"ไม่เข้าใจ? ไม่เข้าใจอะไร"
"คุณเหมือนจะเป็นคนดี บางครั้งก็ดูเป็นคนเลว อารมณ์คุณปกติดีหรือเปล่า"
ร่างสูงของพายุลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินตรงมายังเธอ หันหน้าไปบอกให้ราชันย์ออกจากห้องไป ก่อนที่มือหนาจะยกขึ้นมาลูบหน้าเธอ จนลินดาขนลุกขนพองไปหมด
"ฟังฉันนะ...ฉันไม่ใช่คนดี นอกจากลูกน้อง หมาแมว ฉันก็ไม่เคยช่วยใครฟรี ๆ เธอเอาตัวมาให้ฉันช่วยโดยไม่คิดตอบแทน แบบนี้ฉันไม่ชอบ อีกอย่างบอกตรง ๆ ฉันอยากได้ร่างกายเธอ แค่ร่างกายนะ อยากจะรู้ว่าเด็กสาวที่ภายนอกดูเซ็กซี่ แต่ยังบริสุทธิ์แบบเธอ เนื้อจะหอมหวานขนาดไหน"
คนตัวเล็กยืนเกร็งไปทั้งร่าง แทบไม่กล้าหายใจ เธอไม่ได้แค่กลัวเขาอย่างเดียว แต่ยังรู้สึกเหมือนเขาไม่ปกติ มีอะไรแอบแฝงอยู่ในตัวตนของเขาบางอย่าง
"อย่าคิดนานนะ ฉันไม่ชอบ"
"แล้วที่บอกว่าจะแกล้งเป็นแฟนฉันล่ะ จริงหรือเปล่า คงไม่ได้หลอกกินฉันแล้วจะไม่ทำตามที่พูดใช่ไหม"
"ฉันเป็นนักธุรกิจนะ ทางไหนที่ได้กำไรฉันก็ทำอยู่แล้ว การได้กินเเธอน่าจะเป็นกำไรของฉัน แค่เรื่องหลอกผู้ใหญ่มันจะไปยากอะไร ยังไงเธอก็ต้องอยู่กับฉันตลอดเวลาอยู่แล้ว จนกว่าฉันจะเบื่อ"
ลินดาทำท่าทางคิดหนัก มองดูผู้ชายตรงหน้าก็เป็นคนที่ท่าทางดูดี ถึงจะดูร้าย ๆ เดาใจไม่ถูก แต่คงไม่ร้ายกว่าคนที่ไม่เคยรู้จักกันเลย
"ตกลง"เสียงหวานพูดตกลงอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ หลังจากนี้ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น แต่คนดื้อรั้นไม่ชอบถูกบังคับแบบเธอ คงมีทางนี้ทางเดียวที่จะช่วยเธอได้
"ดี...ว่าง่ายแบบนี้ฉันชอบ นั่งนี่สิ"
ร่างสูงของพายุ นั่งลงที่ปลายเตียง ดึงมือคนตัวเล็กให้นั่งบนตักเขา ก่อนจะใช้มือลูบไล้ใบหน้าขาวใสไปมา"เคยจูบมาก่อนไหม"
"ไม่เคยมีแฟน จะให้ไปจูบกับใครล่ะ"
ริมฝีปากหนาค่อย ๆ จูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ ขบเม้มริมฝีปากล่างให้เธอเปิดปากออกเพื่อส่งลิ้นร้อนเข้าไปทักทายลิ้นเล็ก ดูดกลืนความหวานในโพลงปากนุ่ม
"อืม"เสียงทุ้มครางในลำคออย่างถูกใจ เพราะเธอไม่ใช่ไม่ประสา ยังจูบตอบเขามาอย่างมีชั้นเชิง ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เคยจูบมาก่อน ลิ้นเธอก็พยายามเกี่ยวพันลิ้นเขาไปมา มือหนาเริ่มลูบไล้ไปตามลำตัวนุ่ม บีบเค้นตรงสะโพกเล็กเบา ๆ ตามอารมณ์กระสันที่เริ่มพุ่งสูง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ลินดาพยายามผลักร่างหนาออก เมื่อมีคนมาเคาะประตู แต่ทว่าพายุกลับไม่สนใจ ใช้มือสอดเข้ามาในเสื้อยืดสีดำของเธอ ก่อนจะเจอเข้ากับสองก้อนนุ่ม ที่เขาจงใจบีบมันเบา ๆ จากชุดชั้นใน
"เฮียครับ เฮีย!!!"
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"จิ๊!!! ถ้าไม่ใช่ธุระสำคัญมึงตายแน่"
พายุยกร่างคนตัวเล็กให้นั่งลงบนเตียงอย่างขัดใจ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ต้องมาชะงักเพราะมารผจญ ลินดาได้แต่ภาวนาให้คนหน้าประตูมีเรื่องสำคัญจริง ๆ เธอยังไม่อยากเห็นใครถูกฆ่าตายตอนนี้
พรึ่บ!!!
"มึงมีอะไร ไม่รู้เหรอว่ากูทำธุระอยู่"
"เอ่อ...คุณท่านมาครับ"
ราชันย์เองก็ไม่อยากมาขัดจังหวะเจ้านายนัก รู้ดีพายุเป็นคนอารมณ์ร้อนมากเรื่องนี้ หากไม่ใช่พ่อของเจ้านายมา เขาไม่มีทางขึ้นมาบนนี้ด้วยซ้ำ
"แล้วตอนนี้อยู่ไหน"
"ท่านบอกจะขึ้นมา แต่ผมให้ท่านรอที่ห้องรับแขกด้านล่างครับ เฮียรีบลงไปดีกว่า ดูอารมณ์ท่านไม่ค่อยดีด้วย"
พายุพยักหน้า ก่อนจะหันมามองลินดาที่นั่งทำเป็นไม่สนใจ"เดี๋ยวฉันมา ห้ามออกไปไหนได้ยินไหม ฉันจะให้ลูกน้องเฝ้าหน้าห้องไว้"
"ฉันไม่ไปไหนหรอก คุณรีบไม่ทำธุระของคุณเถอะ"
เมื่อตกลงกันได้ พายุก็เดินลงไปยังห้องรับแขกชั้นล่าง เห็นคนเป็นพ่อมาพร้อมกับลูกน้องสองคน
"มีอะไรครับ?"
"นี่คือคำทักทายแกเหรอ หรือไม่เห็นฉันเป็นพ่อแล้ว"นันทวัฒน์กล่าวทักลูกชายแสนดื้อรั้นของเขา เป็นลูกชายคนเดียวของเขาแท้ ๆ แต่กลับไม่จับธุรกิจอะไรของที่บ้านสักอย่าง อยากจะมาเปิดผับเป็นของตัวเอง ทีแรกเขาก็ไม่ยอมหากไม่ใช่คนเป็นเมียเป็นคนขอไว้ เขาคงไม่ปล่อยให้ใช้ชีวิตด้วยตัวเองมาแบบนี้แน่นอน
"ถ้าไม่มีอะไร พ่อคงไม่มา"
"ก็ดี...เข้าเรื่องเลยแล้วกัน เรื่องหนูอันนา"
ถึงจะเดาออกอยู่แล้วว่าเป็นเรื่องนี้แน่ ที่ทำให้คนที่ไม่เจอหน้ากันเป็นเดือนมาหาถึงนี่ แต่ไม่คิดว่าอันนาจะใช่วิธีนี้จริง ๆ แบบนี้ทำให้เขายิ่งเกลียดชังผู้หญิงคนนั้นเข้าไปอีก
"ทำไมครับ เธอไปฟ้องอะไรพ่อ"
"แกมีอะไรให้ฟ้องล่ะ ฉันบอกแกแล้ว แกจะมั่วผู้หญิงที่ไหนฉันไม่ว่า แต่ถึงเวลาแกต้องแต่งงานกับหนูอันนาเท่านั้น"
"ผมไม่แต่ง!! ตอนนี้ผมยังไม่อยากแต่งงาน และคิดว่าไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ด้วยครับที่จะแต่ง ถ้าพ่อยืนยันจะให้ผมแต่งกับเธอ ก็ให้เธอรอไปครับ"
"แกหมายความว่าไง แกจะไม่ทำตามสัญญาของฉันที่ให้ไว้กับพ่อของหนูอันนาเหรอ หรือไม่อยากเปิดไอ้ผับบ้า ๆ นี่แล้ว"
พายุตวัดสายตามองคนเป็นพ่อตรง ๆ ไม่คิดว่าเรื่องหมั้นอันนาท่านจะจริงจังขนาดนี้ ไหนแม่บอกเขาว่าแค่ควง ๆ กินข้าวสามสี่ครั้ง หากไม่ถูกใจก็ค่อย ๆ ห่างกันไปได้ไง
"ผมไม่ได้เป็นคนยินยอมด้วยตั้งแต่แรก อีกอย่างผมโตแล้ว ไม่ต้องให้พ่อมาบังคับ ส่วนเรื่องผับถ้าพ่อจะใช้อำนาจสั่งปิดหรือทำอะไรกับมัน ผมจะสู้จนสุดความสามารถเพื่อให้มันเป็นเหมือนเดิม"
"เก่งแล้วนี่นะ ฉันไม่น่าเชื่อแม่แกเรื่องให้แกเปิดผับบ้า ๆ นี้ตั้งแต่แรก รู้ใช่ไหมถ้าแกคิดจะสู้กับฉันแกไม่มีวันชนะ บอกแล้วแกจะได้ทุกอย่างตามใจ ไม่อยากยุ่งธุรกิจของฉันก็ไม่ต้องยุ่ง อยากเปิดผับเหมือนเดิมก็เปิด แต่แกต้องแต่งงานกับหนูอันนาเท่านั้น"
มือหนาบีบเข้าหากันแน่น อารมณ์เขาตอนนี้เริ่มไม่ปกติ พ่อกำลังบีบให้เขาจนมุม เอาเรื่องผับที่เขารักและทุ่มเทกับมันมาขู่เขา แต่ทว่าพายุรู้ว่านี่ไม่ใช่คำขู่เพราะพ่อเขาสามารถทำแบบนั้นได้จริง
"สามเดือน ฉันจะให้เวลาแกแค่สามเดือน ถึงเวลานั้น แกต้องแต่งงานกับหนูอันนาโดยไม่มีเงื่อนไข"นันทวัฒน์ลุกขึ้นเดินออกไปทันทีที่พูดจบ แต่เมื่อถึงหน้าผับเขากลับสั่งงานลูกน้องให้ทำเรื่องบางอย่าง
"มึงไปสืบมาว่าผู้หญิงที่อยู่กับลูกกูตอนนี้เป็นใครมาจากไหน"
พายุยังนั่งเอามือกุมขมับอยู่ที่เดิม รู้สึกเรื่องมันยิ่งยุ่งยากขึ้นไปอีก เขารู้ว่าคนเป็นพ่อเอาจริงเรื่องนี้แน่ ถ้าได้ลองมาหาเขาแค่เพราะอันนาไปฟ้องเรื่องเมื่อวาน แปลว่าท่านไม่มีวันปล่อยเขาไปแน่ หากเขายังดื้อคงต้องเสียผับนี้ไปจริงๆ
"เฮียครับ คุณลินดาเธอหิวแล้วนะครับ"
"มึงก็ไปหามาให้เธอสิว่ะ!!! มาบอกกูทำไม แล้วไปให้พ้นหน้ากู"
จากอารมณ์ดี ๆ เมื่อกี้ กำลังจะได้กินของดีอยู่แล้ว ต้องมากลายเป็นหมดอารมณ์เพราะคนเป็นพ่อแท้ ๆ ไม่ใช่สิ เพราะผู้หญิงคนนั้นต่างหาก ที่อยากได้เขาจนตัวสั่น ทำไมเขาจะไม่รู้ นี่ถ้าเขาสนองไปสักทีสองทีเรื่องคงไม่เป็นแบบนี้ แต่เขาไม่ทำยอมรับว่าเอาไม่ลงจริง ๆ
"นี่ครับอาหาร"ราชันย์นำถาดอาหารที่ไปสั่งแม่ครัวด้านล่างให้ทำให้ เข้ามาให้ลินดาที่นั่งรออยู่ เธอหิวมากจริง ๆ ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวาน
"แล้วเจ้านายพี่ล่ะ เขาไปไหน?"
"เดี๋ยวคงขึ้นมาครับ คุณกินไปก่อนได้เลย"ลินดาพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก็ดีเหมือนกันบอกตรง ๆ เธอเองก็ยังไม่พร้อมจะเสียตัวตอนนี้เหมือนกัน อยากยืดเวลาออกไปอีกหน่อย แต่ทว่านั่งกินไม่ทันหมดจาน พายุก็เดินเข้ามาในห้อง นั่งลงตรงข้ามกับโต๊ะที่เธอนั่งอยู่
"กินเสร็จ ฉันจะพาไปเอาเสื้อผ้า เธอต้องมาอยู่กับฉันที่นี่"
ลินดาสังเกตุใบหน้าหล่อของเขา ที่สีหน้าท่าทางต่างจากตอนออกไปจากห้องนี้ลิบลับ ชักอยากรู้ว่าที่ลูกน้องเขาเรียกว่าคุณท่านคือใคร แต่คงไม่เหมาะที่จะถาม เธอกับเขายังไม่ได้สนิทกันถึงขนาดรู้เรื่องส่วนตัวได้
เมื่อกินเสร็จ พายุก็พาเธอไปเอาเสื้อผ้าที่คอนโดทันที ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้เอามาเยอะอะไร เพราะไม่ได้คิดจะอยู่กับเขาไปตลอด เขาเองอีกหน่อยก็คงเบื่อเธอเหมือนกัน ระหว่างเราจะแค่เป็นเรื่องผลประโยชน์ร่วมกันเหมือนเขาว่าแค่นั้น
ระหว่างนั่งในรถ เธอกับเขาก็แทบไม่มีบทสนทนาอะไรกันเลย ไม่รู้มันเงียบเกินไปไหม เงียบจนได้ยินเสียงหายใจของคนสองคน
"เอ่อ...คือเรื่องของเราขอให้เป็นความลับระหว่างเราได้ไหม แม้แต่พวกน้อง ๆ ของคุณก็ห้ามรู้"พายุเหลือบตามามองคนข้าง ๆ แวบหนึ่งก่อนหันไปสนใจขับรถต่อ
"เรียกฉันว่าเฮีย ฉันแก่กว่าเธอตั้งหลายปี"