เขาไม่เหมาะเป็นพ่อเราหรอก

1826 คำ
10 เขาไม่เหมาะเป็นพ่อเราหรอก  ปราบต์เป็นคนจ่ายเงินซึ่งปรายฟ้าก็ไม่ทักท้วง ค่าอาหารแค่ไม่กี่ร้อยคงไม่จำเป็นต้องเกรงใจมหาเศรษฐี อีกอย่างเธอไม่ค่อยอยากพูดกับเขาเท่าไร หลังจ่ายเงินเสร็จแล้วร่างสูงก็เดินฉีกยิ้มนำเด็กๆ ไปที่โรลส์-รอยซ์สีดำ เปิดประตูด้านหลังพร้อมผายมือเชิญเจ้าตัวเล็กเข้าไปนั่ง “ไม่มีคาร์ซีทคงไม่เป็นไรมั้งครับ ปกป้อง ปิงปิงคาดเข็มขัดกันด้วยนะครับ” ปราบต์บอกลูกอย่างกังวลความปลอดภัย ซึ่งทั้งสองก็ปฏิบัติตามโดยไม่มีใครดื้อรั้น ประตูรถด้านหลังปิดลงก่อนหันมาถามเธอที่ยืนละล้าละลังอยู่ “หรือควรไปซื้อคาร์ซีทก่อนดีครับ” “ไม่ต้องก็ได้ค่ะ” ปราบต์กดหน้ารับกับคำตอบของเธอ จากนั้นก็เข้าไปนั่งหลังพวงมาลัยพร้อมสตาร์ตรถ ปรายฟ้ากำลังจะก้าวขาอ้อมไปนั่งข้างเขา แต่สุดท้ายก็เดินถอยกลับมาพร้อมเปิดประตูแล้วดึงแขนร่างสูงออกมา “มาคุยกันหน่อยค่ะ” ร่างสูงถูกลากขึ้นไปบนฟุตบาทเพื่อให้ห่างจากระยะที่ลูกจะได้ยิน ดวงตาแป๋วสองคู่วาดตามพ่อกับแม่อย่างสนใจ “มีอะไรครับ” สีหน้าและน้ำเสียงถามออกไปอย่างพาซื่อ ทั้งที่ก็พอเดาออกว่าเธอกำลังไม่พอใจและไม่ยินดีให้เขาร่วมทาง แต่เขาอยากไปนี่ ตั้งใจไว้แล้วว่าจะหน้าด้านตีมึนถึงโดนด่าอย่างไรก็จะไม่ยอมแพ้ “คุณทำแบบนี้ทำไมคะ ฉันไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคุณ อย่างที่บอกว่าฉันไม่ได้เรียกร้องอะไรเลย คุณปลื้มกับคุณแม่เป็นคนทำเรื่องนี้โดยไม่ปรึกษากันก่อน ฉันไม่ต้องการอะไรจากคุณนะคะ” “แต่ผมอยากให้นี่ครับ ในเมื่อตอนนี้รู้แล้วว่าคุณกับลูกมีตัวตนอยู่ และที่ผ่านมาผมก็อยู่กับตราบาปที่คุณทิ้งไว้” “ฉันทิ้งไว้? คุณพูดเหมือนฉันเป็นคนผิดเลยนะ ทั้งที่คุณเป็นคนใช้ให้ฉันไปทำแท้...” นิ้วแกร่งวางทาบบนเรียวปากเล็กก่อนคำต้องห้ามจะหลุดออกมา เขาทำลงไปโดยลืมตัวว่าอยู่ท่ามกลางที่สาธารณะ ซึ่งปราบต์ก็ไม่จำเป็นต้องดึงนิ้วออกเพราะเธอรีบผงะใบหน้าหนีในเวลาต่อมา “ขอโทษครับ ผมแค่ไม่อยากให้คุณหลุดคำนั้นออกมาอีก สิ่งที่ผมต้องการจากคุณและลูกคือการได้ทำหน้าที่พ่อ ผมรู้ว่าดูหน้าด้านเห็นแก่ตัว แต่ผมอยากรับผิดชอบพวกคุณนะ” “ไม่เป็นไรและไม่จำเป็นค่ะ” “จำเป็นสิ การที่เขาหนีคุณมาเจอผม นั่นแปลว่าเขาต้องการผม” ปราบต์พยายามควบคุมระดับเสียงและคงอารมณ์ทางสีหน้าไม่ให้ดูเหมือนวางอำนาจ ในขณะที่อีกคนขึ้งโกรธกับความเห็นแก่ตัวของเขาจนควบคุมสีหน้าไม่อยู่ “แต่ฉันไม่ต้องการค่ะ! ฉันเป็นแม่ของพวกเขา เลี้ยงตามลำพังมาได้ตั้งกี่ปี ฉันจนกว่าคุณไม่ได้แปลว่าฉันไม่รวย ฉันมีเงินเก็บมากพอจะส่งเขาเรียนจบปริญญาตรีโทเอกได้ มีสินทรัพย์ มีกิจการเลี้ยงชีพ คุณที่ไม่ได้ต้องการเขาตั้งแต่แรกไม่มีสิทธิ์มาเรียกร้องอะไรทั้งนั้น” ปรายฟ้าประกาศให้รับรู้อย่างชัดเจน แอบด่าตัวเองที่ก่อนหน้านี้หลงสงสารเขาจนเผลอใจอ่อนอยู่นิดหน่อย ปรายฟ้ากำลังมุ่งตรงไปที่รถเพื่อเอาลูกลงมา แต่ร่างสูงถลามาขวางจนใบหน้างามชนเข้ากับแผ่นอกเต็มแรง ครั้นพอลนลานถอยห่างก็เกิดเสียการทรงตัว คนมือยาวกลัวเธอล้มก็รีบคว้าเอวไว้ “ขอโอกาสให้ผมเถอะ ผมอยากรับผิดชอบ” ปราบต์ตัดสินใจใช้ความได้เปรียบในตอนนี้มากุมอำนาจต่อรอง พร้อมกระชับเอวคอดเข้ามาแนบชิดจนปรายฟ้าหน้าเปลี่ยนสี ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นความแดงระเรื่อจากอาการเขินหรือโกรธอยู่กันแน่ “คุณปราบต์ปล่อยนะคะ! ฉันอายคนนะ” “ผมไม่อาย” อันที่จริงก็อายอยู่หน่อยๆ แต่หากอยากชนะก็ต้องเอาเปรียบเธอด้วยวิธีนี้แหละ “คุณรับปากมาก่อนสิว่าจะให้โอกาสผมแก้ตัว” “คุณนี่มันเป็นคนยังไงเนี่ย” ปรายฟ้าอายจนแทบมุดหน้าหนี คนเดินเท้าต่างเหลียวมาทางเธอกับเขากันเป็นแถบ ส่วนลูกๆ คาดว่าก็กำลังจับตามองอยู่เช่นกัน “ก็ได้ค่ะ แต่ฉันยอมแค่วันนี้เท่านั้นนะ และต่อจากนี้ไปห้ามมาให้เด็กๆ เห็นหน้าอีก” “ขอบคุณครับ” แขนแกร่งคลายเอวบางจากพันธนาการ มองหน้าใกล้ๆ ก็สวยหมดจดดี สองมือเล็กของปรายฟ้ากำไว้ข้างลำตัวนึกอยากยกทุบเขาสักหมัด แต่เท่านี้ก็เป็นเป้าสายตาเกินไปแล้ว ปรายฟ้าจึงได้แต่ข่มใจและปรี่กลับไปที่รถ ทว่าเรียวแขนของเธอก็ถูกเขารั้งไว้ “อะไรอีกคะ” “ขอปรึกษาหน่อยสิครับ ผมจะทำยังไงดี ปกป้องเขาไม่ต้อนรับผมเลย” “แล้วคุณคุยกับเขาสักคำหรือยังคะนอกจากแค่ยิ้มให้ พอคุณเห็นว่าปิงปิงเปิดใจให้คุณมากกว่า คุณก็เอาแต่คุยกับลูกสาว ทำแบบนี้เท่ากับคุณเมินปกป้องนะ” ปกติเจ้าลูกชายเป็นคนน่ารักมารยาทดี ปรายฟ้าไม่เคยเห็นปกป้องเมินใครได้เท่านี้มาก่อน “จริงสินะ ผมนี่ไม่ได้เรื่องเลย” “ใช่ค่ะ เข้าใจแบบนั้นน่ะถูกต้องแล้ว” ถือโอกาสด่าเสร็จก็ถอนข้อมือตัวเองคืนจากพันธนาการ แล้วอ้อมกลับไปขึ้นรถ ไม่ลืมเปลี่ยนสีหน้าก่อนหันมาทางลูกๆ ปราบต์ก็เข้ามาครองตำแหน่งคนขับอย่างไม่รอช้า “เขาทำอะไรแม่หรือเปล่า” ปกป้องเยี่ยมหน้ามาถาม เหลียวมองคนขับรถอย่างวางท่าข่มอยู่ในที ปราบต์นึกเอ็นดูความหวงของลูกชายซึ่งก็ทำตัวสมกับชื่อที่แม่ตั้งให้ “ไม่ได้ทำอะไรค่ะ เราแค่ตกลงทำความเข้าใจกัน” “ขอโทษนะครับถ้าพ่อทำให้ปกป้องกับปิงปิงไม่สบายใจ” ปราบต์ว่าขณะพาสี่ล้อพร้อมสี่ชีวิตเคลื่อนสู่ถนนใหญ่ ปกป้องก็ดึงตัวเองกลับไปนั่งที่เดิม “กลับเชียงใหม่เลยก็ได้นะครับ ผมกับปิงคุยกันแล้วว่าไม่ไปเที่ยวก็ได้” “ค่ะ ถ้าแม่ปรายไม่สบายใจเรากลับเชียงใหม่กันก็ได้” แม้เอ่ยออกไปอย่างคนที่โตแล้ว แต่น้ำเสียงของเด็กหญิงกลับเศร้าสร้อย ปรายฟ้าเหลียวไปมองก็อดอมยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้ “ไม่เป็นไรค่ะ แม่รับปากหนูแล้ว แม่สบายใจค่ะ” ปรายฟ้าตอบลูกสาวก่อนหันกลับมาทางคนข้างๆ “ก่อนอื่นพาฉันไปซื้อเสื้อผ้าก่อนละกันค่ะ” ใส่ชุดนี้มาตั้งแต่เมื่อวาน ไม่รู้ว่าเมื่อกี้ที่โดนกอดเขาจะได้กลิ่นตุๆ หรือเปล่า คิดไปคิดมาก็ชักไม่มั่นใจ ปรายฟ้าจึงแอบดึงเสื้อตัวเองมาดม “ไม่เหม็นหรอก คุณอาบน้ำแล้ว” ประโยคนั้นราบเรียบ สีหน้าก็ไม่ได้ล้อเลียน แต่ทำไมถึงทำปรายฟ้าร้อนผ่าวที่ใบหน้าได้ “คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอาบน้ำแล้ว” “ได้กลิ่นครีมอาบน้ำ” ดูมาดนิ่งค่อนไปทางทึ่ม แต่ปรายฟ้าจะประมาทวางใจไม่ได้แล้วสิ นายคนนี้ต้องซ่อนเขี้ยวเล็บไว้แน่ แม่ชอบกรอกหูเธอบ่อยๆ ว่าคุณปราบต์แกไม่เคยคบผู้หญิงคนไหน โสดอย่างไรก็โสดอย่างนั้น ติดอันดับหนุ่มนักธุรกิจเนื้อหอมหลายปีซ้อนแต่กลับไม่เคยควงสาวคนไหน ปรายฟ้ามองว่าแปลกคน หากไม่ใช่ชอบเพศเดียวกัน ก็คงมีผู้หญิงเป็นฮาเร็ม ปรายฟ้าไล่ความคิดเหล่านั้นออกไปจากสมองแล้วกดโทร.ออกที่หมายเลขของเอก ผู้เป็นทั้งเครือญาติและผู้จัดการปานฟ้าโฮมสเตย์ โดยฝากให้เขาดูแลงานและคุณยายของปกป้องกับปิงปิงต่ออีกสักวัน แล้วเธอจะตีตั๋วกลับเชียงใหม่ในเย็นนี้ ส่วนปานเดือนนั้นปรายฟ้าแจ้งผ่านข้อความไปตั้งแต่ตื่นนอนว่าจะพาลูกเที่ยวที่กรุงเทพฯ หนึ่งวัน และราวกับปานเดือนมีสายลับถามกลับมาว่าไปเที่ยวกับคุณปราบต์เหรอ ปรายฟ้าเพียงส่งสติ๊กเกอร์รูปหมีส่ายหน้า พรหมลิขิตอะไรของมารดา เธอไม่ยอมให้เกิดขึ้นหรอก ยิ่งเมื่อครู่ทำเธออับอายต่อหน้าสาธารณชน ดังนั้นยิ่งต้องหักคะแนนที่ไม่มีอยู่แล้วให้ติดลบไปเลย ปรายฟ้าเคยถามแม่ว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่เราจะรักผู้ชายที่เคยข่มขืน ปกติปานเดือนรักและเข้าข้างลูกสาวไม่ว่ากับเรื่องอะไร ทว่าพอเป็นประเด็นใหญ่กระทบกระเทือนต่อจิตใจลูกสาว ปานเดือนกลับเอนเอียงเทไปฝั่งปราบต์ ปานเดือนพูดทำนองว่ามันอาจเป็นความเข้าใจผิดและคงมีอะไรมากกว่านั้น ทั้งที่ปานเดือนก็ใช่จะรู้จักปราบต์เป็นการส่วนตัว อาศัยรับรู้ผ่านการเล่าเรื่องของดิฐาและข่าวสารในแวดวงธุรกิจ ซึ่งปานเดือนก็ไม่ได้ออกตัวเข้าข้างปราบต์ในครั้งที่เรื่องเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เพิ่งจะมาพูดเมื่อไม่กี่เดือนนี่เอง “ปกป้องอยากไปเที่ยวไหนครับ” คนขับรถเอ่ยขึ้นหลังจากครุ่นคิดอยู่นานว่าจะคุยอะไรกับลูกชายดี “เมืองนอก” “ไปได้เหรอครับ” ปราบต์เหลียวมาถามแม่ของเด็กที่นิ่วหน้าแลไปทางลูกชายอย่างสงสัย ดูเหมือนปกป้องมีอารมณ์อยากกวนพ่อเป็นพิเศษ “ไม่ได้สิคะ” “แล้วภายในกรุงเทพฯ นี้ปกป้องอยากไปไหนเป็นพิเศษครับ” “ไม่เคยมาแล้วจะรู้ได้ไงว่าควรไปไหน” “พี่ปก” ปรายฟ้าปรามลูกด้วยโทนเสียงต่ำ “แม่สอนตลอดนะว่าพูดกับผู้ใหญ่ให้มีหางเสียงด้วย” “ไม่เป็นไรครับ อย่าดุเขาเลย” ปราบต์เข้าใจอารมณ์ของลูกชายดีไม่คิดถือสา เพราะหากเทียบกับความผิดฐานละเลยไม่รับผิดชอบพวกเขาเสมอมา การที่ปกป้องไม่ต้อนรับพ่อก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย แต่อย่างไรก็ตาม ปราบต์สาบานว่าจะไม่ยอมแพ้แน่นอน เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะพิชิตใจสองแฝดให้ได้ ปกป้องไม่ตอบรับคำสอนปนสั่งของมารดา ทำเมินด้วยการเบือนมองวิวข้างทาง ก่อนหน้านี้พอรู้ความจริงจากแม่ว่าพ่อไม่เคยทราบว่าเขากับน้องมีตัวตนอยู่ ปกป้องก็เลยบอกตัวเองว่าจะไม่โกรธพ่อแล้ว แต่ตอนกินข้าวพ่อไม่คุยกับเขา ใส่ใจแต่ปิงปิง แล้วเมื่อกี้ก็อีกที่เหมือนทำให้แม่ปรายไม่พอใจตอนออกไปคุยกันนอกรถ เขาไม่เหมาะเป็นพ่อเราหรอก ไม่เอาดีกว่า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม