บ้านบารมีบงกช
ใบบุรินกลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบห้าโมงเย็น ร่างอรชรในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาในบ้าน จึงเห็นว่าฟาร่ากำลังนั่งคุยอยู่กับมารดาของหล่อน
"หนูใบ กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ นึกว่าวันนี้จะไปนอนค้างที่อื่นอีก" นางหันมาถามด้วยรอยยิ้ม
แต่ใบบุรินรับรู้มาตลอดว่ามันเป็นรอยยิ้มเสแสร้ง เพราะคุณพิลันดามักจะพูดจาถากถางเธออยู่เรื่อย ผิดกับฟาร่าที่โผงผางนึกอะไรได้ก็พูดออกมา
"ค่ะคุณน้า ใบขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ" ใบบุรินกำลังจะเดินไปยังบันได ทว่าฟาร่ากลับพูดขึ้นเสียก่อน
"นี่ใบ ฉันอยากกินยำทะเลแบบคราวก่อนที่เธอทำ ฉันว่ามันอร่อยดีนะ วันนี้ทำให้ฉันกินอีกได้หรือเปล่า?"
ฟาร่าอยากให้ใบบุรินทำอาหารให้ตนทาน ปกติหล่อนก็พยายามหาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาให้ทำอยู่เรื่อย ใบบุรินเห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรจึงยอมรับปาก
"ได้สิ แต่ขอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ" ใบบุรินพูดแล้วจึงกำลังจะก้าวขาขึ้นบันได ทว่าเสียงของคีรินทรกลับดังขึ้นเสียก่อน
"ใบไม่ต้องทำอาหารให้ฟาร่า ถ้าเขาไม่อยากทานอาหารที่แม่บ้านทำให้กินเขาก็ควรเข้าครัวไปทำกินเอง เพราะใบไม่ได้มีหน้าที่ทำอาหารให้คนในบ้านนี้" ชายหนุ่มพูดขณะที่หันไปจ้องมองฟาร่าด้วยแววตาเอาเรื่อง
น้ำเสียงของคีรินทรบ่งบอกว่าไม่พอใจ เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนมารังแกใบบุริน หากคนที่จะรังแกเธอได้ก็ต้องมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น
"แต่พี่คีคะ ใบเขาทำอาหารอร่อยนี่คะ" ฟาร่าพูด คุณพิลันดาจึงสะกิดแขนบุตรสาวเบามือเป็นการปราม
"เธอก็หัดเข้าครัวไปทำอาหารกินเองบ้างสิ เรียนจะจบแล้วนี่ วันๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่เหรอ?"
คีรินทรพูดเท่านั้นแล้วจึงเดินตรงไปหาใบบุริน เขาชำเลืองมองใบหน้าสวยเล็กน้อยก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง
หญิงสาวได้แต่มองตามหลังคนตัวโตด้วยความแปลกใจ เพราะเหตุใดเขาจึงกลับมาที่บ้านอีกครั้ง และยังเดินขึ้นไปชั้นบนอีกด้วย ใบบุรินใจคอไม่ดีจึงรีบเดินตรงขึ้นไปยังห้องนอนของตนเอง
"ฟาร่า เลิกเอาแต่พูดเสียงดังโวยวายได้หรือเปล่าลูก อย่าทำให้คนบ้านนี้เขามองว่าลูกไม่มีมารยาทควบคุมอารมณ์ไม่เป็นไม่มีวุฒิภาวะสิ" นางสั่งสอนบุตรสาวเสียงเบา
พอย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ยิ่งรับรู้ได้ว่าทุกคนล้วนแล้วแต่มีบุคลิกของความเป็นผู้ดี รวมถึงใบบุรินด้วยที่ดูเหมือนจะกลมกลืนกับคนในบ้าน เห็นจะมีก็แต่ฟาร่าที่เอาแต่พูดจาเสียงดังโวยวายไม่เกรงใจคนอื่น
คุณพิลันดาหนักอกหนักใจกับบุตรสาว เพราะแม้จะย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ได้เกือบเดือนแล้วแต่ฟาร่าก็ยังไม่สามารถปรับตัวได้มากนัก
"คุณแม่ก็ดูพี่คีสิคะ ปกป้องใบขนาดนั้นแถมยังหักหน้าฟาร่าด้วย ไม่รู้จะปกป้องอะไรกันนักกันหนา" หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง เพราะดูเหมือนสองคนนั้นจะเข้าข้างกัน
"ก็สองคนนั้นเขาเป็นเหมือนพี่น้องกันมาตั้งหลายปี เราน่ะเพิ่งจะเข้ามาอยู่ใหม่ก็หัดทำตัวให้มันเข้ากับพี่เขาได้หน่อยสิลูก"
"แต่ฟาร่าไม่ได้อยากเป็นพี่น้องกับพี่คีนี่คะ คุณแม่ก็รู้ว่าฟาร่าอยากได้พี่คีมาเป็นแฟน"
"นี่! พูดเบาๆ หน่อยสิ เดี๋ยวก็มีใครมาได้ยินเข้าหรอก แม่รู้ว่าลูกอยากได้คุณคีเป็นแฟน แต่เราเป็นผู้หญิงเราก็อย่าออกตัวมากขนาดนั้น หัดทำตัวดีๆ ให้พี่คีเขาประทับใจสิลูก แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับพี่เขา ผู้ชายชอบผู้หญิงที่อ้อนไม่ใช่ผู้หญิงขี้โวยวาย"
นางแนะนำ เพราะเกรงว่าบุตรสาวจะทำเสียเรื่อง ฟาร่าได้แต่นั่งกอดอกฟังด้วยสีหน้าบึ้งตึง
ใบบุรินเดินตามหลังคีรินทรมาห่างๆ เธอไม่ได้จะพูดคุยอะไรกับเขา จึงตั้งหน้าตั้งตาจะเดินตรงไปยังห้องนอนของตนเอง ทว่าชายหนุ่มกลับหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องนอนห้องหนึ่งซึ่งอยู่ก่อนจะถึงห้องนอนของใบบุริน เขาหันกลับมามองหญิงสาว
"เดินตามมาทำไม?" ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ
"เปล่านี่คะ ใบกำลังจะเดินไปที่ห้องของตัวเอง" เธอก้มหน้าตอบ
"งั้นก็เดินไปสิ" แม้ปากจะบอกเช่นนั้นแต่ก็ไม่ยอมหลีกทางให้ ใบบุรินจึงเลือกที่จะก้มหน้าก้มตาเดินเบี่ยงตัวหลบคีรินทร ทว่าเขากลับเดินตามไปขวางทางไว้
"คุณคีมาทานมื้อเย็นที่นี่เหรอคะ?" เธอถาม ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ตอบ เขาชะเง้อมองซ้ายขวาก่อนที่จะรั้งข้อมือเล็กของใบบุรินมากุมไว้ จากนั้นจึงฉุดรั้งเธอเดินเข้าไปในห้องนอนที่ทั้งสองยืนอยู่
"คุณคี ปล่อยใบนะคะ" ใบบุรินพยายามแกะมือของชายหนุ่มออก คีรินทรจึงยอมปล่อยข้อมือเล็กและเดินไปปิดประตู
ใบบุรินกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องนอนโทนสีทึบสะอาดสะอ้าน แม้จะอยู่บ้านหลังนี้มาหลายปีแต่ก็ไม่เคยเข้ามาในห้องนี้เลย เธอพอจะรู้มาบ้างว่าห้องนอนห้องนี้เป็นห้องนอนเดิมของกรณ์
"ฉันย้ายเข้ามาพักที่ห้องนี้แล้ว"
"คะ?" ใบบุรินขมวดคิ้วถามด้วยความแปลกใจ เธอเผลอตัวจ้องมองเขาอย่างไม่เหนียมอายหรือประหม่าเช่นก่อนหน้านี้
"ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย นี่มันบ้านของฉันนะ หรือเธอคิดว่าฉันเป็นคนอื่นไปซะแล้ว" เขาพูดแล้วจึงดึงแขนใบบุรินเดินไปยังเตียงนอน จากนั้นจึงกดหัวไหล่ของหญิงสาวให้นั่งลงบนเตียงนุ่ม
"แล้วคุณคีไม่พักที่คอนโดข้างนอกแล้วเหรอคะ?"
"ฉันให้ช่างเขามาทาสีใหม่ ไว้ทาสีเสร็จเมื่อไหร่ก็คงจะกลับไปอยู่ที่นั่น"
"แล้วคุณคีทาสีใหม่ทำไมคะ ห้องนั้นก็เป็นคอนโดใหม่อยู่แล้ว"
"ฉันชอบสีทึบๆ แบบนี้ มันค่อยตัดกับสีผิวของเธอดี" เขาพูดขณะที่กำลังจับจ้องใบหน้างดงามของใบบุรินไม่ยอมละสายตา
หญิงสาวรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะอยู่ดีๆ คีรินทรก็ย้ายกลับเข้ามาอยู่ในบ้าน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มยืนยันหนักแน่นว่าไม่อยากอยู่ร่วมกับครอบครัวใหม่ของบิดา
"งั้นเหรอคะ?"
"ใช่ และต่อไปนี้เธอต้องเข้ามานวดให้ฉันทุกคืน และต้องนอนกับฉันทุกคืน"
"แต่ใบเกรงว่าคุณพ่อจะจับได้..."
"ลืมไปแล้วเหรอ ว่าในบ้านหลังนี้ก็มีแต่ฉันที่คอยปกป้องเธอ การตอบแทนฉันด้วยร่างกายของเธอมันคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงนักหรอกมั้ง"
คีรินทรยกเรื่องนี้ขึ้นมาอ้าง ใบบุรินถึงไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะคำว่าบุญคุณมันค้ำคอ บุญคุณต้องตอบแทน
"ก็ได้ค่ะ ใบจะทำทุกอย่างตามที่คุณคีต้องการ" เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วตอบรับการสูญเสียที่ใหญ่หลวงในชีวิตของลูกผู้หญิง
ใบบุรินจำต้องฝืนกลืนเลือดก้อนนี้เพื่อปรารถนาอันร้อนเร่าของเขา แลกกับการอยู่ให้รอดในฝูงหงส์ที่แสนร้ายกาจ
เธอได้แต่รำพึงรำพันในใจ ว่าหากวันใดที่ปีกกล้าขาแข็ง นกน้อยตัวนี้จะโบยบินไปให้ไกลแสนไกล และไม่มีวันหวนกลับมาอีกเลย...