ตกตะลึงกันทั้งห้อง

1874 คำ
รถเบนซ์สีดำคันหรูที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานถูกขับมาจอดเทียบลานจอดรถของคณะนิติศาสตร์ สาวสวยเจ้าของรถยื่นต้นขาเรียวยาวที่สวมรองเท้าส้นแหลมซึ่งเพิ่งถอยออกมาใหม่จากแบรนด์ดังก้าวลงจากรถ สายตาหลายคู่ต่างจับจ้องมองเธอโดยเฉพาะชายหนุ่มโสดทั้งหลาย หัวไหล่สะพายกระเป๋าแบรนด์เนมในมือโอบอุ้มประมวลกฎหมายเล่มหนาเดินตรงเข้ามายังห้องบรรยาย คนมาสายค่อยๆ ย่องเข้ามาในห้องลัดเลาะไปยังที่นั่งประจำของเธอและกลุ่มเพื่อน “สิบนาทีเป๊ะ” เมื่อประจำที่นั่งของตัวเองแล้ว อังเปาก็หันไปขยิบตาให้นะโม รอบนี้เธอไม่สายเลยแม้แต่วินาทีเดียว “ห้องบรรยายสองเปิดแอร์ยิ่งขั้วโลกเหนือ แกใส่มาแบบนี้ไม่หนาวบ้างหรือไง” ลูกตาลเพื่อนสนิทอีกคนของอังเปาสะกิดถามหลังจากเห็นเสื้อผ้าของเพื่อนรักที่มันค่อนข้างวาบหวิวชวนให้รู้สึกสยิวกิ้ว “หนาวสิ แต่สวยไงฉันทนได้” “ความสวยทำให้คนเป็นบ้า ฉันเชื่อละ” “แหมฉันบ้าก็ดีกว่ายายเพิ้งแบบแกก็แล้วกัน มาเรียนทั้งทีไม่หัดแต่งตัวให้มันดีๆ บ้าง แบบนี้เมื่อไหร่จะมีแฟน” “สวยสยองแบบแกก็ไม่เห็นมีเหมือนกันนั่นแหละ” เสียงจ้อกแจ้กถกเถียงกันของทั้งสองคนดึงดูดสายตาให้อาจารย์ที่กำลังสอนอยู่หน้าชั้นเรียนหันมอง พวกเธอกำลังถูกอาจารย์หมายหัวเข้าแล้ว “กุลจิรา ภาคินีลุกขึ้น!” พรึ่บ! สิ้นเสียงของอาจารย์ทั้งลูกตาลและอังเปาต่างลุกขึ้นยืนพร้อมกัน สายตาของนักศึกษากว่าหกสิบคนต่างหันมองพวกเธอ แม้กระทั่งคนที่กำลังหลับอย่างขนมผิงเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มก็ตื่นขึ้นด้วยอาการงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอนะโม” คนไม่รู้เรื่องสะกิดถามเพื่อนสาว นะโมได้แต่ถอนหายใจแล้วเอ่ยตอบ “เหมือนเดิม” คำตอบนั้นทำให้ขนมผิงเข้าใจในทันที เพื่อนรักสองคนนี้มักจะทะเลาะกันเป็นประจำโดยเฉพาะในคาบเรียน “พวกเธอคุยอะไรกันจ้ะ อาจารย์สอนอยู่หน้าห้องยังได้ยินเสียงทำเอาอาจารย์อยากรู้ไปด้วยเลย” สองคนได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้อาจารย์ งานนี้พวกเธอแถยากแล้ว “อาจารย์เก่งจังเลยนะคะ จำชื่อพวกหนูได้ด้วย” ลูกตาลเอ่ยติดตลก “แหมก็ภาคินีเล่นทะเลาะกับกุลจิราในคาบอาจารย์เกือบทุกครั้งไม่ให้จำได้ก็แปลกสิ แล้วรอบนี้เถียงกันเรื่องอะไรหื้มใช่เรื่องที่อาจารย์กำลังสอนหรือเปล่า” “ใช่ค่ะ เรื่องที่อาจารย์กำลังสอนเลย” อังเปาโพล่งตอบ โดยที่ยังไม่ทันรู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อาจารย์ของเธอกำลังสอนเรื่องอะไร ลูกตาลหันมองหน้าเพื่อนดังพรึ่บ อังเปาตอบอาจารย์ออกไปเช่นนี้งั้นต่อไปก็... “ดีจ้ะ! คนขยันเรียนอาจารย์ชอบ งั้นทั้งภาคินีและกุลจิราช่วยบอกหน่อยสิจ้ะว่าเหตุในการหย่ามีกี่ข้อ” “ซวยแล้วไง” ลูกตาลแทบจะกุมขมับในทันที เมื่อกี้ก่อนที่อังเปาจะมาเธอฟังอาจารย์พูดไปเพียงสามข้อเท่านั้น หลังจากนั้นก็ลากคุยกันยาวไม่ได้ฟังเลยสักนิด “เอ่อคือ...” “ตอบไม่ได้สินะ งั้นไม่เป็นไรลองบอกอาจารย์มาคนละสามข้อ ตอบได้อาจารย์ก็จะให้นั่ง แต่ถ้าตอบไม่ได้อาจารย์ก็จะให้พวกเธอทั้งสองคนมานั่งหน้าห้องข้างๆ อาจารย์ แบบนี้อาจารย์จะได้รู้ด้วยว่าพวกเธอคุยอะไรกันดีไหม” “รอบนี้อาจารย์โหดจัง นะโมช่วยหน่อยสิ” ขนมผิงกระซิบกระซาบกับนะโม แต่ทว่ากลับถูกสายตาพิฆาตของอาจารย์ตวัดมอง “สองสาวที่นั่งข้างกุลจิราหากไม่อยากให้เพื่อนเธอถูกคำถามยากกว่านี้ก็นั่งเฉยๆ นะจ้ะ ห้ามช่วยเพื่อน” อาจารย์เอ่ยดักทางอย่างรู้ทัน ลูกตาลสามารถตอบได้เพราะสามข้อแรกที่อาจารย์กล่าวมาเธอจำได้หมด แต่ทว่าหากเธอตอบออกไปอังเปาก็จะกลายเป็นเป้าสายตาเพียงลำพัง เธอจึงเลือกไม่ตอบแทนอย่างน้อยก็จะได้อยู่เป็นเพื่อนกันสองคน “ได้ค่ะอาจารย์ หนูจะตอบสามข้อตามที่อาจารย์ถาม” ฟึ้บ! คำพูดของอังเปาทำให้เพื่อนอีกสามคนต่างหันมองเธอด้วยแววตาประหลาดใจ ทั้งที่เธอเพิ่งเข้ามาและไม่ได้ฟังอาจารย์เลยสักนิดจะตอบได้อย่างไร “แต่หนูขอตอบแทนในส่วนของภาคินีด้วย เพราะหนูเป็นฝ่ายชวนเพื่อนคุยทำให้เพื่อนไม่ได้สนใจสิ่งอาจารย์สอน” “ทำอะไรของแกน่ะอังเปา” อังเปายังจ้องหน้าอาจารย์อย่างแน่วแน่ ไม่บ่อยนักที่ทุกคนจะเห็นอังเปาในมุมนี้ การกระทำของเธอสร้างความประหลาดใจให้หลายคนไม่ใช่น้อยโดยเฉพาะอาจารย์ของเธอ “ได้สิ งั้นภาคินีนั่งลงและกุลจิราตอบอาจารย์หกข้อ ทำได้ไหม” “ได้ค่ะ จะให้หนูตอบทั้ง 10 อนุในมาตรา 1516 ก็ได้” ท่าทางมั่นใจและแววตาแน่วแน่ของอังเปาทำให้อาจารย์ประจักษ์แล้วว่ารอบนี้เด็กคนนี้ไม่ได้แค่โอ้อวดความรู้ แต่อาจจะรู้จริง งั้นเธอเองก็อยากลองพิสูจน์ดูเหมือนกัน “ไหนลองว่ามาสิจ้ะ” “อนุที่ 1 สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้” คำตอบแรกทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง ถ้อยคำของอังเปาไม่ตกหล่นไปเลยแม้แต่ประโยคเดียว เธอเอ่ยราวกับว่าได้อ่านข้อความเหล่านี้อยู่ในหัว “วันนี้มันกินอะไรผิดสำแดงมาวะเนี่ย” ลูกตาลพึมพำด้วยอาการตกใจ ปกติอังเปาไม่เคยสนใจตำราเรียนเลยแม้แต่น้อย ที่ทำสอบได้ก็จำไปแค่สิ่งที่นะโมติวให้เท่านั้น และขนาดนะโมติวให้แล้วเกรดของอังเปาก็ไม่ออกมาสวยหรูเหมือนคนอื่น เธอถือคติแค่ว่าเรียนเอาผ่านไม่เอาเต็ม “เยี่ยม งั้นอนุต่อไปหากเธอตอบได้โดยที่ไม่ตกหล่นเลยสักคำแบบอนุแรกอาจารย์จะให้เธอนั่งลงทันที” อังเปาเหยียดยิ้มมุมปากและเอ่ยตอบ หน้าเธอมั่นใจจนเพื่อนๆ ต่างเริ่มหายกังวล “สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง หรือได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้” สิ้นเสียงของอังเปาเพื่อนๆ ในห้องต่างกรูเสียงปรบมือให้เธออย่างล้นหลาม ทั้งที่ถ้อยความในมาตรานี้ยาวเหยียดแต่อังเปากลับสามารถเอ่ยตอบได้โดยที่ไม่ขาดตกบกพร่องเลยสักคำ 3 ชั่วโมงผ่านไป “เมื่อกี้ในห้องทำได้ไงอ่ะ นี่แกไปแอบอ่านหนังสือล่วงหน้ามาเหรอ” ลูกตาลยังคงตะลึงในความสามารถของเพื่อน “หึ เพราะฉันมันเก่งไง คนอะไรทั้งสวยทั้งเก่งเพอร์เฟกต์ชะมัด” “โรคหลงตัวเองของแกก็เพอร์เฟกต์เหมือนกัน” ลูกตาลว่าพลางส่ายหัว นะโมที่เดินมาด้วยกันก็ยกยิ้มอ่อนมองเพื่อนสองคนทะเลาะกัน ส่วนขนมผิงผู้ชื่นชอบขนมหวานก็ไม่สนใจอะไรนอกจากไดฟูกุชิ้นโตในมือตัวเอง “แล้วพวกแกจะไปไหนต่อ” อังเปาเอ่ยถาม “ฉันมีนัดกินข้าวกับพี่โยธาที่คณะวิศวะ” “ดี! งั้นพวกเราไปกินข้าวคณะวิศวะกัน” “เดี๋ยวไอ้เปา! ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเลยนะ” “หรือแกจะทิ้งเพื่อนล่ะ ฉันไป นะโมไป ส่วนยัยผิง...” อังเปามองเพื่อนของเธอที่กำลังจดจ่ออยู่กับไส้ไดฟูกุพลันยกยิ้ม “เรื่องของกินยัยผิงไปชัวร์เนอะผิงเนอะ” “ได้สิ จะไปกินอะไรกันเหรอ” “ข้าวที่คณะวิศวะ ไปไหม” “ไป! มีร้านหนึ่งที่พี่เดย์บอกว่าอร่อยแต่ฉันยังไม่มีโอกาสไปชิมสักที” “เป็นไง ที่นี้เหลือแกละจะไปหรือไม่ไปจ้ะ” “เออๆ ไปก็ได้วะ” เมื่อตกลงกันได้ทั้งสามคนจึงขึ้นรถอังเปาไปยังคณะวิศวะ แต่ละคนต่างมีเป้าหมายแตกต่างกัน นะโมไปหาโยธาแฟนหนุ่มของเธอ ขนมผิงไปหาของกินและถือโอกาสซื้อไปฝากเดย์แฟนหนุ่มรุ่นพี่คณะสัตวแพทย์ ลูกตาลไม่ได้มีเป้าหมายอะไรแค่ไหลไปตามเพื่อน ส่วนอังเปา...เธอแค่มาเหล่หนุ่มเล่นเท่านั้น ช่วงนี้เธอเบื่อพวกผู้ชายในแค็ตตาล็อกแล้วจึงเขี่ยทิ้งไปเกือบหมด “ตอนอยู่ในห้องเปาเก่งจัง ฉันยังจำไม่ได้เลยสักข้อ” “แกดีเลย์อีกแล้วนะผิง เขาพูดเรื่องนี้จบกันไปนานแล้วยัยบ๊อง” ลูกตาลว่าพลางเขกหัวเพื่อนสนิทไปหนึ่งทีเบาๆ “อ้าว ก็ไม่รู้นี่” “เห็นแก่ที่พวกแกตะลึงในความสามารถ ฉันบอกความจริงก็ได้” ทุกคนต่างเงียบรอฟังสิ่งที่อังเปากำลังจะพูด “ความจริงฉันท่องได้แค่มาตราเดียวนี่แหละ ทั้งเล่มมีแค่มาตรานี้เท่านั้นที่ฉันจำได้ขึ้นใจ” คำตอบนั้นทำให้เพื่อนทุกคนต่างเข้าใจดีและไม่คิดจะเอ่ยถามต่อ โดยเฉพาะนะโมที่รู้จักอังเปามาก่อนใครและเข้าใจความรู้สึกอังเปามากที่สุด มาถึงคณะวิศวะทั้งสี่สาวต่างเดินเรียงหน้ากระดานเข้ามาพร้อมกัน ความสวยน่ารักของแต่ละคนต่างโดดเด่นและเอกลักษณ์จนเรียกสายตาให้คนอื่นมอง “ชอบจังเวลาเดินไปไหนแล้วเด่นเนี่ย” “ชอบไปคนเดียวสิ ฉันล่ะเกลี๊ยดเกลียดไม่รู้จะมองอะไรกันนักหนา” “สวยไงคนเลยมอง” ไม่ทันไรอังเปาและลูกตาลก็เริ่มตีกันอีกครั้ง “เห้ย! ระวัง!!” โป้ก! ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก ร่างอังเปาล้มลงไปนั่งกองอยู่กับเพื่อนอย่างไม่ทันตั้งตัว หัวของเธอถูกลูกบอลเตะอัดเข้าอย่างจังซ้ำยังโดนข้างแก้มอย่างจังจนแดงเถือกไปทั้งซีก “โทษทีไม่ได้ตั้งใจเป็นอะไรไหม” อังเปากัดฟันกรอดด้วยความโมโห ตอนนี้เธอทั้งเจ็บทั้งอายโดยเฉพาะอย่างหลังที่ทำให้เธอแค้นไอ้นักเตะคนนี้เป็นพิเศษ ขอดูหน้ามันหน่อยซิ้! นี่มัน...มาอยู่ที่นี่ได้ไง ____________ ไรท์จะอัพนิยายทุกวัน เวลา07.00 น. นะค้าบบบ หากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรจะมาแจ้งอีกครั้ง คอมเมนต์พูดคุยกับไรท์ได้น้า ไรท์อ่านทุกคอมเมนต์เลย 💕 มาจอยไปด้วยกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม