ความรับผิดชอบย้อนหลัง

1697 คำ
9 ความรับผิดชอบย้อนหลัง ปรายฟ้าตื่นตั้งแต่หกโมงเช้า ปกติหากเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์เธอจะตื่นเวลานี้เสมอ แต่ถ้าเป็นวันจันทร์ถึงศุกร์ปรายฟ้าจะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่ตีห้าครึ่ง เธอเป็นหัวหน้าครอบครัวและเจ้าของโฮมสเตย์ กิจวัตรประจำวันจึงมีอะไรให้ทำมากมาย นับตั้งแต่ดูแลแขก ตรวจเช็กที่พัก ไปจนถึงเรื่องส่วนตัวอย่างอาหารการกินของคนในครอบครัว ปรายฟ้าอาบน้ำเรียบร้อยพร้อมกลับไปสวมชุดเดิมกับที่ใส่มาจากเชียงใหม่ ตั้งใจไปหาซื้อเปลี่ยนเอาข้างหน้า ส่วนชุดที่น้องสะใภ้ของปราบต์ให้ยืมก็ทิ้งไว้ในตะกร้าเตรียมซักที่อยู่ในห้อง หากมีเวลาเหลือปรายฟ้าก็อยากทำความสะอาดให้ตามมารยาท แต่ตอนนี้เธอต้องรีบไป เมื่อปรายฟ้าจัดการตัวเองเรียบร้อยก็ปลุกเจ้าแฝดไปล้างหน้าล้างตา พร้อมสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ที่คุณยายแอบยัดใส่เป้มาให้ตั้งสามชุด เมื่อทุกคนเรียบร้อยแล้วก็พากันลงไปข้างล่าง ฟ้ายังอมความมืดไม่คืนความสว่างอย่างเต็มที่ บรรยากาศโดยรอบชุ่มฉ่ำจากฝนที่กระหน่ำหนักเมื่อคืน บริเวณบ้านที่สะอาดงามตาบัดนี้เต็มไปด้วยเศษกิ่งไม้ใบหญ้าที่ระเกะระกะเต็มทาง ปรายฟ้าจูงมือลูกคนละข้างขณะเดินออกไปจากบ้านไกรกรัณย์ คนงานผู้ชายหลายคนกำลังช่วยกันทำความสะอาด แม่บ้านคนหนึ่งเห็นเธอกำลังตรงลิ่วไปหน้าบ้านก็รีบมาดักทาง “คุณผู้หญิงจะกลับแล้วเหรอคะ” “ใช่ค่ะ ฝากบอกพวกเขาด้วยละกันค่ะว่าฉันกับลูกไปแล้ว” เธอไม่ได้ขอใครมา ตอนขากลับจะหายไปโดยไม่ลาก็คงไม่เสียมารยาทเท่าไรนัก “พวกคุณๆ ยังไม่ทราบกันเหรอคะ แล้วนี่จะกลับยังไงคะ” แม่บ้านวัยสามสิบปลายๆ ถามอย่างกังวล สามแม่ลูกดูเป็นแขกคนสำคัญของบ้าน แถมเมื่อวานเธอได้ยินแว่วๆ ว่าเด็กแฝดชายหญิงเป็นลูกของคุณปราบต์ หากปล่อยแขกสำคัญไปแบบนี้เธอจะโดนต่อว่าไหมนะ แต่พวกคุณๆ ก็ไม่ได้สั่งให้รั้งไว้นี่นา “ฉันเรียกแท็กซี่มาแล้วค่ะ นู่นน่ะกำลังมาพอดีเลย” ปรายฟ้าบุ้ยปากไปทางประตูบ้านที่อยู่ห่างออกไปนับสิบเมตร “เอ้อ ลืมบอกไป เมื่อคืนฉันเอาข้าวกับไข่ในตู้เย็นมาทำข้าวผัดให้ลูก ถ้ามีอะไรในตู้ขาดหายไปก็เป็นเพราะฉันนี่แหละค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ ปกป้อง ปิงปิง สวัสดีคุณน้าสิลูก” สองแฝดยกมือไหว้พร้อมกดศีรษะอย่างนอบน้อม แม่บ้านรีบรับไหว้ตอบพลางมองตามหลังทั้งสามคนที่เดินพ้นรั้วบ้านไปแล้ว เธอตัดสินใจจะไปรายงานคุณปราบต์ แต่ได้แค่หมุนตัวเท่านั้นยังไม่ทันออกวิ่ง สองขาก็ค้างเติ่งอยู่ที่เดิม บุตรชายคนโตของดิฐาวิ่งหน้าตื่นออกมาจากบ้านในสภาพชุดคลุมอาบน้ำสีเทา เขาทันเพียงได้สบตากับปรายฟ้าที่กำลังจะเร้นร่างเข้าไปในแท็กซี่ ปราบต์คงนอนไม่รู้เรื่องไปอีกนาน หากเมรินทร์ไม่มาเคาะห้องเสียงดังพร้อมรายงานว่าเห็นปรายฟ้าจูงมือลูกเดินออกไปจากบ้านแล้ว ปราบต์กวักมือเรียกลูกน้องวัยฉกรรจ์ที่อยู่แถวนั้นมาหา “สะกดรอยตามแท็กซี่คันนั้น เนียนๆ ล่ะอย่าให้ถูกจับได้” “ครับคุณปราบต์” ร่างสูงสาวเท้ากลับเข้าบ้าน ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าปรายฟ้าคงวางแผนพาลูกกลับแต่เช้าโดยไม่คิดลาใคร แต่เขาก็เซ่อซ่าพลาดจนได้ อุตส่าห์ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนหกโมงสี่สิบนาที แต่ก็ยังช้ากว่าเธออีกงั้นเหรอ .... ปรายฟ้าให้แท็กซี่ส่งตรงร้านอาหารริมทางแห่งหนึ่ง ไม่หรูหราแต่อาหารอร่อย การันตีด้วยรางวัลดังและรีวิวมากมายจากเหล่านักเดินทาง ปรายฟ้าสั่งโจ๊กให้ลูกคนละชาม ส่วนของเธอเป็นข้าวต้มกุ้ง “กินง่ายๆ ไปก่อนนะคะ เดี๋ยวมื้ออื่นแม่จัดเต็มให้” ปรายฟ้าบอกลูกระหว่างที่รอพ่อครัวปรุงอาหาร “บ้านพ่อหลังใหญ่มากเลยเนอะพี่ปก” “เขาไม่ใช่พ่อเรา” ปรายฟ้าได้ยินก็สะดุ้ง จริงอยู่ที่เธอไม่ต้องการความรับผิดชอบย้อนหลังจากปราบต์ แต่อะไรบางอย่างทำให้เกิดสงสารผู้ชายคนนั้นอย่างประหลาด ทั้งที่ตั้งแง่เกลียดเขามาตลอดหลายปี แต่เพียงเจอกันคืนเดียวก็เปลี่ยนความรู้สึกเธอได้อย่างนั้นเหรอ เขารู้สึกผิดจริงหรือเปล่าปรายฟ้าก็การันตีไม่ได้ รู้แต่ตอนนี้ลูกชายเธอกำลังสับสนปนไปกับอารมณ์ด้านลบ ปกติปกป้องไม่หน้างอคอเง้าเช่นนี้ เธอต้องพูดอะไรสักอย่างแล้วสินะ “เขาเป็นพ่อของเรานะลูก” แม้ไม่อยากยอมรับ ไม่ปรารถนาข้องเกี่ยว แต่ความจริงนี้เธอก็อยากยืนยันให้ลูกรับรู้ว่าอย่างน้อยเขาก็มีพ่อ ไม่ได้กำพร้าเสียทีเดียว “แล้วทำไมเขาไม่เคยมาให้เห็น เขาไม่รักเราแล้วทำไมยัยปิงปิงถึงอยากเจอเขาก็ไม่รู้” “ทุกคนมีพ่อ เพื่อนเราหลายคนมีพ่อ ปิงอยากเจอตัวเป็นๆ สักครั้งมันผิดเหรอ” แฝดน้องเถียงหน้ากริ้วพลางกอดอกจ้องพี่อย่างพร้อมบวก “ปกป้องลูก แม่ขอโทษนะที่ทำให้หนูรู้สึกแย่ เราอาจมีชีวิตครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ แต่ที่ผ่านมาแม่ก็พยายามอย่างที่สุดแล้วเพื่อไม่ให้เรารู้สึกขาดความรัก ระหว่างแม่กับพ่อของลูกมันเป็นเรื่องที่พูดยาก แม่ก็ไม่อยากโกหกพวกเรา พอหนูโตขึ้นหนูก็จะเข้าใจความรัก เข้าใจผู้ใหญ่ และรู้ว่าการใช้ชีวิตมันไม่ง่าย” “ว้า อย่างงี้ก็ไม่อยากโตเลย” ปิงปิงถอนหายใจเซ็ง “แต่เราต้องโตนะลูก โตเถอะแม่ขอร้อง” ปรายฟ้าเอื้อมลูบผมลูกสาวอย่างเอ็นดู “แม่จะบอกความจริงว่าแม่กับพ่อของหนูเริ่มต้นและจบกันอย่างไม่ดี มันมีอะไรที่ซับซ้อนและพูดยาก แต่แม่อยากให้ปิงปิงและปกป้องเข้าใจว่าคุณปราบต์เขาไม่ใช่คนเลวร้าย ที่ผ่านมาแม่เป็นคนปิดบังเขาว่าไม่ได้มีพวกหนู แปลว่าเขาไม่รู้ว่าพวกหนูอยู่บนโลกนี้ด้วย แม่เข้าใจความรู้สึกของปกป้องนะ ถ้ามันไม่โอเคหนูก็ไม่ต้องคิด ไม่ต้องเอาใจไปอยู่กับเขา โฟกัสที่แม่และน้อง คิดถึงความสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้ โฟกัสอาหารที่กำลังมาเสิร์ฟ แบบนี้จะทำให้เราแฮปปี้กว่านะลูก” ปกป้องฟังแม่พูดก็เริ่มคลายความงอเง้าของสีหน้า พ่อไม่เคยรู้เลยเหรอว่าเขากับน้องมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ เขาไม่ผิดอย่างนั้นเหรอ? “แล้วเขาเกลียดเราไหมครับ” “ไม่หรอกจ้ะ ไม่เกลียดหรอก” ก่อนจะยืนยันกับลูกเธอก็ค้างอยู่ครู่หนึ่ง กระนั้นก็เลือกตอบให้สวยงามแม้ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นรู้สึกนึกคิดอย่างไร “แล้วต่อจากนี้จะเป็นยังไงครับ เขาจะมาเจอเราไหม” “เราเคยอยู่กันแบบไหนก็อยู่กันแบบนั้นแหละค่ะ” ตอนนี้เองที่ปรายฟ้าเข้าใจแล้วว่าลึกๆ ในอารมณ์ของปกป้องก็คาดหวังความสัมพันธ์จากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อผู้ให้กำเนิด การพูดคุยทำความเข้าใจถูกแทรกด้วยข้าวต้มและโจ๊กควันกรุ่น ตามมาด้วยซาลาเปาจิ๋วอีกห้าลูก ปกป้องและปิงปิงเห็นของกินก็ตาเรืองเป็นประกาย ปรายฟ้าชอบที่พวกเขากินง่าย เรียกได้ว่าเป็นเด็กชอบกินชอบชิมกันทั้งคู่ ปรายฟ้าคนข้าวต้มกุ้งให้เข้าน้ำเข้าเนื้อแต่ยังไม่ทันตักเข้าปาก เก้าอี้พลาสติกสีแดงที่ว่างข้างเธอก็ถูกเลื่อนออกพร้อมกับร่างสูงที่ยอบลงนั่ง “คุณปราบต์!” “เอาข้าวต้มกุ้งแบบนี้ที่หนึ่งครับ” แขกไม่ได้รับเชิญหันไปสั่งกับเจ้าของร้านที่เดินผ่านมาพอดี ก่อนเบือนหน้ามายิ้มให้ทั้งสามคนที่แลดวงตาตกใจปนไปด้วยคำถามมาทางเขา “มาได้ยังไงคะ” และมาทำไมมิทราบ “ผมให้ลูกน้องขับตามคุณมาก่อน พอผมแต่งตัวเสร็จก็รีบขับมาด้วยความเร็วสูง” จนมานั่งแหมะข้างเธอได้ทันเวลา “แล้วคุณตามมาทำไมคะ” “ผมจะไปเที่ยวกับลูก” และจะตามไปเชียงใหม่ด้วยหากเป็นไปได้ ปรายฟ้าอยากคัดค้านไม่ให้ไปแต่หันไปเห็นดวงตาเป็นประกายของปิงปิงก็เกิดพูดไม่ออก “ดีจังค่ะ คุณพ่อเป็นคนกรุงเทพฯ ต้องพาเราเที่ยวได้แน่” แม่ก็เป็นคนกรุงเทพฯ มาตั้งสิบแปดปี แม่ก็พาเที่ยวได้เหมือนกันโดยไม่ต้องพึ่งเขาด้วย ปรายฟ้าอยากตอบโต้ลูกสาวแบบนั้น แต่เลือกงับปากเมื่อเห็นปกป้องที่แม้หน้านิ่งไม่แสดงออกเช่นน้องสาว แต่ก็มองคนเป็นพ่อไม่วางตา ราวกับปกป้องกำลังบวกลบคะแนนให้พ่อผู้ให้กำเนิด ปรายฟ้าเพิ่งแก้ต่างแทนเขาอยู่หยกๆ ว่าปราบต์เพิ่งรู้ตัวว่ามีลูก ครั้นเธอจะแสดงการกีดกันก็ดูกระไรอยู่ “เมื่อคืนหลับสบายกันดีไหมครับ” “ก็ดีค่ะ” “คุณกับลูกตื่นเช้ากันจังเลยนะครับ” “เป็นเวลาตื่นปกติของฉันอยู่แล้วค่ะ” ปราบต์อยากเอาใจลูกแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร กล้าๆ กลัวๆ อย่างไม่ใช่มาดของผู้บริหารเช่นเขา ยิ่งเห็นความนิ่งของลูกชายก็ยิ่งเกร็ง คิดไปก็ขำตัวเองที่กลัวเด็กเจ็ดขวบจะไม่ปลื้ม ปรายฟ้าทานข้าวอย่างอึดอัดพลางคิดว่าต้องคุยส่วนตัวกับเขาให้กระจ่าง มาทำให้เด็กๆ สับสนแบบนี้ต้องการอะไร ทั้งที่เธอชัดเจนไปแล้วว่าไม่ต้องการความรับผิดชอบย้อนหลัง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม