฟ้ามีเสน่ห์น่าสนใจอยู่ไม่น้อย หน้าตาสะสวยนั้นไม่เถียง ใบหน้าเรียวเล็กรับกันทุกองค์ประกอบ ริมฝีปากบางรูปกระจับ จมูกโด่งสโลปรับกับหน้าผาก ส่วนดวงตากลมโตสีน้ำตาลนั่นก็น่ามองอยู่ไม่น้อย ปราบต์แค่รู้สึกว่าเธอก็สวยตามพิมพ์นิยมของผู้หญิงทั่วไป หาได้มีแรงดึงดูดต่อตนในตอนนี้ ยังไวเกินไปที่จะหวั่นไหวกับใคร และเขาไม่ใช่คนใจง่าย “ลูกน่าจะอาบน้ำเสร็จแล้ว รบกวนคุณพาลูกลงมาหน่อยได้ไหมคะ” “ได้ครับ” ร่างสูงรับคำพร้อมทำท่าจะหมุนตัวออกไป ปรายฟ้าเกิดสะกิดใจในคำพูดของตัวเอง ทำแบบนี้ก็เท่ากับเปิดทางให้เขาได้เป็นพ่อของเจ้าแฝด และเท่ากับเธอยอมให้สายสัมพันธ์นั้นเกิดขึ้น “เดี๋ยวฉันไปเองดีกว่าค่ะ” “ทำไมครับ” “เอ่อ เขาคงไม่คุ้นกับคนแปลกหน้า” “ตอนนี้ยังแปลกหน้า แต่ต่อจากไปนี้ไม่ใช่แล้ว” ร่างสูงหายออกไปจากห้องครัวหลังพูดจบ ปรายฟ้าขมวดคิ้วครุ่นคิดหาความหมายแฝงในรูปประโยคนั้น หรือเขาจะเอาจริงกับการอยากมีตัวตนในชีวิตลูก? ไม่ได้หรอก ถึงเขาจะรู้สึกผิดกับอดีตจริง แต่นั่นก็เป็นเรื่องของเขา เธอเลี้ยงของเธอมาตั้งนาน อย่าหวังได้ชุบมือเปิบไปง่ายๆ และเพียงไม่กี่นาทีต่อมา สองแฝดก็พากันเข้ามาในห้องครัว โดยมีผู้ใหญ่หนึ่งคนตามหลังมาไม่ห่าง ปราบต์รีบตรงไปเลื่อนเก้าอี้โต๊ะทานอาหารให้ลูกนั่ง ปกติแล้วสมาชิกบ้านไกรกรัณย์จะทานอาหารในห้องที่อยู่ถัดไป ไม่เคยได้เข้ามานั่งทานในครัวที่มีเพียงโต๊ะสี่เหลี่ยมขนาดสี่ที่นั่ง นี่เป็นครั้งแรกของปราบต์กับการทานอาหารในห้องนี้ โดยมีความพิเศษอยู่ตรงปรายฟ้าและลูกทั้งสอง “ขอบคุณค่ะ” เด็กหญิงปิงปิงยิ้มให้บิดาที่ก็ส่งยิ้มกลับคืนเช่นกัน ส่วนปกป้องนั้นเงียบกริบแถมยังปั้นหน้านิ่งใส่ ปรายฟ้านำข้าวผัดมาเสิร์ฟให้ลูก พอจะวกกลับไปเอาอีกสองจานที่เหลือก็ไม่ทันคนตัวสูงที่ถือมาให้แล้ว “พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวไหนกันเหรอคะ” ปิงปิงเคี้ยวข้าวหมดคำแล้วจึงถามขึ้น “ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ เดี๋ยวค่อยว่ากันนะ” “ไม่เบี้ยวนะ” “ไม่เบี้ยวจ้ะ” ปรายฟ้าตกปากรับคำเจ้าหนูปิงปิงก่อนเบือนมองร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างเธอ “พอจะกินได้ไหมคะ ข้าวผัดธรรมดาๆ” “อร่อยครับ ฝีมือดีกว่าแม่ครัวที่นี่อีกนะ” ปราบต์ไม่ได้อวยเอาใจ แต่รสมือเธอทำเอาเขาอึ้งตั้งแต่คำแรกที่เข้าปาก และสังเกตได้ว่าเด็กสองคนดูเจริญอาหารกว่าตอนเย็นมาก พอได้เจอแม่ความรู้สึกตึงเครียดเลยผ่อนคลายลงสินะ “แม่จ๋าขออยู่กรุงเทพฯ ต่ออีกสักสามวันได้ไหม” “ทำไมคะ ติดใจอะไร เห็นพี่ปกฟ้องว่าหนูยังร้องไห้กลับบ้านอยู่เลยนี่” “ก็นั่นมันก่อนที่แม่จะมาอะ หนูไม่เคยมากรุงเทพฯ เลย หนูอยากอยู่อยากเที่ยวอีกสักหน่อย ให้อาปลื้มพาเที่ยวก็ได้นะคะ” “อาปลื้มต้องทำงานค่ะ และวันจันทร์หนูก็ต้องไปโรงเรียน เพราะฉะนั้นเราต้องกลับเย็นวันเสาร์ ซึ่งก็คือพรุ่งนี้” “ก็ได้ค่ะ” ปิงปิงถอนหายใจอย่างแอบเสียดาย แต่เลือกเชื่อฟังมารดา ไม่ดื้องอแงให้แม่เหนื่อยหน่ายไปมากกว่านี้ ปราบต์สังเกตลูกทั้งสองที่นิสัยต่างกันชัดเจน ลูกสาวร่าเริงยิ้มเก่งและคงช่างอ้อนช่างประจบเอาเรื่อง ส่วนลูกชายไม่ค่อยพูดแถมดูจะหวงรอยยิ้ม ปราบต์สัมผัสได้ว่าปกป้องเหมือนมีอะไรในใจ แต่จะว่าไปมาดนิ่งยิ้มน้อยของลูกชายก็คล้ายฉายเป็นเงาสะท้อนของเขาเอง คิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ “พี่ปกเป็นอะไรหรือเปล่าลูก ดูซึมๆ ไม่สบายเหรอ” “เปล่าครับแม่ ผมสบายดี ก็แค่อยากกลับบ้านแล้ว” “เดี๋ยวก็ได้กลับนะ พรุ่งนี้แม่จะพาไปเที่ยวสักหน่อย แล้วตอนเย็นเราค่อยกลับบ้านกันเนอะ” “ครับ” หน้าตาหงอยซึมของลูกชายคงไม่พ้นเรื่องอดเล่นบ้านต้นไม้ไปอีกสามเดือน ปรายฟ้าอ่านความรู้สึกของลูกออก ซึ่งอันที่จริงเธอก็ไม่คิดจะลงดาบหนักถึงขั้นนั้น ตั้งใจจะห้ามเพียงหนึ่งอาทิตย์ และยิ่งเห็นลูกรู้สึกผิดกันแบบนี้ เธอก็ยิ่งทำใจจืดใจดำไม่ลง ผู้บริหารแห่ง KHT ทำได้เพียงฟังพวกเขาพูดคุยกันพร้อมสังเกตสีหน้าท่าทางของแต่ละคน ลูกสาวดูเปิดเผยอ่านง่าย แต่พอปราบต์ย้อนถึงตอนเย็นที่ปิงปิงทำเหมือนกลัวเขา ก็อดงงในอารมณ์เด็กไม่ได้ สิ่งมีชีวิตตัวน้อยเช่นนี้ปราบต์ไม่เคยคลุกคลีมาก่อน ครั้งล่าสุดที่ได้ใกล้ชิดเด็กเล็กก็คงเป็นตอนที่มารดาผู้ล่วงลับให้กำเนิดทายาทคนสุดท้าย นั่นคือปรมัตถ์ที่ห่างจากปราบต์ถึงสิบสองปี ซึ่งก็ผ่านวัยนั้นกันมานานมาก ความทรงจำวัยเยาว์ลางเลือน คงต้องรีเซ็ตใหม่กับฝาแฝดชายหญิงที่เป็นผลผลิตจากเขา แม้เกิดมาด้วยความผิดพลาด แต่คาดว่าความผูกพันจะก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม