ปุณณ์เอนหลังพิงพนัก มือใหญ่กดปากกาลงบนโต๊ะเสียงดัง
“สัญญาที่พ่อผมทำไว้กับครอบครัวคุณ ชัดเจนว่าครอบครัวคุณเป็นหนี้ และคุณคือคู่หมั้นของผม หนีไม่ได้หรอก” ชายหนุ่มยักไหล่เล็กน้อย สายตาของเขามองเธออย่างประเมินว่าเขาไม่รู้ว่าเธอจะมาไม้ไหน เขาคงต้องเตรียมรับมือ ผู้หญิงตัวเล็กๆที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้วแหละ
“แต่…” จันทร์เจ้ากัดริมฝีปากแน่น สบตาเขาด้วยความกล้า “ฉันอยากขอผ่อนผันหนี้ค่ะ หนี้ห้าล้านฉันยอมชำระเป็นรายเดือน ถึงจะนานหน่อย แต่ฉันสัญญาว่าจะไม่เบี้ยว ไม่หนี” เมื่อตอบออกไปจันทร์เจ้าก็ลุ้นเป็นอย่างมากว่าเขาจะยอมรับเงื่อนไขของตัวเองหรือเปล่า แต่สายตาของเขามันไม่บ่งบอกเลยว่า เขาจะยอมรับเงื่อนไขของเธอหรือไม่ สิ่งเดียวที่เธอทำได้ก็คือรอคำตอบจากปากเขาสินะ
แววตาคมกริบหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนปุณณ์หัวเราะในลำคอเสียงต่ำ
“รายเดือน? คุณคิดว่าหนี้ห้าล้านมันใช่เงินกู้ผ่อนบ้านหรือยังไง? คุณคิดว่าผมจะรอเงินจากผู้หญิงที่ยังไม่มีงานทำเหรอ”
จันทร์เจ้าหน้าแดงซ่านด้วยทั้งความอับอายและความโกรธ “ฉันไม่ได้ขอให้คุณเชื่อ ฉันแค่ขอโอกาสพิสูจน์” เมื่อตกเป็นรอง จันทร์เจ้าก็ต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาเห็นใจ แต่วินาทีต่อมาเธอก็รู้ว่านอกจากเขาจะไม่เห็นใจแล้วเขายังไม่พอใจอย่างรุนแรง
เสียงฝ่ามือใหญ่ฟาดลงบนโต๊ะ ปัง!! จนเธอสะดุ้งเฮือก
“ไม่ต้องพิสูจน์อะไรทั้งนั้น คุณไม่มีสิทธิ์ต่อรอง! หนี้ที่ครอบครัวคุณติดไว้ ผมต้องการชดใช้ด้วยการแต่งงาน ไม่ใช่เงินรายเดือน มันเศษเงินสำหรับผม” น้ำเสียงเข้มดุดันราวกับคำพิพากษา จันทร์เจ้ากัดฟันกลั้นน้ำตา เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายตรงหน้าจะโหดเหี้ยม เย็นชา และเด็ดขาดถึงเพียงนี้
หัวใจเธอเต้นแรงด้วยทั้งความหวาดกลัวและความเจ็บปวด นี่หรือคือว่าที่สามีที่ชะตากำหนดให้ต้องอยู่ด้วยกันไปชั่วชีวิต นี่มันเวรกรรมอะไรของเธอ จันทร์เจ้าแทบอยากจะร้องไห้ออกมา เธอต้องอยู่กับผู้ชายโหดเหี้ยมอย่างเขาจริงๆ หรือ เรื่องแบบนี้มันเกิดแต่กับเธอสินะ เรียกได้ว่ามีความซวยติดตัวมาตั้งแต่เกิด
ดวงตากลมโตของจันทร์เจ้าเบิกกว้าง ร่างกายแข็งทื่อราวกับถูกตรึงไว้กับพื้นเมื่อเสียง ปัง!! ของฝ่ามือหนาก้องสะท้อนในห้องทำงานหรู
นี่เขาจริงจังขนาดนี้เลยหรือ…?
หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบทะลุอก สมองพยายามประมวลผลหาทางรอด แต่ทุกความคิดกลับปะทะเข้ากับความจริงที่น่ากลัว ผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่คนธรรมดา เขาคือปุณณ์ทายาทนักธุรกิจใหญ่ที่เป็นเจ้าหนี้ครอบครัวเธอ และเขาไม่ได้เปิดโอกาสให้เธอแม้แต่น้อย เขาต้องการเรียกร้องสิทธิ์ของเขาจากเธอ
ถ้าฉันขัดขืน จะเกิดอะไรขึ้นกับพ่อแม่? หนี้สินห้าล้าน เราจะหาเงินที่ไหนมาใช้? แล้วถ้าฉันยอม ฉันจะต้องตกเป็นของผู้ชายที่ไม่เคยรักเลยอย่างนั้นหรือ หลากหลายคำถามมันผุดขึ้นในหัวของเธอ
ความสับสนถาโถมเข้ามาเหมือนคลื่นยักษ์ ร่างเล็กเผลอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว
สายตาคมกริบของปุณณ์กวาดมองเธอ ริมฝีปากบางยกขึ้นเพียงนิด คล้ายเย้ยหยัน
“ทำไม? กลัวงั้นสิ แต่คุณไม่มีทางเลือกหรอก คุณจะต้องเป็นของผมอยู่ดี”
คำพูดนั้นเหมือนโซ่ตรวนกระชากหัวใจเธอไปกักขังในกรงเหล็ก จันทร์เจ้ากำมือแน่น เลือดไหลเวียนร้อนระอุไปทั่วร่าง
ไม่!! ฉันจะไม่ยอมเป็นเหยื่อของเขา ถึงจะจนตรอก แต่ฉันต้องหาทางออกให้ได้
เธอเงยหน้าขึ้น แม้ดวงตาจะสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว แต่ในแววตาก็เริ่มมีประกายแข็งกร้าวซ่อนอยู่เช่นกัน
“ไม่…ฉันไม่มีทางยอมเป็นเมียมาเฟียอย่างคุณหรอก” เสียงของจันทร์เจ้าเบาแต่หนักแน่น จนปุณณ์ต้องเลิกคิ้ว
หัวใจเธอสั่นไหวจนแทบระเบิด ความกลัวปะทะกับความดื้อรั้นในอก ความถูกต้องต่อสู้กับความจนตรอก ทุกอย่างสับสนตีกันจนเธอแทบหายใจไม่ออก
ถ้าฉันปฏิเสธเด็ดขาด พ่อแม่จะลำบาก หนี้สินห้าล้านฉันไม่มีทางหาใช้ทันเวลา แต่ถ้าฉันยอม ฉันก็ต้องผูกพันชีวิตกับผู้ชายที่เต็มไปด้วยอำนาจมืด คนที่ทำธุรกิจสีเทา คนที่พร้อมจะบดขยี้ฉันให้แหลกสลายไปทั้งชีวิต ฉันจะทำยังไงดี ฉันจะหาทางออกเรื่องนี้ได้ยังไง
เธอเม้มริมฝีปากแน่น ความคิดพรั่งพรูในสมองเหมือนคนกำลังวิ่งหนีอยู่ในเขาวงกต
หรือฉันควรยื้อเวลา? ขอผ่อนผันไปก่อน ให้เขาใจเย็นลง แล้วหาทางหนีทีไล่ทีหลัง
มือเรียวบีบเข้าหากันจนข้อนิ้วขาวซีด เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“คุณปุณณ์ ถ้าฉันบอกว่าจะทำตามสัญญาหมั้น แต่ขอเวลาอีกหน่อย คุณจะยอมไหม” จันทร์เจ้าตัดสินใจเอ่ยออกมา ทั้งที่เธอไม่รู้เลยว่าผลของการเอ่ยออกมาเช่นนั้น มันจะทำให้เธอได้รับการปฏิบัติเช่นใดจากเขา
คำพูดนั้นทำให้ห้องทั้งห้องเงียบกริบ ปุณณ์เอนตัวมาข้างหน้า ดวงตาคมกริบทอดมองร่างเล็กตรงหน้า ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อย แต่แววตาเต็มไปด้วยอำนาจที่เหนือกว่าหญิงสาวชัดเจน
“คุณกำลังคิดจะเล่นเกมกับผมอยู่ใช่ไหม จันทร์เจ้า?” เสียงทุ้มเข้มก้องในอกของเธอ “อย่าคิดว่าผมจะปล่อยให้คุณหนีได้ คุณเป็นของผมตั้งแต่วันที่พ่อคุณเซ็นสัญญาแล้ว” ชายหนุ่มแสดงความเป็นเจ้าของเธอออกมาอย่างเต็มที่
หัวใจจันทร์เจ้าเหมือนถูกตอกตะปูตรึงไว้ ไม่มีทางหนีง่ายๆ อย่างที่คิดอีกแล้ว