ไอเดีย...
"นายจะเอากระเป๋าฉันไปไหน" ฉันถามนักรบเมื่อเห็นเขาหยิบกระเป๋าหนังสือของฉันแล้วเดินไปหน้าประตูห้องโดยไม่ถามอะไรฉันสักคำ
"ก็ช่วยถือให้ไง ผมอยากเป็นสุภาพบุรุษ^^
"..........." สุภาพบุรุษอย่างงั้นเหรอ??
"ป่ะไปเรียนกันได้แล้ว" พูดจบเขาก็ดึงแขนฉันให้มาใส่รองเท้าจากนั้นเขาก็ปิดประตูห้องแล้วเดินจูงมือฉันมาหน้าลิฟต์ ฉันกำลังจะบอกให้เขาปล่อยมือแต่ยังไม่ทันจะพูดประตูลิฟต์ก็เปิดออกพอดีแล้วอยากจะบอกในลิฟต์มีนักศึกษาที่เรียนมหาลัยKด้วยหลายคนซึ่งมันก็ไม่แปลกหรอกเพราะคอนโดนี้ใกล้มหาลัย บอกตามตรงเลยนะตอนนี้ฉันทำตัวไม่ถูกอีกแล้วแล้วคนในลิฟต์ก็พากันมองเราสองคนเขาจับมือฉันไว้ตลอดเวลาฉันจะสะบัดมือออกก็กลัวว่าเขาเสียหน้าก็เลยปล่อยเลยตามเลย ฉันไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนอีกจะแกล้งอะไรฉันอีกฉันไม่ไหวนะบอกไว้ก่อนฉันยิ่งอ่อนไหวง่ายด้วย จนกระทั่งมาถึงลานจอดรถเขาถึงปล่อยมือฉัน
"นายไม่ต้องจับมือฉันก็ได้นะอายคนอื่นเขาแล้วในลิฟต์เมื่อกี้ก็มีนักศึกษามหาลัยKด้วยตั้งหลายคน"
"แล้วไง"
"ก็มันดูไม่ดีไง นายไม่อายเหรอ"
"อายทำไมตอนนี้ผมมั่นใจว่าเรื่องที่ป้าเป็นแฟนผมคนทั้งมหาลัยน่าจะรู้หมดแล้ว"
"นายรู้ได้ไง"
"ป้าไม่สังเกตคนที่อยู่ในลิฟต์หรือไงมองมาซะขนาดนั้นแถมบางคนยังมีแอบถ่ายรูปเราสองคนด้วย"
"แล้วทำไมนายไม่บอกฉันแล้วทำไมนายไม่ห้ามพวกเขา"
"จะไปห้ามได้ไง ช่างเหอะเขาอยากถ่ายก็ถ่ายไป พี่มินนี่จะได้เชื่อไงว่าเราเป็นแฟนกันจริงๆ"
"นายทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร"
"เพื่อป้าไง ผมไม่อยากให้ใครมาดูถูกป้า" ฉันต้องรู้สึกยังไงที่ได้ยินแบบนี้
"ป้าควรจะดีใจน๊าาที่ได้แฟนเด็กทั้งหล่อทั้งรวยแล้วก็เป็นสุภาพบุรุษหาไม่ได้แล้วนะครับป้า^^"
"เป็นแฟนกันแต่นายเรียกฉันต่อหน้าคนอื่นว่าป้าเนี่ยนะ"
"งั้นผมเปลี่ยนก็ได้ผมไม่เรียกป้าละผมเรียกว่า...ที่รักดีมั้ย^^"
"อ๊าย เด็กบ้า ที่ร้งที่รักอะไร อย่ามาพูดแบบนี้นะ"
"เขินเหรอหน้าแดงเลย55555"
"เขินบ้าเขินบออะไรอากาศร้อนหรอก" ฉันยอมรับว่าเขินจริงแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่เขิน
พอมาถึงมหาลัยฉันก็ลงจากรถแล้วเดินไปที่ตึกบริหารส่วนนักรบเขาไปา่งซีกินข้าวที่โรงอาหาร แต่ทำไมมีแต่คนมองฉันด้วยสายตาแปลกๆล่ะแปลกจนผิดสังเกตจนกระทั่งยัยปุ้ยวิ่งมาหาฉันแล้วลากฉันไปนั่งที่ม้าหินอ่อนตรงที่ไม่มีคนพลุกพล่าน
"ยัยเดียแกทำไมถึงไม่บอกความจริงกับฉันห๊ะต้องให้ฉันไปได้ยินมาจากคนอื่น"
"ความจริงอะไรของแกฉันไม่เข้าใจ"
"เรื่องแกกับนักรบเป็นแฟนกันไง ไหนแกบอกไม่ชอบขี้หน้าเด็กนั่นไงแล้วไปไงมาไงถึงมาเป็นแฟนกันได้แถมยังไปยืนจูบกันกลางห้างอีก"
"แกรู้เรื่องจูบได้ไง"
"โอ๊ยย รูปแกกับนักรบจูบกันถูกแชร์ลงกลุ่มตั้งแต่เมื่อวานตอนที่ฉันเห็นฉันกะว่าจะโทรถามแกแต่ก็ลืมเพราะพี่ช้างมารับฉันไปทานข้าวบ้านพ่อแม่เขาพอดี"
"พูดเป็นเล่นใครมันจะเอามาลงแล้วใครถ่าย"
"ไม่เชื่อแกก็เปิดดูดิ" ฉันรีบหยิบมือถือของตัวเองมาแล้วกดเข้าไปดูในกลุ่มนักศึกษามหาลัยKแล้วมันก็มีรูปที่ฉันกับนักรบจูบกันจริงๆด้วย แล้วใครเป็นคนถ่ายเนี่ย สงสัยต้องเป็นเพื่อนยัยมินนี่แน่ๆ ซึ่งแต่ละคอมเม้นมีแต่คนบูลลี่ฉันว่าฉันสารพัดบอกว่าฉันหลอกเด็กบ้าง หนูตกถังข้าวสารบ้าง แปลว่าพวกนี้รู้ว่านักรบเป็นลูกใครฐานะเป็นยังไง
"ตกลงยังไงกันแน่เหลามาเดี๋ยวนี้" แล้วฉันก็เล่าเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบให้ยัยปุ้ยฟัง แต่แทนที่มันจะโล่งใจที่ฉันไม่ได้เป็นแฟนกับนักรบจริงๆแต่มันกลับกรี๊ดกร๊าดตัวบิดไปบิดมาแล้วบอกกับฉันว่าให้ฉันทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงซะ
"แกกับนักรบถ้าเป็นแฟนกันจริงๆฉันว่าโอเคเลยนะเหมาะสมกันดีปากทันกันรู้ทันกันตลอด55555"
"มันใช่เรื่องจะเอามาพูดเล่นไหม"
"ฉันพูดจริงๆนะ จากที่แกเล่ามานักรบเองก็ดูจะมีชอบแกอยู่หน่อยๆนะไม่งั้นคงไม่จูบแกต่อหน้ายัยมินนี่หรอก และที่สำคัญนะฉันว่านะยัยมินนี่ต้องชอบนักรบแน่ๆคงอยากได้ไปเป็นผัวอ่ะยัยนี่ชอบกินเด็กยิ่งเด็กหล่อๆรวยๆแบบนักรบยัยนี่คงไม่พลาดแต่นักรบดันไม่เล่นด้วยแถมยังประกาศตัวว่าเป็นแฟนกับแกอีกยัยมินนี่ก็เลยแค้นมันเลยเอารูปที่แกโดนจูบมาประจานในกลุ่มไง"
"แกพูดจริงเหรอ"
"เชื่อฉันสิถึงฉันจะไม่ใช่แม่หมอแต่ฉันก็เดาอะไรไม่เคยพลาดขนาดฉันทักว่าแกกับนักรบสักวันจะต้องได้กันเป็นผัวเป็นเมียกันฉันว่าอีกไม่นานแล้วแล่ะมาทรงนี้55555"
"พูดจนน่าเกลียดผัวเมียอะไรบ้าบอ"
"ผัวเมียอะไรกันเหรอครับพี่ปุ้ยคนสวย" ไม่ต้องถามว่าเสียงใครถ้าไม่ใช่แฟนกำมะลอของฉันที่ฉันก็ยังงงๆอยู่ตอนนี้ว่าตัวเองมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่
"อ้าวน้องนักรบกับน้องซีสุดหล่อมาพอดีเลยมานั่งด้วยกันสิ" พอยัยปุ้ยชวนนักรบก็เดินมานั่งข้างฉัน พอยัยปุ้ยเห็นแบบนั้นก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"นักรบพี่ขอถามอะไรเราหน่อยสิ"
"ถามอะไรครับ"
"เรากับเพื่อนพี่เป็นแฟนกันจริงๆใช่ไหม"
"ยัยปุ้ย!!!"
"แล้วพี่คิดว่าไงล่ะครับ"
"พี่ก็ไม่รู้ไงเลยอยากถามเราให้แน่ใจ^^"
"เด็กน้อยอย่างผมเพื่อนพี่ไม่สนใจหรอกครับในสายตาเพื่อนพี่ผมมันเป็นเด็กนิสัยไม่ดีเอาแต่ใจ><" ฉันล่ะหมั่นใส้นักรบจริงๆทำหน้าจะร้องไห้เหมือนเด็กกำลังน้อยใจ
"ไอ้รบตกลงที่เค้าลือกันว่ามึงกับพี่เดียเป็นแฟนกันก็คือเรื่องจริงเหรอวะ"
"ไม่ใช่จ้ะน้องซีเพื่อนเราเค้าแค่อยากจะช่วยพี่น่ะ"
"ช่วยยังไงเหรอครับถึงกับต้องจูบกันกลางห้างแบบนั้น" น้องซีพูดซะฉันไปไม่เป็นเลย
"มึงอย่าถามเยอะไอ้ซี เดี๋ยวว่าที่แฟนกูจะเขิน ที่รักครับรบไปเรียนก่อนนะครับไว้เจอกันตอนเย็นนะ"
"ที่รัก!!!"
"ห๊ะ ที่รัก??" ทั้งยัยปุ้ยทั้งน้องซีต่างก็ทำหน้าทำเสียงตกใจเมือ่ได้ยินนักรบเรียกฉันว่าที่รัก
"ห้ามพูดแบบนี้นะไม่ชอบเดี๋ยวสองคนนี้ก็เข้าใจผิดหรอก"
"ไม่เป็นไรครับผมชอบเข้าใจผิดครับ^^" ซียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ต่างจากเพื่อนของฉันเลย
"ใช่ฉันก็ชอบเข้าใจผิดเหมือนกัน^^" ฉันไม่อยากต่อปากต่อคำกับทั้งสามคนก็เลยลุกออกมาแล้วเดินขึ้นตึกแต่ก้าวขาไม่ถึงสามก้าวยัยมินนี่กับเพื่อนของนางก็เดินลงบันไดมาขวางทางฉันเอาไว้ไม่ยอมให้ฉันเดินขึ้นตึกง่ายๆ
"หลีกไปมินนี่ฉันจะขึ้นตึก"
"ถ้าฉันไม่อนุญาตแกก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น แกอย่าลืมว่าแม่ของฉันเป็นหุ้นส่วนของมหาลัยK"
"หุ้นส่วนแค่สองเปอร์เซ็นต์เองอย่าเอามาอวดเลยครับพี่มินนี่"
"นักรบ??"
"ขนาดพ่อผมมีหุ้นอยู่ถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์ผมยังไม่คุยเลย" ฉันยอมรับว่าฉันตกใจเพราะเรื่องนี้ฉันก็เพิ่งรู้วันนี้นี่แล่ะว่าคุณพ่อของนักรบเป็นผู้ถือหุ้นของมหาลัยKแถมหุ้นยังเกินครึ่งอีก และพอนักรบพูดแบบนั้นยัยมินนี่กับเพื่อนของนางก็หน้าจ๋อยลงทันที ถ้าฉันจะบอกว่าฉันสะใจจะผิดไหม
"พี่ก็รู้ว่าผมกับไอเดียเป็นแฟนกันแล้วพี่ยังมาหาเรื่องเธออีกแบบนี้ผมต้องทำยังไง"
"หาเรื่องอะไรพี่ไม่ได้หาเรื่องนะ"
"ที่รัก ผู้หญิงคนนี้มาหาเรื่องที่รักหรือเปล่าครับ" ฉันมองหน้านักรบก่อนจะหันไปมองหน้ายัยมินนี่ที่ตอนนี้กำลังทำหน้าไม่พอใจที่ได้ยินสรรพนามที่นักรบเรียกฉันก่อนจะเดินชนฉันแล้วรีบลงบันไดไป
"ขอบใจนะที่มาช่วยไล่ยัยมินนี่ไปน่ะ"
"มันเป็นหน้าที่ของแฟนที่ดีอยู่แล้วป่ะ"
อยากจะบอกว่าวันนี้ทั้งวันฉันเรียนไม่รู้เรื่องเลยจริงๆเพราะในหัวคิดแต่เรื่องของนักรบ ฉันไม่รู้ว่าที่เขาทำอยู่ตอนนี้เขาแกล้งฉันให้หวั่นไหวหรือแค่อยากช่วยฉัน
หลังเลิกเรียนวันนี้มีกิจกรรมรับน้องฉันต้องไปช่วยเพื่อนๆคนอื่นๆคุมเด็กปีหนึ่งที่เข้ามาในปีนี้ซึ่งก็รวมถึงนักรบด้วยเพราะเขาเรียนคณะเดียวกันกับฉัน
"รับน้องปีนี้เราจะพากันไปเข้าค่ายอาสาที่หมู่บ้านบนดอยจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งที่หมู่บ้านแห่งนั้นขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภคเราจะเอาของไปบริจาคให้กับชาวบ้านที่นั่นซึ่งการเดินทางอาจจะลำบากสักหน่อย เราจะไปกันสี่คืนห้าวันซึ่งกำหนดเดินทางคืออีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นักศึกษาคนไหนไปไม่ไ่ด้ไม่สะดวกที่จะไปไม่อยากลำบากหรือร่างกายไม่แข็งแรงก็มาลงชื่อและบอกเหตุผลด้วยนะคะเพราะเราจะไม่มีการบังคับแล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกหักคะแนนกิจกรรมนะคะ"