หัวใจเธอตีกันระหว่าง ศักดิ์ศรีที่ไม่อยากยอมเป็นเมียของมาเฟีย กับความจนที่มัดตรึงเธอไว้จนดิ้นไม่หลุด
และตรงหน้าก็คือผู้ชายที่จ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา ผู้ชายที่มีอำนาจจะทำลายทุกสิ่งที่เธอรักได้เพียงชั่วพริบตา
จันทร์เจ้าหอบหายใจหนัก ใบหน้าซีดเผือด มือสั่นเล็กน้อย แต่ในสมองเต็มไปด้วยความคิดที่วิ่งวุ่น
ฉันไม่มีทางหลีกหนีจากเขา เขาเป็นระดับมาเฟีย ถ้าไม่จ่ายหนี้ เขาฆ่าฉันแน่ แต่ฉันไม่อยากให้พ่อแม่ต้องลำบากเพราะฉัน ฉันควรจะทำยังไงดี
เธอสูดลึกก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาคมเข้มของปุณณ์ ดวงตาของเขากวาดมองราวกับกำลังอ่านทุกความคิดที่เธอพยายามซ่อน แต่ไม่ว่าอ่านยังไง เขาก็รับรู้ว่าเธอไม่มีทางหาทางออกให้กับเรื่องนี้ได้ นอกจากยอมเป็นภรรยาเขาเท่านั้น
“คุณปุณณ์” น้ำเสียงเธอสั่น แต่แฝงความเด็ดเดี่ยว “ฉันไม่สามารถหาเงินห้าล้านทันทีได้ แต่ฉันเสนอทางออกอีกทางหนึ่ง” คนตัวเล็กตัดสินใจเสนอเงื่อนไขบางอย่างที่เธอเพิ่งคิดสดขึ้นมา มันเป็นเงื่อนไขที่บ้ามาก แต่เธอก็คิดว่าดีกว่าการที่เธอจะต้องอยู่กับเขาไปชั่วชีวิต
ปุณณ์ขมวดคิ้ว ดวงตาแวววาวด้วยความสงสัย
“พูดมา”
จันทร์เจ้ากัดฟันแน่น พลางยกมือสั่นๆ ขึ้น
“ฉันขอเป็นนางบำเรอของคุณ” ทันทีที่หญิงสาวพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมห้องทันที ดวงตาคมของปุณณ์เบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะต่ำในลำคอ เสียงหัวเราะนั้นเย็นชาและแฝงความเหนือกว่า
“นางบำเรอ?” เขาย้ำช้าๆ ราวกับคิดตามคำพูดนั้น
“คุณกล้าขนาดนี้เลยเหรอ คิดว่าการยื่นตัวเองมาแบบนี้จะทำให้ผมใจอ่อนงั้นเหรอ คนดีๆ เขาไม่คิดเรื่องแบบนี้หรอกนะ จะให้แต่งงานเป็นภรรยาออกหน้าออกตาไม่เอา นี่มาเสนอตัวเป็นนางบำเรอ ปกติหรือเปล่า?”
หัวใจจันทร์เจ้าสั่นแรง น้ำตาคลอเบ้า แต่ในสมองกลับเย็นชาที่สุด เธอรู้ดีว่าการตัดสินใจนี้ แม้จะอันตรายที่สุด แต่เป็นหนทางเดียวที่เธอสามารถปกป้องครอบครัวและหลีกเลี่ยงการตกเป็นภรรยาเต็มตัว
เธอต้องทำ แม้ว่ามันจะเจ็บปวด แต่ถ้านี่คือทางรอดของพ่อแม่และตัวเธอเอง เธอก็ต้องเลือก
ปุณณ์สบตาจันทร์เจ้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนริมฝีปากจะโค้งเป็นรอยยิ้มเย็นชาราวกับเย้ยหยันความกล้าของเธอ
“หึ…คุณกล้าเสนอเงื่อนไขแบบนี้ได้จริงๆ หรือ?”
น้ำเสียงทุ้มต่ำ แฝงความเหนือกว่า ทำให้หัวใจจันทร์เจ้าสั่นระริก
จันทร์เจ้าก้มหน้า ไม่กล้าสบตาเขา แต่เสียงในใจกลับสั่นสะท้าน เธอทำถูกแล้วใช่ไหม เธอเริ่มสับสนในตัวเอง
ปุณณ์เงียบไปพักใหญ่ เขาก็ค่อยๆ คิด ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ แต่ทว่าหนักแน่นเหลือเกิน
“ในเมื่ออยากเป็นนัก ผมก็จะให้คุณได้เป็น แต่ยอดเงินมันมากเหลือเกิน ไม่รู้ว่าค่าตัวของคุณมันจะคุ้มกับเงินที่ผมเสียไปหรือเปล่า หนึ่งปีมันน่าจะเหมาะสมที่คุณจะต้องอยู่ที่นี่ในฐานะนางบำเรอของผม”
จันทร์เจ้ารู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน หัวใจเต้นแรง แต่ก็เต็มไปด้วยความโล่งใจเล็กๆ
“และหลังจากนั้น หนี้ห้าล้านที่ครอบครัวคุณติดไว้ จะถือว่าจบสิ้นทั้งหมด” เสียงเขาตอกย้ำความจริงด้วยน้ำเสียงเข้ม “หมดทุกบาททุกสตางค์ แต่จำไว้ในระหว่างนี้ ตัวคุณเป็นของผม"
จันทร์เจ้ากัดริมฝีปากแน่น น้ำตาคลอเบ้า แต่ในใจตั้งมั่น เธอจะต้องผ่านมันไปให้ได้ ก็ยังดีกว่าการอยู่กับเขาตลอดชีวิตหนึ่งปีมันไม่นานหรอก แป๊บๆ ก็หนึ่งปีแล้ว อดทนให้ได้สิฟอง เธอต้องอดทนให้ได้
แม้จะต้องเจ็บปวด แม้จะต้องสยบให้กับเขา แต่นี่คือทางรอดของเดียวของเธอ เธอต้องเลือกทางที่ไม่ได้อยากเลือกเลยสักนิด
ปุณณ์พยักหน้าเล็กน้อย ยิ้มมุมปากแบบพอใจ ก่อนจะผ่อนน้ำหนักความเข้มลงเล็กน้อย แต่ความดุดันในแววตายังคงเต็มเปี่ยม
“งั้นถือว่าผมยอมรับข้อเสนอของคุณ แต่จำไว้ ไม่ว่าผมอยากได้คุณที่ไหน เมื่อไหร่ก็ต้องได้” น้ำเสียงของเขาเย็นชาเหลือเกิน เย็นชาจนเธอคิดว่าผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ
จันทร์เจ้าสูดลมหายใจลึก พลางก้มหน้ารับชะตากรรมของเธอกับมาเฟียปุณณ์เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
จันทร์เจ้าหลับตาลงชั่วครู่ มือเรียวบีบเข้าหากันแน่น ใบหน้าแดงซ่านด้วยความตกใจและความกลัว
หนึ่งปี…นี่เขาต้องการฉันนานขนาดนั้นเลยเหรอ…
หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบทะลุอก สมองพยายามประมวลผลแต่ก็วนไปวนมาด้วยความสับสน
แต่ไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ถ้าไม่ยอม เธออาจต้องตกเป็นเมียของเขาตลอดชีวิต และติดร่างแหกับธุรกิจสีเทาที่โหดร้ายของเขา เธอไม่อยากไปถึงจุดนั้น ไม่อยากเลยจริงๆ
เธอสูดลมหายใจลึก กำมือแน่นกว่าเดิม น้ำตาคลอเบ้า แต่ในสายตากลับเต็มไปด้วยความตั้งใจ
“ฉัน...ตกลง”
ปุณณ์มองเธอด้วยรอยยิ้มเย็นชาและพอใจ
“ก็ฉลาดเหมือนกันนี่นา” ชายหนุ่มแสยะยิ้มเล็กน้อย
จันทร์เจ้ารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหมุนช้าๆ แต่ก็โล่งใจเล็กน้อย เพราะอย่างน้อย พ่อแม่ของเธอจะรอดพ้นจากปัญหาหนี้สิน แต่ในใจเธอก็เตือนตัวเองเสมอ เธอต้องเข้มแข็งและรอดพ้นจากเขาให้ได้ แม้จะต้องเจ็บปวดก็ตาม
รอยยิ้มและสายตาของปุณณ์ยังคงกดดันเธอ แต่จันทร์เจ้าก็ยืนหยัดได้ เธอได้เลือกไปแล้ว และนี่คือทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่สำหรับเธอ