ตอนที่7 ร่วมหอลงโลง

1533 คำ
"นี่คงจะเป็นคุณแม่ของลักขณาสินะครับ" คุณทรงพลยิ้มรับและถามกลับอย่างเป็นมิตรอีกครั้ง "ฉันชื่อชบาจ้ะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณทั้งสองคนนะจ๊ะ" "นี่ภรรยาของผมครับ คุณเพียงเพ็ญ" คุณทรงพลแนะนำภรรยาให้กับแม่ของว่าที่ลูกสะใภ้ได้รู้จัก คุณเพียงเพ็ญไม่ได้ยินดีที่ได้พบเจอกับแม่ของฝ่ายหญิงเลยแม้แต่นิด นางไม่ได้ยิ้มทักทายหรือพูดคุยแม้แต่ประโยคเดียวกับคนตรงหน้า "ฉันว่าเราเข้าไปข้างในดีกว่าคุณทรงพล จะได้เริ่มพิธีกันสักทีแขกที่คุณเชิญมาก็คงมาครบกันหมดแล้วไม่ใช่เหรอคะ" นางหันไปพูดกับสามีของนางแทน ก่อนจะเดินเข้าไปภายในงานก่อนใครคนอื่น "เชิญครับ เชิญเข้าไปข้างในครับจะได้เริ่มพิธีกัน เดี๋ยวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเขาก็คงพากันลงมาจากบนบ้าน" สองแม่ลูกเดินเข้าไปภายในบ้าน ตามติดด้วยคุณทรงพล บ้านหลังงามที่หรูหราใหญ่โต ทำให้แม่และพี่สาวของลักขณาจ้องมองอย่างสำรวจตรวจตราความมั่งคั่งนั้นอีกครั้ง "บ้านคนรวยมันน่าอยู่อย่างนี้เองนะแม่" "เออวาสนาน้องสาวแก เลิกกับผัวครั้งหน้าแกก็หาให้มันได้ดี ๆ แบบนี้ล่ะนังอาย" "โหแม่ แม่พูดเหมือนกับมันหาง่าย ไม่บอกหนูแย่งผัวยายอุ้มเลยล่ะง่ายกว่าอีก" "แกจะกล้าทำเหรออาย นั่นมันผัวน้องแกนะ ทำไมแกมีความคิดชั่วร้ายแบบนี้ฉันไม่เคยสั่งสอนแกซะหน่อย" "โอ้ย! ฉันก็แค่พูดเล่นน่ะแม่ ทำหน้าตาซีเรียสไปได้ ยายอุ้มมันได้ผัวรวย เดี๋ยวมันก็เผื่อแผ่เงินทองมาให้เราเองนั่นแหละจ้ะ ฉันไม่เห็นต้องหาผัวรวยให้เหนื่อยเลย ยังไงเราก็ต้องสบายกันหมดอยู่แล้ว" "แกนี่มัวแต่ชวนฉันคุยนะ เข้าไปนั่งเก้าอี้ที่เขาจัดเตรียมไว้ให้เถอะไป" ทุกคนในงานมากันพร้อมหน้าพร้อมตา เพียงแค่ไม่กี่นาทีต่อมา เจ้าสาวและเจ้าบ่าวเดินลงมาจากบนบ้านอย่างพร้อมเพียงกัน ตามติดด้วยน้องชายของเจ้าบ่าวและภรรยาที่เป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าสาวคนสวยในวันนี้ ทั้งสี่คนเดินมานั่งลงตรงหน้ากับแขกผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ชายหนุ่มพนมมือยกขึ้นไหว้ทำความเคารพมารดาของลักขณาอย่างนอบน้อม แม่จะรู้สึกไม่เต็มใจแต่เมื่อแขกเหรื่อที่มาก็มีแต่ผู้ใหญ่ที่เขาเคารพรัก ให้ทำเสียมารยาทต่อหน้าคนอื่นก็คงจะไม่ดีนัก "เริ่มพิธีกันเลยนะทุกคนได้ฤกษ์พอดี สวมแหวนให้น้องซะสิตาปัท" ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวหันหน้ากลับไปเผชิญกันอีกครั้งอย่างจำยอม กล่องแหวนเพชรถูกหยิบยกขึ้นมา ก่อนจะเปิดออกเผยให้เห็นแหวนแต่งงานที่มีราคาหลักล้านอยู่ภายใน แหวนวงนั้นถูกบรรจงสวมสวมใส่ไปยังนิ้วเรียวข้างซ้ายของเจ้าสาวคนสวยอย่างเบามือ ลักขณาไหว้รับตามหน้าที่ ก่อนที่เธอจะเปิดกล่องแหวนเพื่อที่จะได้หยิบขึ้นมาสวมใส่ให้กับเจ้าบ่าวของเธอด้วยอีกคน "แหวนเพชรเม็ดเป้งเลยจ้ะแม่ หูย! กี่ล้านกันนะนั่น ทำไมหนูไม่มีแบบนี้บ้างแม่ ผัวยายอุ้มก็หล๊อหล่อ ทำไมต้องเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟกต์ขนาดนี้ด้วยนะแม่" อารดาสะกิดแขนมารดา จับจ้องมองวาสนาของน้องสาวอย่างรู้สึกอิจฉาอยู่ท่วมอก ทำไมไม่เป็นเธอนะที่มีวาสนาตกถังข้าวสารบ้านคนรวยมีสตางค์ พิธีแต่งงานดำเนินการไปเรื่อย ๆ รดน้ำสังข์จนแล้วเสร็จ และตอนนี้ก็สิ้นสุดพิธีการสุดท้ายของงาน โดยการส่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าสู่ห้องหอตามขนบธรรมเนียมประเพณี ทั้งห้องหอเหลือเพียงเจ้าสาวและเจ้าบ่าวป้ายแดง คนที่ต้องยืนปั้นหน้ายิ้ม ทำหน้าตาระรื่นมาหลายชั่วโมง ถึงกับต้องผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างรู้สึกโล่งใจมากมายนัก "ฉันอึดอัดเป็นบ้า บอกให้จัดงานเล็กนิดเดียว นี่ยังมีพิธีการรดน้ำสังข์อวยพรบ่าวสาวบนเวทีอีก มันเล็กตรงไหนนะพ่อกับแม่ฉัน" เสียงทุ้มไม่วายบ่นให้หลังจากเก็บกดมานานหลายชั่วโมงแล้ว "แต่มันก็ผ่านมาได้นี่คะ จะบ่นอีกทำไมนะ" "ก็ฉันไม่ได้อยากจะแต่งงาน ฉันจะยืนยิ้มปั้นหน้ามีความสุขอย่างเธอได้ลงคอหรือยังไงล่ะ" ลักขณาถึงกับหุบยิ้มเมื่อโดนต่อว่าออกมาเช่นนั้น ทุกสิ่งอย่างเธอรู้ดีอยู่เต็มอก ถ้าไม่เป็นเพราะคุณทรงพลและคุณเพียงเพ็ญต้องให้แต่งงานรับผิดชอบลูก ปัทกรณ์จะไม่มีวันทำแบบนี้อย่างเด็ดขาด "คุณไม่ต้องย้ำหรอกค่ะ ฉันจำจนขึ้นใจแล้ว ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ จะลงไปคุยกับเพื่อนแล้วพี่ชายคุณซะหน่อย" "เธอคงผิดหวังสินะ ที่ฉันกับสามีเพื่อนของเธอต่างกันราวฟ้ากับเหวเช่นนี้ ฉันไม่ใช่นายปุณณ์หรอกนะ นิสัยฉันก็เลยไม่ได้ดีแบบมัน เธอคงต้องทำใจหน่อยล่ะที่ได้ผัวอย่างฉันไปครอบครอง" "ฉันก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับคุณ หรือคาดหวังอะไรกับชีวิตแต่งงานทั้งนั้นแหละค่ะ ฉันรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันไม่ใช่ความต้องการของเราสองคนอยู่แล้ว" "หึหึ แต่ดูครอบครัวของเธอจะมีความสุขมากเลยนะลักขณา พ่อแม่ฉันให้ค่าสินสอดตั้งสามล้านยิ้มหน้าบานอย่างกับไม่เคยได้ไม่เคยมีมาก่อน น่าสมเพชยิ่งนัก" ลักขณารู้สึกสะอึกกับคำพูดเหล่านั้นของเขาอยู่ไม่น้อย ไม่แปลกที่ปัทกรณ์จะรู้สึกเหมือนโดนสูบเลือดสูบเนื้อ รู้ดีว่าเงินแค่ไม่กี่ล้านสำหรับครอบครัวนี้เป็นเหมือนเพียงเศษเงินที่สูญเสียไป แต่เธอไม่ได้อยากให้คุณทรงพลต้องมอบสินสอดมากเกินกว่าที่เธอร้องขอมาแบบนี้ สำหรับเธอแล้วหนึ่งล้านบาทมันคงจะมากเกินพอสำหรับผู้หญิงบ้าน ๆ เช่นเธอนัก "คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ มันจะเป็นก้อนเดียวและก้อนสุดท้ายที่คุณจะสูญเสียให้กับฉัน หลังจากนี้ฉันจะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณอีกแม้แต่นิดเดียว" "จำคำพูดของตัวเองไว้ให้ดีนะลักขณา" "ค่ะ ฉันขอตัว" เจ้าสาวในชุดไทยประยุกต์เดินผ่านหน้าเจ้าบ่าวหมาด ๆ หายเข้าไปภายในห้องน้ำอย่างไม่หันหลังกลับมามอง ปัทกรณ์ได้แต่จับจ้องมองแผ่นหลังของภรรยาหมาด ๆ รู้สึกแปลกใจชอบกลนัก นี่เขากลายเป็นคนมีเมียจริง ๆ แล้วสินะ ถึงจะเป็นแค่เมียแต่งที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย แต่ว่างานพิธีการในวันนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับชีวิตเลยสักครั้ง หลังจากที่หายเข้าไปในห้องน้ำ ใบหน้าสวยของเจ้าสาวที่ถูกประทินโฉมด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ทำไมเธอดูสวยแปลกตามากกว่าทุกวันที่ผ่านมากันนะ หญิงสาวจับจ้องมองตัวเองภายในกระจกเงา แทนที่จะเป็นงานแต่งที่ควรจะมีความสุขมากที่สุด แต่ทำไมกลับรู้สึกทุกข์ใจเข้ามาแทนที่ คิดย้อนไปถึงคำพูดของมารดา ยิ่งทำให้เธอรู้สึกหนักอกหนักใจมากขึ้นไปอีก "ผัวแกรวยมากขนาดนี้ แกต้องกอบโกยเอาจากคนพวกนี้มาให้มันเยอะ ๆ เอามาแบ่งพี่แบ่งน้อง แบ่งแม่ของแกใช้บ้างนะนังอุ้ม แกอย่าอยู่สุขสบายคนเดียวแล้วปล่อยให้พี่น้องและแม่ของแกต้องลำบากเชียว อย่าทำตัวโง่และซื่อบื้อ เขาจะให้อะไรแกต้องรีบรับเอาไว้ให้หมดเข้าใจไหม!" คำบอกคำสอนแต่ละอย่าง ทำไมแม่ของเธอต้องคิดแบบคนเห็นแก่ตัวเช่นนั้นด้วยนะ ทั้งที่เธอก็ไม่ได้อยากจะได้เงินทองของคนเหล่านี้เลยแม้แต่นิด ถึงจะแต่งงานกับเขาเธอก็ยังจะทำงานและหาเลี้ยงตัวเองอยู่วันยังค่ำ คงไม่รอแบมือขอเงินใครเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอย่างที่แม่กับพี่น้องของเธอทำมาทั้งชีวิตหรอก "อดทนนะอุ้ม เธอเป็นผู้หญิงเก่ง เธอจะผ่านทุกปัญหาไปได้ด้วยดี" เป็นคำพูดที่เธอใช้ปลอบตัวเองทุกครั้งที่รู้สึกท้อ เวลาที่เหนื่อยกับชีวิตและมันก็ได้ผลมาตลอด หวังไว้แค่ว่าอนาคตเธอยังจะปลอบใจตัวเองได้ดีอย่างวันนี้ เธอไม่ได้คาดหวังกับชีวิตแต่งงานกับเศรษฐีอย่างปัทกรณ์เลย เพราะการแต่งงานไร้ซึ่งความรักมันจะจีรังยั่งยืนอยู่ไปได้สักกี่วันกี่เดือน แต่ถ้าหากว่าต้องถึงวันนั้นที่ทุกอย่างควรจะจบลง เธอก็พร้อมที่จะน้อมรับกับทุกความเจ็บปวดและเป็นฝ่ายที่เดินจากไปเสียเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม