ไบรอัน ลี ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-จีน-เยอรมัน ผู้สืบทอดสายเลือดผสมผสานจากแม่คนไทยแสนอ่อนโยน และพ่อผู้เป็นลูกครึ่งจีน-เยอรมันเจ้าระเบียบ เจ้าของธุรกิจระดับแถวหน้าของประเทศ
รูปลักษณ์ของเขานั้นดึงดูดทุกสายตาผิ วขาวแบบคนเอเชียตะวันออก แต่แฝงความคมแบบชาวยุโรป สูงใหญ่และดูภูมิฐานแม้ในยามสวมเสื้อยืดธรรมดาๆ
ชื่อของเขาไม่เพียงโด่งดังในวงการธุรกิจเพราะพ่อ แต่ยังเป็นที่รู้จักดีในหมู่ไฮโซสาวๆ ว่า... ไบรอันคือเสือผู้หญิงตัวพ่อ
เปย์หนัก...เที่ยวจัด...ใช้เงินอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง
เป็นต้นเหตุให้พ่อแม่ต้องถอนหายใจวันละหลายรอบ
อายุอานามก็ไม่ใช่น้อย พ่อแม่อยากให้เขา 'ลงหลักปักฐาน' เสียที อยากได้ยินเสียงเด็กเล็กวิ่งเล่นในบ้าน อยากอุ้มหลานมากกว่าฟังข่าวลูกชายใช้เงินเดือนละเจ็ดหลักหมดไปกับของไร้สาระและสาวสวยไม่ซ้ำหน้า
ไบรอันมีกฎไม่กี่ข้อในชีวิต และหนึ่งในกฎเหล็กที่เขาไม่เคยยอมละเมิดคือ เขาจะไม่มีวันยุ่งกับผู้หญิงที่ยังบริสุทธิ์
ไม่ใช่เพราะเขาไม่ชอบ...แต่เพราะเขาเคย "เป็นคนแรก" มาก่อน และนั่นคือแผลลึกที่ไม่เคยจาง
พราวฟ้า...ชื่อที่เขาไม่อยากเอ่ยถึงอีก แต่ไม่เคยลืมได้จริงๆ
เธอคือผู้หญิงคนแรกที่เขาคิดจะรักอย่างจริงจัง และเขาก็คือผู้ชายคนแรกของเธอ ทั้งทางร่างกายและหัวใจ
ตอนที่เลิกรากัน มันไม่ใช่แค่ความเสียใจธรรมดา แต่เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของตัวเขาถูกฉีกออกไปโดยไม่มีวันเอากลับมาได้อีก
เขาเสียศูนย์…หลุดจากกรอบชีวิต…
ใช้เวลานานนับปี กว่าจะฝืนยิ้ม กว่าจะนอนหลับโดยไม่ฝันถึงเธอ
นับตั้งแต่นั้น เขาจึงสร้างเกราะป้องกันตัวเองเอาไว้
ไม่อีกแล้ว…ไม่ขอเป็นผู้ชายคนแรกของใครอีกต่อไป เพราะเขารู้ดีว่ามันเจ็บ…ทั้งตอนที่เริ่ม และยิ่งปวดร้าวตอนจบ
คนอื่นอาจไม่คิดอะไรกับ “ครั้งแรก” แต่ไม่ใช่สำหรับไบรอัน
ตั้งแต่เด็ก แม่ของเขาสอนเสมอว่า
"ผู้หญิงที่ยอมมอบครั้งแรกให้ลูก...คือผู้หญิงที่ตั้งใจจะฝากชีวิตไว้กับลูก"
เขาเชื่อแบบนั้นเสมอมา และพราวฟ้าก็เป็นผู้หญิงคนนั้น…
ไบรอันวาดฝันถึงอนาคตที่มีเธออยู่เคียงข้าง เขาอยากแต่งงาน อยากมีลูก อยากสร้างครอบครัว
กับเธอ…เพียงคนเดียว
แต่ทุกอย่างพังลงไม่มีชิ้นดี
เมื่อความจริงเปิดเผยว่า แฟนสาวที่เขารักสุดหัวใจ แอบนอกใจเขามานานหลายเดือน และสุดท้ายก็เลือกจะเดินจากเขาไป…พร้อมกับผู้ชายอีกคน
และนั่น...คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงอยาก ‘ผูกปิ่นโต’ กับเด็กขายคนนั้น
หนึ่ง เธอสวย สะดุดตา รูปร่างหน้าตาโดนใจเขาแบบไม่มีข้อแม้ โดยเฉพาะหน้าอกคู่นั้น…ขาว อวบใหญ่ นุ่มน่าสัมผัส แค่เห็นก็อยากฝังหน้าลงไปทั้งวัน
สอง เธอเป็นของเขา เขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ สำหรับไบรอัน…เรื่องนี้ ‘สำคัญมาก’
แต่ที่เขายอมรับกับตัวเองไม่ได้ที่สุด
คือข้อสาม…
เขาไม่แน่ใจว่า มันเรียกว่าความหวงหรือความรู้สึกอื่น แต่แค่คิดว่าเธอจะกลายเป็น ‘ของขวัญให้ผู้ชายคนอื่น’ อารมณ์มันก็พลุ่งพล่านขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว
“ทำหน้าเครียดอะไรขนาดนั้นวะ”
พอนึกถึง ไอ้เพื่อนตัวดีที่สร้างเรื่องให้เขาต้องมานั่งปวดหัวอยู่แบบนี้ก็โผล่เข้ามา
ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ในไนน์คลับ คลับหรูใจกลางเมืองที่เขาซื้อกิจการต่อมาจากเจ้าของเดิมแบบเงียบๆ แม้จะไม่ป่าวประกาศว่าเป็นเจ้าของ แต่ทุกตารางนิ้วของที่นี่ล้วนเป็นไปตามมาตรฐานที่เขากำหนดไว้
เขาชอบมานั่งที่มุมเดิม โต๊ะเดิม จิบเหล้าเงียบๆ ท่ามกลางเสียงเพลงกับแสงไฟวูบวาบของค่ำคืน มันไม่ใช่แค่สถานที่พักผ่อน แต่เป็นเหมือนอาณาจักรเล็กๆ ที่เขาคุมเกมทุกอย่างไว้ในมือ
“กูควรจะถามมึงมากกว่านะ เห็นกูใช้ชีวิตสุขสบายทุกวัน เลยอิจฉาใช่ไหม ถึงได้หาเรื่องมาให้”
ไบรอันเอ่ยตอบเสียงเรียบ ก่อนจะยกแก้วบรั่นดีขึ้นจิบ แววตาแอบขุ่นกับเพื่อนรักอยู่นิดๆ แม้ในใจจะรู้ว่ามันก็แค่หวังดีในแบบของมัน
“อย่ามาทำฟอร์มหน่อยเลย แล้วไงล่ะ เสี่ย... ถูกใจไหม?”
มาวินไม่สนใจท่าทางขุ่นๆ ของเพื่อน เขาหยิบแก้วใบใหม่ขึ้นมารินเหล้าของตัวเองหน้าตาเฉย
“ก็ดี...”
คำตอบสั้นๆ หลุดจากปากคนตัวโต แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยภาพของหญิงสาวใบหน้าหวาน ร่างบางที่ส่งเสียงสั่นไหวในคืนวาบหวาม
เขาชอบเธอมากกว่าที่ยอมรับ แม้จะขัดกับกฎเหล็กที่เขาตั้งไว้ก็ตาม
“หึ”
มาวินหัวเราะเบาๆ อย่างรู้ทัน ท่าทางของไบรอันมันฟ้องทุกอย่าง จนเขาเริ่มอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาจริงจังเสียแล้ว
“มึงคงไม่ว่าอะไรนะ ถ้ากูจะลองเด็กคนนั้นบ้าง...”
เขาแกล้งพูดหยอกๆ พลางจิบเหล้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สายตาแอบจับจ้องปฏิกิริยาเพื่อนรักอยู่เงียบๆ
“ไม่ได้! กูขอผูกปิ่นโตน้องเขาแล้ว”
เสียงทุ้มดังขึ้นทันควัน ราวกับลืมตัว ไบรอันขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะหันไปสบตาเพื่อนที่ตอนนี้ยิ้มกว้างอย่างผู้ชนะ
“โห...ขนาดเลี้ยงไว้กินยาวเลยเหรอเพื่อนกู” มาวินหัวเราะสะใจ พลางตบโต๊ะเบาๆ อย่างขำขัน
ไบรอันไม่ตอบอะไรอีก เขาหยิบแก้วขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว ปล่อยให้แอลกอฮอล์ช่วยกลบเกลื่อนทุกอย่าง ทั้งความเขิน ทั้งความรู้สึกที่เขายังไม่อยากยอมรับ…
อย่าให้ถึงทีเขาบ้างก็แล้วกัน!
ค่ำคืนนี้ไนต์คลับดูคึกคักเป็นพิเศษ คงเพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ผู้คนที่ทำงานหนักมาตลอดทั้งอาทิตย์ต่างพากันออกมาปลดปล่อย คลายความเหนื่อยล้าท่ามกลางแสงไฟสีสันและเสียงเพลงจังหวะเร้าใจ
สำหรับอลิสามันเป็นอีกคืนที่เหนื่อยกว่าปกติ เธอต้องเร่งฝีเท้าให้ทันกับออร์เดอร์ที่หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ขาแทบไม่หยุดเดิน วิ่งเสิร์ฟโต๊ะนั้นที โต๊ะนี้ที แล้วก็ยังมีอีกไม่รู้จบ
เหงื่อชื้นหลัง ร่างกายล้า มือก็แทบไม่ว่างเว้นจากการถือถาด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่บ่นสักคำ เพราะข้อดีของการที่ลูกค้าแน่นร้านก็คือ... ทิปในกระเป๋าเธอก็จะแน่นขึ้นตามไปด้วย
"นั่นแอลรึเปล่า?"
เสียงแหลมตะโกนแข่งกับเสียงเพลงดังสนั่นในไนต์คลับ อลิสาหันไปตามเสียงเรียก ก่อนใบหน้าหวานจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาโดยอัตโนมัติ เธอทำท่าจะหมุนตัวเดินหนี แต่ก็ช้าไป…
แฟนใหม่ของแฟนเก่า
อลิสาไม่เคยโกรธเลย ที่แฟนหนุ่มจะเลือกยุติความสัมพันธ์สองปีครึ่งกับเธอ เพื่อไปคบหากับกิ่งแก้ว ลูกสาวอธิบดีประจำมหาวิทยาลัย ก็ไม่แปลกอะไร ผู้หญิงที่เพียบพร้อมทั้งชาติตระกูลและฐานะ ย่อมดูดีกว่าเด็กกำพร้าที่ต้องดิ้นรนเลี้ยงตัวเองแบบปากกัดตีนถีบอย่างเธออยู่แล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้เธอข่มความรู้สึกไม่ลงกลับไม่ใช่เรื่องของแฟนเก่า หากแต่เป็นกิ่งแก้ว
ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง เรียนคลาสเดียวกันแทบตลอด กิ่งแก้วดูจะไม่ชอบหน้าเธอตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน เหตุผลน่ะหรือ? อลิสาเองก็ไม่แน่ใจนัก บางทีอาจเป็นเพราะเธอจนเด่นเกินไป ทั้งที่ต่ำต้อย แต่กลับทำคะแนนได้ดีทุกเทอม จนขึ้นไปติดอันดับต้น ๆ ของรุ่น
แม้ปากจะบอกว่าไม่เสียใจ แต่อลิสาเองก็เคยหลั่งน้ำตา อาการของคนอกหักใครบ้างที่ไม่เสียน้ำตา
ทว่าเธอไม่มีเวลาจะฟูมฟายได้นานนัก
เรื่องปากท้องกับอนาคตของน้องชายสำคัญกว่า ความเสียใจแม้มิอาจลบเลือน เธอก็ฝืนเก็บมันลงไปในส่วนลึกของหัวใจ กดทับไว้จนแน่น ไม่ยอมให้มันโผล่ขึ้นมาทำร้ายเธออีก
“จะไปไหนยะ? เพื่อนฉันเรียก หูแตกหรือเปล่า?”
เสียงแหลมสูงแทรกขึ้นแข่งกับจังหวะดนตรีในคลับที่ดังกระหึ่ม หนึ่งในกลุ่มนั้นตวาดใส่ด้วยท่าทางถือดี
อลิสาสูดลมหายใจลึก รวบรวมสติและความอดทนไว้เต็มปอด
คืนนี้เธอไม่ต้องการมีเรื่อง ที่นี่คือที่ทำมาหากิน เป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตเธอกับน้องชาย
เธอกำมือแน่นนิดหนึ่งก่อนจะคลายออกอย่างนุ่มนวล จากนั้นจึงหันกลับไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่งอย่างมืออาชีพ แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มแต่ห่างเหิน
“ลูกค้าต้องการสั่งอะไรดีคะ?”
เพียงแค่นั้น รอยยิ้มเยาะเย้ยก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของอีกฝ่าย พวกเขาดูจะพึงพอใจอย่างประหลาดที่ได้เห็นเธอยอมลดตัวลงมา
“บลูมาการิต้ากับลิเคียวแบบเข้ม ๆ แล้วเธอเอามาเสิร์ฟเองด้วย”
กิ่งแก้วเป็นคนสั่ง เสียงของเธอราบเรียบแต่แฝงความยโสเต็มเปี่ยม ขณะนั่งไขว่ห้างด้วยท่าทีสูงส่งราวกับราชินี
กลุ่มของเธอประกอบไปด้วยหญิงสาวสามคน ชายหนุ่มอีกสองคน วัยไล่เลี่ยกันทั้งสิ้น บรรดาทายาทคุณหญิงคุณนายที่มีพร้อมทุกอย่างในชีวิต... ยกเว้นความสามารถ