8
ครอบครัวป.ปลา
คืนนี้แขกทั้งสามจะนอนหลับหรือเปล่าก็คาดเดาไม่ได้ รู้แต่ว่าตอนนี้คนที่ยังตาสว่างที่สุดในบ้านคงไม่พ้นเขา ปราบต์ครุ่นคิดสารพัดจนราวกับมีกองขยะเท่าภูเขาสุมอยู่ในหัว กระทั่งทนไม่ไหวเลยมาเคาะห้องเด่นภูมิ
“ปลื้มแกหลับหรือยัง เปิดประตูหน่อยสิ” ปราบต์เคาะอยู่สามครั้งและส่งเสียงเรียกอีกสามหน เงี่ยหูหาเสียงฝีเท้าแต่สดับฟังยากเพราะด้านนอกฝนยังถล่มไม่ซาเม็ด
“เฮียมีอะไรดึกป่านนี้”
“นอนไม่หลับ ขอเข้าไปหน่อย” พี่ใหญ่พูดจบก็ผลักประตูเข้าไปทันที
“แต่ผมหลับแล้วอะ”
“ก็ตื่นแล้วนี่ไง”
“ไรวะ” น้องคนรองเกาผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง งับประตูปิดก่อนเดินไปทิ้งตัวที่เตียง พยายามปรือเปลือกตาสะลืมสะลือมองคนที่ยืนกอดอกอยู่กลางห้อง ปราบต์หน้านิ่วคิ้วมุ่นก่อนเดินมาทิ้งตัวบนเตียง
“เล่าเรื่องสามแม่ลูกนั้นให้ฟังหน่อย”
“ผมเล่าไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะเล่าแล้ว และสาบานได้ว่าไม่มีเม็ดอะไรหมกไว้อีกแล้ว” เด่นภูมิตบท้ายประโยคด้วยการปิดปากหาว นับตั้งแต่พาสองแฝดไปเซอร์ไพร์สพี่ถึงที่ทำงาน เด่นภูมิก็เล่าทุกอย่างให้ปราบต์รับทราบเริ่มตั้งแต่วินาทีที่เจอเด็กน้อยหลงทางที่ห้างสรรพสินค้า กระทั่งปรายฟ้ายื่นนามบัตรพร้อมชักชวนให้ไปพักที่โฮมสเตย์ของเธอที่อำเภอแม่ออน
“โฮมสเตย์ของเธอชื่ออะไร”
“ปานฟ้าโฮมสเตย์” เด่นภูมิคิดว่าคงเป็นการเอาชื่อของปานเดือนมารวมกับปรายฟ้าจนเกิดเป็น ‘ปานฟ้า’ ไพเราะและมีความหมาย
“แม่เขาชื่อปานเดือนใช่ไหม คงเอาชื่อตัวเองมารวมกับชื่อแม่ล่ะมั้ง”
“เฮียนี่ก็ฉลาดเหมือนกันนะเนี่ย” เด่นภูมิหัวเราะ ไม่สะท้านต่อตาเขียวขุ่นของพี่ชาย สงสัยคงเป็นวันที่หนักหนาเกินไปท่านประธานรูปหล่อถึงกับนอนไม่หลับ จนต้องหอบหิ้วหน้าขึ้งเครียดมาหาเขา
“แกนี่ชอบทำตัววอนโดนตีนดีนะ”
“พูดจาโหดร้ายกับน้องตลอด แล้วนี่เฮียจะเอายังไงต่อ คือผมก็ต้องขอโทษด้วยนะที่ก้าวก่ายมากไปหน่อย ผมได้เจอพวกเขาแล้วรู้สึกถูกชะตามาก ทั้งสองเป็นเด็กมารยาทดี หน้าตาน่ารัก ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี ผมเห็นแล้วก็เอ็นดูเลยอยากให้เฮียได้เจอเขาบ้าง”
“มีเป็นล้านวิธีที่จะบอกฉันดีๆ แต่แกก็เลือกแกล้งกันแบบนี้ นิสัย!”
“แหม บอกดีๆ มันก็ไม่สนุกสิ แล้วนี่นอนไม่หลับสิท่า คิดเยอะเหรอ”
“อืม จะไม่คิดได้ยังไง นี่ยังไม่ได้คุยกับป๊าต่อเลย”
“เฮียก็น่าจะเดาออกว่าป๊าจะทำยังไง ทีคราวของปูนยังรีบไปสู่ขอเอพริลให้เลย กับเฮียที่เป็นลูกคนโตและนั่นก็ลูกสาวเพื่อนเก่าเขาด้วย เมื่อกี้ป๊าดูเครียดอยู่นะ จริงๆ ผมก็เพิ่งมารู้นี่แหละว่าคุณปานเดือนเป็นเพื่อนเก่าป๊า มิน่าเธอถึงรู้จักผมและวางใจให้ผมพาหลานเขามาอย่างง่ายดาย คุณปรายฟ้านี่เขาก็ดีเนอะ รู้ทั้งรู้ว่าพ่อของลูกเป็นใคร รวยระดับไหนแต่ก็ไม่เรียกร้อง เลือกอยู่เงียบๆ ไม่บอกด้วยซ้ำว่าเก็บลูกไว้ สงสัยคงเกลียดเฮียมาก ว่าแต่เฮียกับปรายฟ้าเริ่มต้นมายังไง ไปเจอกันได้ยังไง วันไนท์สแตนเหรอ”
“จากวินดี้”
“วินดี้ผู้จัดการอัลบีออนคลับของเพื่อนเฮียน่ะเหรอ?”
“ใช่ วินดี้เป็นคนส่งปรายฟ้ามาให้ฉัน็”
เด่นภูมิรู้สึกตื่นตัวขึ้นอีกสิบเปอร์เซ็นต์กับเรื่องเล่าของพี่ชาย “คุณวินดี้หากเรียกง่ายๆ ก็เหมือนเขาเป็นแม่เล้า แล้วการที่วินดี้ส่งคุณปรายฟ้ามาให้เฮียนั่นแปลว่า...”
“ไม่รู้สิ ตอนนั้นก็พยายามเค้นวินดี้แล้วนะ แต่เธอพูดวกไปวนมาจนรำคาญที่จะรู้ ซึ่งจำได้ว่าตอนนั้นวินดี้ยืนยันว่าปรายฟ้าเป็นคนของเธอจริง แต่...” คนเล่าถอนหายใจหนักยามเอ่ยถึงเรื่องไม่สู้ดีในอดีต ความเงียบทิ้งช่วงอยู่นานจนคนฟังอดรนทนไม่ไหว
“แต่อะไรอะ”
“แต่ตอนที่ปรายฟ้าได้สติหลังจากเรามีอะไรกัน เธอดูช็อกมาก ดวงตาของเธอตอนนั้นเหมือนโลกทั้งใบมันสลายไปแล้ว” และเขาก็โดนกล่าวหาว่าเป็นผู้ร้ายข่มขืน ปราบต์ไม่เคยบังคับขืนใจผู้หญิงคนไหน ไม่เคยเจอประสบการณ์บนเตียงอย่างที่ประสบกับเธอ ดังนั้นปรายฟ้าจึงไม่สามารถเลือนหายจากความทรงจำของเขาได้
“งงว่ะ เรื่องมันเป็นมายังไงล่ะเนี่ย คุณปรายฟ้าถูกหลอกไปขายอย่างนั้นเหรอ เท่าที่ผมรู้จากป๊าครอบครัวเธอไม่ใช่ตาสีตาสาทั่วไปนะ พ่อเธอในตอนนี้เป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับรองผบ.ตร.เลยนะ ส่วนคุณปานเดือนเห็นแบบนั้นแต่ได้ชื่อว่าเป็นเศรษฐีนี พ่อของคุณปานเดือนเป็นอดีตเอกอัครราชทูต ต้นตระกูลที่สืบทอดกันมาก็ล้วนแต่เป็นผู้ลากมากดีไม่มีเสื่อมเสีย ป๊าเล่าว่างั้นนะ ดังนั้นคุณปรายฟ้าที่เกิดมาอย่างเพียบพร้อม บวกกับนิสัยของเธอที่ผมสัมผัสมา ผมว่าเธอไม่มีทางขายศักดิ์ศรีตัวเองหรอก เฮียข่มขืนเธอเหรอ”
“แปดปีก่อนปรายฟ้าก็กล่าวหาฉันแบบนั้นเหมือนกัน แกจำได้ไหมแปดปีที่แล้วฉันเคยไล่เลขาฯ ฉันออกเพราะเธอวางยาปลุกเซ็กซ์ฉัน”
“จำได้ อย่าบอกนะว่า!...”
“อืม นั่นแหละ เลยทำให้ฉันได้ไปเจอกับปรายฟ้า แต่แกอย่าถามถึงเรื่องตอนนั้นมากเลย ฉันก็ไม่รู้อะไรหรอก หลังจากไล่เลขาฯ ออกก็พยายามไม่คิดถึงผู้หญิงที่กล่าวหาว่าฉันข่มขืน และจากนั้นไม่นานเท่าไหร่ก็ได้เจอเธออีกครั้งพร้อมเอาเอกสารมายืนยันว่าเธอท้อง”
ย้อนกลับไปคราวนั้นปราบต์ก็อายุสามสิบปีแล้ว แต่ด้วยความที่เชื่อฟังปู่ มองปู่เป็นผู้นำและต้นแบบที่ดีเสมอมา ปราบต์มีอะไรก็ปรึกษาชายผู้นี้ตลอด เช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่พอนำไปหารือก็ได้คำตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ว่าถึงอย่างไรก็รับผิดชอบไม่ได้ และยิ่งปู่รู้ว่าผู้หญิงที่ท้องเป็นเด็กในสังกัดของวินดี้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องพิจารณาถี่ถ้วน ปราบต์เชื่อฟังปู่จึงดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับปรายฟ้า
“ถ้าคุณปรายฟ้าถูกหลอกไปขายก็น่าสงสารเธอนะ ดูเหมือนว่าเธอเป็นเสาหลักของครอบครัวด้วยตั้งแต่คุณปานเดือนหย่าร้าง และก็เป็นคุณปานเดือนนี่แหละที่บอกหลานแกว่าพ่อพวกเขาเป็นใคร นามสกุลอะไร เด็กๆ สะกดนามสกุลถูกต้องเลย และบอกว่าพ่อของเขาหล่อเหมือนผม แปลว่าเขาคงจำหน้าเฮียมาได้ตั้งนานแล้ว”
ได้ฟังแบบนี้แล้วก็ยิ่งเศร้า ลูกๆ ได้แต่มองหน้าเขาผ่านภาพถ่ายที่คงหาได้จากอินเตอร์เน็ต ไม่รู้ว่าปรายฟ้าเล่าเรื่องเขาให้ลูกฟังว่าอย่างไร เหตุผลที่พ่อไม่อยู่ตรงนั้นกับพวกเขาเธอตอบลูกว่าอย่างไรบ้าง
“แล้วสรุปจะเอายังไงกับพวกเขา”
“ก็ในเมื่อรู้ว่ามีตัวตนอยู่แล้วฉันจะไม่ดูดำดูดีได้ยังไง”
“แต่แม่เขาดูไม่อยากมองหน้าเฮียเลยนะ แค่รับมาอยู่ในสายตาก็เหมือนรังเกียจยิ่งกว่าขี้หมา”
“ไม่ต้องขยี้ ฉันมองจากดาวอังคารก็รู้ว่าเธอเกลียดฉัน ตัวแม่เกลียดยังพอรับได้ แต่ลูกพลอยเกลียดไปด้วยมันรู้สึกแย่ว่ะ” นั่นคงเป็นผลของกรรมที่เขาสั่งให้เธอกำจัดเด็กตั้งแต่อยู่ในท้อง
“ก็เห็นตื่นเต้นที่ได้เจอเฮียนี่”
“ลูกสาวอะใช่ แต่แฝดพี่นี่เย็นชาตาดุตั้งแต่เด็กเลย ดูออกว่าเกลียดฉันยิ่งกว่าคนเป็นแม่เขาซะอีก” หากพูดว่าลูกเกลียดก็อาจแรงไป เอาเป็นว่าปกป้องแค่ไม่ชอบเขาในตอนนี้ก็พอ
“น้องปกป้องแกเหมือนเฮียมากนะ ถึงผมเกิดไม่ทันตอนเฮียอายุเท่านี้แต่ก็พอเดาลักษณะได้ เจ้าหนูปกป้องได้พ่อไปเต็มๆ”
“แต่คงไม่ยอมรับฉันง่ายๆ”
“ก็สู้เข้าสิ แต่ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืน ชีวิตเฮียตั้งแต่เกิดจนแก่ก็มีแต่มุ่งมั่นไปที่การสานต่อธุรกิจครอบครัว ถ้าคิดว่าเรื่องพวกนี้มันเสียเวลาก็ไม่ต้องทำ สู้เอาเวลาไปทำงานกอบโกยเงินดีกว่าเนอะ”
“ประชดหาพ่อแกเหรอ”
“แรงนะ เราพ่อเดียวกันอย่าลืมสิ”
“ในฐานะที่แกเป็นคนเจ้าแผนการเจ้าเล่ห์เจ้าเหลี่ยม ไหนลองบอกมาสิว่าฉันควรทำยังไง”
“แหม ทำมาเป็นแดกดัน ตัวเองมืดแปดด้านอยากให้ช่วยคิดก็บอกมาเถอะ ถ้าให้คิดในแบบของป๊า ผมเดาว่าแกจะหาทางให้เฮียรับผิดชอบชีวิตพวกเขาอย่างถูกต้องเหมือนที่ให้ปูนแต่งงานกับเอพริล”
“มันไม่ง่ายอย่างนั้น ลูกก็โตแล้วไม่ใช่สองสามขวบที่ยังไม่รู้ประสา” และใช่ว่าปราบต์ไม่คิดเหมือนเด่นภูมิ ถึงอย่างไรบิดาก็ต้องบังคับให้เขาทำอย่างนี้แน่ แต่แม่ของเด็กจะเอาเขาเหรอ
“งั้นเฮียต้องทำให้ลูกยอมรับเฮียให้ได้ ลูกสาวน่ะน่าจะผ่านฉลุย แต่ลูกชายคงด่านหิน แล้วถ้าสมมติป๊าอยากให้ตบให้แต่งเฮียจะว่ายังไง”
“ไม่รู้ แต่ฉันไม่ใช่คนที่ใครจะบังคับได้”
ตัวเขาสามสิบแปดแล้ว อีกเพียงสองปีก็เข้าเลขสี่ ตำแหน่งหน้าที่การงานจ้ำพรวดอย่างรวดเร็วจนเรียกได้ไม่ขัดปากว่าตัวเองเป็นผู้นำของตระกูล ปราบต์มั่นใจว่าบิดาบังคับเขาไม่ง่ายเหมือนตอนที่ทำกับน้องคนเล็ก
“ไม่รู้ก็อย่าเพิ่งตัดสิน ด่วนสรุปแล้วมาเสียใจทีหลังอย่าหาว่าไม่เตือนนะ คุณปรายฟ้าเธอสวยสมชื่อ เป็นเวิร์คกิ้งวูแมนที่สตรองมาก นอกจากลูกแฝดสองคนเธอก็ดูแลแม่ บริหารโฮมสเตย์เล็กๆ ของเธอ เรียกว่าเป็นเสาหลักหาเงินจุนเจือครอบครัว นอกจากทำงานเก่งเธอก็สวยมากและยังโสด แต่โสดสนิทหรือเปล่าไม่แน่ใจ ถ้าเฮียมัวแต่ปิดตัวเองอยู่อย่างนี้แล้วมาฟูมฟายทีหลังผมไม่รับผิดชอบนะ”
“ใครจะฟูมฟายเพราะผู้หญิงกัน ก็คงมีแต่ไอ้ปูน แต่อย่างที่แกว่าน่ะแหละ ฝืนใจมากเข้าก็มีแต่อึดอัด การส่งเสียด้วยเงินทองก็นับว่าได้ทำหน้าที่พ่อแล้ว”
“เฮ้ย ยังไม่ได้ลงไปเล่นเกมเลย ยังไม่แม้แต่ทำความรู้จักเขาด้วยซ้ำ เฮียยังรู้แค่ชื่อเล่นยังไม่รู้จักนามสกุลหรือนิสัยใจคอด่านแรกของเธอเลย คิดดีๆ นะเฮีย เรื่องแบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน โอกาสแก้ตัวไม่ได้มีบ่อยๆ แบบนี้เขาเรียกพรหมลิขิต ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่แต่มันก็เป็นเรื่องดีๆ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตอันจืดชืดของเฮียนะ”
ไอ้น้องคนนี้มันแขวะได้ทุกคำจริงๆ อย่าให้ถึงตามันพลาดบ้างล่ะกัน เขาจะจัดให้หนักเลย
“แต่ถ้าสุดท้ายได้ลงเอยกันก็คงน่ารักมากเลยนะ ครอบครัวป.ปลา ปราบต์ ปรายฟ้า ปกป้อง ปิงปิง” เด่นภูมิเหล่มองคนที่เก็บเอาคำของเขาไปคิด ริมฝีปากดูเปื้อนยิ้ม
ใครๆ ในบ้านก็อยากเห็นเฮียปราบต์มีความสุขกันทั้งนั้น พรหมลิขิตนำทางมาจนถึงขั้นนี้แล้ว หากพี่เขาเมินเฉยก็น่าเสียดายแย่ เด่นภูมิอยากแขวะต่ออีกนิดว่าอายุสามสิบแปดแล้วจะเล่นตัวไปถึงเมื่อไร เกาะอยู่บนคานเป็นโคอาล่าแล้วยังจะมัวห่วงนั่นนี่อีก