มีแฟนไม่รู้ตัว

1751 คำ
ไอเดีย... "นายจะเอากระเป๋าฉันไปไหน" ฉันถามนักรบเมื่อเห็นเขาหยิบกระเป๋าหนังสือของฉันแล้วเดินไปหน้าประตูห้องโดยไม่ถามอะไรฉันสักคำ "ก็ช่วยถือให้ไง ผมอยากเป็นสุภาพบุรุษ^^ "..........." สุภาพบุรุษอย่างงั้นเหรอ?? "ป่ะไปเรียนกันได้แล้ว" พูดจบเขาก็ดึงแขนฉันให้มาใส่รองเท้าจากนั้นเขาก็ปิดประตูห้องแล้วเดินจูงมือฉันมาหน้าลิฟต์ ฉันกำลังจะบอกให้เขาปล่อยมือแต่ยังไม่ทันจะพูดประตูลิฟต์ก็เปิดออกพอดีแล้วอยากจะบอกในลิฟต์มีนักศึกษาที่เรียนมหาลัยKด้วยหลายคนซึ่งมันก็ไม่แปลกหรอกเพราะคอนโดนี้ใกล้มหาลัย บอกตามตรงเลยนะตอนนี้ฉันทำตัวไม่ถูกอีกแล้วแล้วคนในลิฟต์ก็พากันมองเราสองคนเขาจับมือฉันไว้ตลอดเวลาฉันจะสะบัดมือออกก็กลัวว่าเขาเสียหน้าก็เลยปล่อยเลยตามเลย ฉันไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนอีกจะแกล้งอะไรฉันอีกฉันไม่ไหวนะบอกไว้ก่อนฉันยิ่งอ่อนไหวง่ายด้วย จนกระทั่งมาถึงลานจอดรถเขาถึงปล่อยมือฉัน "นายไม่ต้องจับมือฉันก็ได้นะอายคนอื่นเขาแล้วในลิฟต์เมื่อกี้ก็มีนักศึกษามหาลัยKด้วยตั้งหลายคน" "แล้วไง" "ก็มันดูไม่ดีไง นายไม่อายเหรอ" "อายทำไมตอนนี้ผมมั่นใจว่าเรื่องที่ป้าเป็นแฟนผมคนทั้งมหาลัยน่าจะรู้หมดแล้ว" "นายรู้ได้ไง" "ป้าไม่สังเกตคนที่อยู่ในลิฟต์หรือไงมองมาซะขนาดนั้นแถมบางคนยังมีแอบถ่ายรูปเราสองคนด้วย" "แล้วทำไมนายไม่บอกฉันแล้วทำไมนายไม่ห้ามพวกเขา" "จะไปห้ามได้ไง ช่างเหอะเขาอยากถ่ายก็ถ่ายไป พี่มินนี่จะได้เชื่อไงว่าเราเป็นแฟนกันจริงๆ" "นายทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร" "เพื่อป้าไง ผมไม่อยากให้ใครมาดูถูกป้า" ฉันต้องรู้สึกยังไงที่ได้ยินแบบนี้ "ป้าควรจะดีใจน๊าาที่ได้แฟนเด็กทั้งหล่อทั้งรวยแล้วก็เป็นสุภาพบุรุษหาไม่ได้แล้วนะครับป้า^^" "เป็นแฟนกันแต่นายเรียกฉันต่อหน้าคนอื่นว่าป้าเนี่ยนะ" "งั้นผมเปลี่ยนก็ได้ผมไม่เรียกป้าละผมเรียกว่า...ที่รักดีมั้ย^^" "อ๊าย เด็กบ้า ที่ร้งที่รักอะไร อย่ามาพูดแบบนี้นะ" "เขินเหรอหน้าแดงเลย55555" "เขินบ้าเขินบออะไรอากาศร้อนหรอก" ฉันยอมรับว่าเขินจริงแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่เขิน พอมาถึงมหาลัยฉันก็ลงจากรถแล้วเดินไปที่ตึกบริหารส่วนนักรบเขาไปา่งซีกินข้าวที่โรงอาหาร แต่ทำไมมีแต่คนมองฉันด้วยสายตาแปลกๆล่ะแปลกจนผิดสังเกตจนกระทั่งยัยปุ้ยวิ่งมาหาฉันแล้วลากฉันไปนั่งที่ม้าหินอ่อนตรงที่ไม่มีคนพลุกพล่าน "ยัยเดียแกทำไมถึงไม่บอกความจริงกับฉันห๊ะต้องให้ฉันไปได้ยินมาจากคนอื่น" "ความจริงอะไรของแกฉันไม่เข้าใจ" "เรื่องแกกับนักรบเป็นแฟนกันไง ไหนแกบอกไม่ชอบขี้หน้าเด็กนั่นไงแล้วไปไงมาไงถึงมาเป็นแฟนกันได้แถมยังไปยืนจูบกันกลางห้างอีก" "แกรู้เรื่องจูบได้ไง" "โอ๊ยย รูปแกกับนักรบจูบกันถูกแชร์ลงกลุ่มตั้งแต่เมื่อวานตอนที่ฉันเห็นฉันกะว่าจะโทรถามแกแต่ก็ลืมเพราะพี่ช้างมารับฉันไปทานข้าวบ้านพ่อแม่เขาพอดี" "พูดเป็นเล่นใครมันจะเอามาลงแล้วใครถ่าย" "ไม่เชื่อแกก็เปิดดูดิ" ฉันรีบหยิบมือถือของตัวเองมาแล้วกดเข้าไปดูในกลุ่มนักศึกษามหาลัยKแล้วมันก็มีรูปที่ฉันกับนักรบจูบกันจริงๆด้วย แล้วใครเป็นคนถ่ายเนี่ย สงสัยต้องเป็นเพื่อนยัยมินนี่แน่ๆ ซึ่งแต่ละคอมเม้นมีแต่คนบูลลี่ฉันว่าฉันสารพัดบอกว่าฉันหลอกเด็กบ้าง หนูตกถังข้าวสารบ้าง แปลว่าพวกนี้รู้ว่านักรบเป็นลูกใครฐานะเป็นยังไง "ตกลงยังไงกันแน่เหลามาเดี๋ยวนี้" แล้วฉันก็เล่าเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบให้ยัยปุ้ยฟัง แต่แทนที่มันจะโล่งใจที่ฉันไม่ได้เป็นแฟนกับนักรบจริงๆแต่มันกลับกรี๊ดกร๊าดตัวบิดไปบิดมาแล้วบอกกับฉันว่าให้ฉันทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงซะ "แกกับนักรบถ้าเป็นแฟนกันจริงๆฉันว่าโอเคเลยนะเหมาะสมกันดีปากทันกันรู้ทันกันตลอด55555" "มันใช่เรื่องจะเอามาพูดเล่นไหม" "ฉันพูดจริงๆนะ จากที่แกเล่ามานักรบเองก็ดูจะมีชอบแกอยู่หน่อยๆนะไม่งั้นคงไม่จูบแกต่อหน้ายัยมินนี่หรอก และที่สำคัญนะฉันว่านะยัยมินนี่ต้องชอบนักรบแน่ๆคงอยากได้ไปเป็นผัวอ่ะยัยนี่ชอบกินเด็กยิ่งเด็กหล่อๆรวยๆแบบนักรบยัยนี่คงไม่พลาดแต่นักรบดันไม่เล่นด้วยแถมยังประกาศตัวว่าเป็นแฟนกับแกอีกยัยมินนี่ก็เลยแค้นมันเลยเอารูปที่แกโดนจูบมาประจานในกลุ่มไง" "แกพูดจริงเหรอ" "เชื่อฉันสิถึงฉันจะไม่ใช่แม่หมอแต่ฉันก็เดาอะไรไม่เคยพลาดขนาดฉันทักว่าแกกับนักรบสักวันจะต้องได้กันเป็นผัวเป็นเมียกันฉันว่าอีกไม่นานแล้วแล่ะมาทรงนี้55555" "พูดจนน่าเกลียดผัวเมียอะไรบ้าบอ" "ผัวเมียอะไรกันเหรอครับพี่ปุ้ยคนสวย" ไม่ต้องถามว่าเสียงใครถ้าไม่ใช่แฟนกำมะลอของฉันที่ฉันก็ยังงงๆอยู่ตอนนี้ว่าตัวเองมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ "อ้าวน้องนักรบกับน้องซีสุดหล่อมาพอดีเลยมานั่งด้วยกันสิ" พอยัยปุ้ยชวนนักรบก็เดินมานั่งข้างฉัน พอยัยปุ้ยเห็นแบบนั้นก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ "นักรบพี่ขอถามอะไรเราหน่อยสิ" "ถามอะไรครับ" "เรากับเพื่อนพี่เป็นแฟนกันจริงๆใช่ไหม" "ยัยปุ้ย!!!" "แล้วพี่คิดว่าไงล่ะครับ" "พี่ก็ไม่รู้ไงเลยอยากถามเราให้แน่ใจ^^" "เด็กน้อยอย่างผมเพื่อนพี่ไม่สนใจหรอกครับในสายตาเพื่อนพี่ผมมันเป็นเด็กนิสัยไม่ดีเอาแต่ใจ><" ฉันล่ะหมั่นใส้นักรบจริงๆทำหน้าจะร้องไห้เหมือนเด็กกำลังน้อยใจ "ไอ้รบตกลงที่เค้าลือกันว่ามึงกับพี่เดียเป็นแฟนกันก็คือเรื่องจริงเหรอวะ" "ไม่ใช่จ้ะน้องซีเพื่อนเราเค้าแค่อยากจะช่วยพี่น่ะ" "ช่วยยังไงเหรอครับถึงกับต้องจูบกันกลางห้างแบบนั้น" น้องซีพูดซะฉันไปไม่เป็นเลย "มึงอย่าถามเยอะไอ้ซี เดี๋ยวว่าที่แฟนกูจะเขิน ที่รักครับรบไปเรียนก่อนนะครับไว้เจอกันตอนเย็นนะ" "ที่รัก!!!" "ห๊ะ ที่รัก??" ทั้งยัยปุ้ยทั้งน้องซีต่างก็ทำหน้าทำเสียงตกใจเมือ่ได้ยินนักรบเรียกฉันว่าที่รัก "ห้ามพูดแบบนี้นะไม่ชอบเดี๋ยวสองคนนี้ก็เข้าใจผิดหรอก" "ไม่เป็นไรครับผมชอบเข้าใจผิดครับ^^" ซียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ต่างจากเพื่อนของฉันเลย "ใช่ฉันก็ชอบเข้าใจผิดเหมือนกัน^^" ฉันไม่อยากต่อปากต่อคำกับทั้งสามคนก็เลยลุกออกมาแล้วเดินขึ้นตึกแต่ก้าวขาไม่ถึงสามก้าวยัยมินนี่กับเพื่อนของนางก็เดินลงบันไดมาขวางทางฉันเอาไว้ไม่ยอมให้ฉันเดินขึ้นตึกง่ายๆ "หลีกไปมินนี่ฉันจะขึ้นตึก" "ถ้าฉันไม่อนุญาตแกก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น แกอย่าลืมว่าแม่ของฉันเป็นหุ้นส่วนของมหาลัยK" "หุ้นส่วนแค่สองเปอร์เซ็นต์เองอย่าเอามาอวดเลยครับพี่มินนี่" "นักรบ??" "ขนาดพ่อผมมีหุ้นอยู่ถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์ผมยังไม่คุยเลย" ฉันยอมรับว่าฉันตกใจเพราะเรื่องนี้ฉันก็เพิ่งรู้วันนี้นี่แล่ะว่าคุณพ่อของนักรบเป็นผู้ถือหุ้นของมหาลัยKแถมหุ้นยังเกินครึ่งอีก และพอนักรบพูดแบบนั้นยัยมินนี่กับเพื่อนของนางก็หน้าจ๋อยลงทันที ถ้าฉันจะบอกว่าฉันสะใจจะผิดไหม "พี่ก็รู้ว่าผมกับไอเดียเป็นแฟนกันแล้วพี่ยังมาหาเรื่องเธออีกแบบนี้ผมต้องทำยังไง" "หาเรื่องอะไรพี่ไม่ได้หาเรื่องนะ" "ที่รัก ผู้หญิงคนนี้มาหาเรื่องที่รักหรือเปล่าครับ" ฉันมองหน้านักรบก่อนจะหันไปมองหน้ายัยมินนี่ที่ตอนนี้กำลังทำหน้าไม่พอใจที่ได้ยินสรรพนามที่นักรบเรียกฉันก่อนจะเดินชนฉันแล้วรีบลงบันไดไป "ขอบใจนะที่มาช่วยไล่ยัยมินนี่ไปน่ะ" "มันเป็นหน้าที่ของแฟนที่ดีอยู่แล้วป่ะ" อยากจะบอกว่าวันนี้ทั้งวันฉันเรียนไม่รู้เรื่องเลยจริงๆเพราะในหัวคิดแต่เรื่องของนักรบ ฉันไม่รู้ว่าที่เขาทำอยู่ตอนนี้เขาแกล้งฉันให้หวั่นไหวหรือแค่อยากช่วยฉัน หลังเลิกเรียนวันนี้มีกิจกรรมรับน้องฉันต้องไปช่วยเพื่อนๆคนอื่นๆคุมเด็กปีหนึ่งที่เข้ามาในปีนี้ซึ่งก็รวมถึงนักรบด้วยเพราะเขาเรียนคณะเดียวกันกับฉัน "รับน้องปีนี้เราจะพากันไปเข้าค่ายอาสาที่หมู่บ้านบนดอยจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งที่หมู่บ้านแห่งนั้นขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภคเราจะเอาของไปบริจาคให้กับชาวบ้านที่นั่นซึ่งการเดินทางอาจจะลำบากสักหน่อย เราจะไปกันสี่คืนห้าวันซึ่งกำหนดเดินทางคืออีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นักศึกษาคนไหนไปไม่ไ่ด้ไม่สะดวกที่จะไปไม่อยากลำบากหรือร่างกายไม่แข็งแรงก็มาลงชื่อและบอกเหตุผลด้วยนะคะเพราะเราจะไม่มีการบังคับแล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกหักคะแนนกิจกรรมนะคะ"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม